Honda City e:HEV ครั้งแรกของซิตี้คาร์ ที่มาพร้อมกับระบบ Full Hybrid และเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 8 มี.ค. 64 00:00
- 35,635 อ่าน
เมื่อช่วงปลายปีที่เพิ่งผ่านมา ทางทีมงาน AUTODEFT ก็ได้มีโอกาสไปร่วมขับทดสอบในรูปแบบ Group Test กับ New Honda City e:HEV ที่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของซิตี้คาร์ Full Hybrid ในไทย ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ซึ่งนอกจากเรื่องของสมรรถนะการขับขี่กับเครื่องยนต์ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
ในเรื่องของอัตราการประหยัดในการขับขี่นั้น ต้องยอมรับเลยว่าสามารถประหยัดได้ในระดับ 20+ กม./ลิตร เลยทีเดียว แม้ว่าการขับทดสอบในครั้งนั้นจะมีการขับขี่ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถติดในเมือง การทดสอบอัตราเร่ง การใช้ความเร็วสูงในการเดินทางไกล เส้นทางลาดชันช่วงเขาใหญ่ ตัวเลขเฉลี่ยรวมตลอดทริปออกมาเรียกได้ว่าสร้างความประทับใจอย่างมาก รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ที่ถูกติดตั้งเข้ามาใน Honda City เป็นครั้งแรกอีกด้วย
เมื่อกล่าวถึง Honda City e:HEV รถยนต์ใหม่ที่มาในรูปแบบ Full Hybrid บนตัวถังของรถ Honda City ซีดาน 4 ประตู ที่พ่วงการตกแต่งสไตล์สปอร์ต RS ภายนอกโดดเด่นบ่งบอกความเป็นรถ Full Hybrid ด้วยโลโก้ Honda สีฟ้า (Blue H Mark) ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กระจังหน้า Glossy Black พร้อมโลโก้ RS สีแดง ไฟหน้าและไฟ DRLs แบบ LED รวมไปถึงไฟตัดหมอกแบบ LED ที่ตกแต่งด้วยกรอบสีดำสุดสปอร์ต
ด้านข้างตัวรถของ Honda City e:HEV ก็ยังได้รับการตกแต่งในสไตล์ RS กับกระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว และที่ฝั่งซ้ายด้านใต้กระจกมองข้างจะพบกล้อง Honda LaneWatch เป็นระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน มาดูส่วนของล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง 185/55 R16 ด้านท้ายรถกับไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED ยิ่งสปอร์ตขึ้นกับสปอยเลอร์หลัง Glossy Black และเสาอากาศครีบฉลามสีดำ แน่นอนว่าด้านท้ายจะพบได้กับโลโก้ Honda สีฟ้า (Blue H Mark) บอกความเป็นรถ Full Hybrid พร้อมโลโก้ e:HEV ที่ด้านขวา
ขยับเข้ามาภายในตัวรถของ Honda City e:HEV กันบ้าง การตกแต่งยังคงมาในธีมสีดำเน้นความสปอร์ต เบาะที่นั่งใช้วัสดุหนังกลับ ผ้า และวัสดุสังเคาะห์ พร้อมเดินด้ายสีแดง มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมเข็มวัดความเร็วที่ด้านขวา พวงมาลัย แบบมัลติฟังก์ชัน สามารถควบคุมชุดเครื่องเสียง สั่งการโทรศัพท์ ควบคุมจอหน้าปัดดิจิตอล และควบคุมระบบความปลอดภัย Honda SENSING ที่ด้านขวาของพวงมาลัย
จอกลางความบับเทิงขนาดใหญ่ 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อมสามารถใช้งาน Google Maps และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ วงแหวนปรับต่าง ๆ สีแดงให้อารมณ์สปอร์ต ถัดลงมาพบกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold
นอกจากนี้ตัวรถยังติดตั้งระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) รวมไปถึงความสะดวกมากขึ้นกับระบบล็อกอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ที่สามารถตั้งค่าเปิดหรือปิดการใช้งานได้ตามต้องการ พร้อมติดตั้งระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ให้เราสามารถดูสถานะตัวรถ รวมไปถึงการควบคุมได้จากระยะไกลผ่านทางสมาร์ทโฟน
สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเย็นสบายทั่วถึงด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง เบาะที่นั่งด้านหลังมากับที่วางแขนกลางที่สามารถพับเก็บได้พร้อมช่องวางแก้ว
ในครั้งนี้ทางทีมงานถือโอกาสขับทดสอบด้านความประหยัดน้ำมันของ Honda City e:HEV ทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง โดยรูปแบบการขับขี่ในเมือง ทีมงานได้วิ่งไปด้วยระยะทางประมาณ 98.4 กิโลเมตร กับเส้นทางที่สภาพการจราจรที่ติดขัดในบางช่วง สลับหยุดนิ่งติดไฟแดงในหลาย ๆ ช่วง และไม่ได้มีการใช้ความเร็วที่สูง เนื่องจากเป็นย่านในเมือง รวมไปถึงมีรถที่ค่อนข้างหนาแน่น มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าหมุนล้อในหลายช่วง และในบางช่วงที่แบตเตอรี่เพียงพอในขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่นั้น เครื่องยนต์ก็จะไม่ได้ทำงาน ส่วนการขับนอกเมืองนั้น ทีมงานได้วิ่งทดสอบด้วยระยะทางประมาณ 95.7 กิโลเมตร กับเส้นทางวิ่งออกต่างจังหวัด มีการใช้ความเร็วช่วง 100-120 กม./ชม. สังเกตได้เลยว่าช่วงความเร็วระดับนี้เครื่องยนต์จะเข้ามาทำงานในการหมุนล้อให้รถเคลื่อนที่ อัตราความประหยัดเฉลี่ยที่ทำได้ตามหน้าจอของรถ อยู่ที่ 21.8 กม./ลิตร เลยทีเดียว
มาต่อกันที่เทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ใน Honda City e:HEV กันบ้าง ในครั้งนี้ทีมงานจึงถือโอกาสได้ลองใช้งานแต่ละระบบกันแบบเต็ม ๆ เริ่มกันด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) ระบบนี้จะทำหน้าที่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่เราตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม เราทำหน้าที่เพียงประคองพวงมาลัยให้อยู่ในเส้นทางของเรา ส่วนเรื่องการกดคันเร่งและเบรก สามารถปล่อยให้ระบบตัดสินใจได้เลย
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบนี้จะใช้กล้องด้านหน้าเพื่อทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ เมื่อเราเข้าสู่ทางโค้ง หรือรถเริ่มเบี่ยงออกชิดเส้นจราจรด้านใดด้านหนึ่ง ระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ จะช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ระบบนี้จะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร และลดการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชนระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน หรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
และสุดท้ายกับระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ระบบนี้จะทำการปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทาง หรือรถยนต์ด้านหน้า เราไม่ต้องตัดสินใจเลยว่า ช่วงเวลาไหนควรเปิดหรือปิดไฟสูงเลย
นอกจากนี้ Honda City e:HEV ยังมีระบบความปลอดภัยที่ให้มาอีกทั้ง
- ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง
- ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD)
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
- และระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
และนี่ก็คือการขับทดสอบใช้งานจริงกับ Honda City e:HEV รถยนต์ซิตี้คาร์ Full Hybrid แรกในประเทศไทย ที่สามารถมอบอัตราความประหยัดได้ทั้งการขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่น และการขับขี่เดินทางไกลนอกเมืองที่มีการใช้ความเร็วแบบต่อเนื่อง รถ Full Hybrid ใหม่นี้ สามารถให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองได้ดีทั้งความแรงที่มาพร้อมความประหยัดแบบครบครัน กับอีกหนึ่งการทดสอบที่เพื่อน ๆ อาจไม่ได้ลองทดสอบกันจากการทดลองขับที่โชว์รูม ครั้งนี้ทีมงานจึงได้ทดสอบมาให้ได้ประกอบการตัดสินใจกัน ส่วนในเรื่องของการขับขี่และการใช้งาน อย่าลืมที่จะไปสัมผัสและทดลองขับด้วยตัวเอง ที่โชว์รูมรถยนต์ฮอนด้าใกล้บ้าน เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่จะทราบว่ารถรุ่นนี้เหมาะและตอบโจทย์คุณหรือไม่…
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com