Hands On : UD Quester สิงห์รถบรรทุกน้องใหม่เอาใจเถ้าแก่แดนสยาม
- โดย : Autodeft
- 2 ต.ค. 59 00:00
- 34,659 อ่าน
ถ้าจะกล่าวถึง รถบบรรทุก คนทั้งประเทศจะรู้จักยานยนต์ขนาดใหญ่ที่นำพาความเจริญรุดหน้าให้กับประเทศอย่างมหาศาล เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น จากโครงการก่อสร้างต่างๆที่ภาครัฐและเอกชนดำเนินการอยู่ รวมถึงการขนส่ง ทำให้บรรดาผู้เล่นหลากหลายค่ายต่างส่งรถบรรทุกรุ่นใหม่ๆมาทำตลาด หวังตอบโจทย์ เจ้าของธุรกิจ กันอย่างทั่วหน้า ซึ่งรวมถึง UD Trucks
ถึงแม้ชื่อ UD Trucks (เดิมชื่อ Nissan Diesel) อาจเป็นชื่อใหม่ แต่ประสบการณ์นั่นกลับช่ำชองในการทำรถบรรทุก เป็นทุนเดิม ปัจจุบันได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Volvo Group กลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ยักษ์ใหญ่ของสวีเดน ท่ามกลางสถานการณ์ของรถบรรทุกสัญชาติเดียวกันที่มีแบรนด์ระดับบิ๊กแข่งขันในตลาดมานาน รวมถึงแบรนด์รถสัญชาติจีน เยอรมนี สวีเดน ฯลฯ เข้ามาแทรกกลาง
ผนวกกับงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน มีมากขึ้น ทำให้ UD Trucks เล็งเห็นความสำคัญของประเทศไทย จึงกลับมาบุกตลาดอีกครั้งตั้งแต่ปี 2013 ประเดิมด้วยรถบรรทุก UD Quester รุ่นใหม่ เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่เมืองไทย นอกจากนี้ยังให้ไทยเป็นฐานการผลิตในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ ด้วยการลงทุนขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 2,000 ล้านบาท และตลอด 3 ปี ความนิยมของ UD Quester ก็สามารถเข้าไปอยู่ในใจเจ้าของกิจการประเภท ขนส่ง ก่อสร้าง เจ้าของโรงโมหิน ฯลฯ ได้อย่างรวดเร็ว และไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
UD Quester มีให้เลือกตั้งแต่ 6 ล้อ เพลาเดียว, 10 ล้อเพลาเดียว, 10 ล้อสองเพลา, และ 12 ล้อสองเพลามีทั้งหมด 25 รุ่น และสามารถต่อตัวถังเลือกได้หลากรูปแบบ ทั้ง งานขนส่งระยะสั้น ระยะกลางและระยะไกลในภาคการเกษตร รถโม่ปูนซิเมนต์ หรือ Mixer งานเหมือง งานก่อสร้าง การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ การขนส่งรถยนต์ การขนส่งปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ การขนส่งวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ตามความต้องการการใช้งานของสิงห์รถบรรทุกอย่างแท้จริง
ภายนอกดีไซน์แข็งแกร่งดุดัน โดยเฉพาะหัวเก๋งภายนอก ที่ใหญ่โต ตามสมัยนิยม แถมบางจุดยังได้กลิ่นอายความเป็น Volvo มาด้วย พร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่และช่องระบายอากาศในตัว ให้ความสวยงาม โดดเด่น รับกับกันชนหน้าแบบ รูปตัว U และไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ ขึ้น-ลงรถสะสวดขึ้นด้วยบันไดห้องโดยสาร พร้อมที่ปัดน้ำฝนขนาดใหญ่แบบ 3 ใบปัด สามารถทำความสะอาดได้ทั่วบานหน้า และกระจกมองข้างขนาดใหญ่ กับ กระจกส่องกันชนหน้า ช่ววยให้ผู้ขีบขี่ มองเห็นชัดเจนขึ้นและกะระยะการจอดได้ง่ายขึ้น
ภายในให้ทัศนวิสัยใหญ่สุด สามารถมองรอบด้านได้อย่างชัดเจน ไม่บดบังสายตา ข้าวของให้มาตามความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ชุดคอนโซลหน้าออกแบบให้หยิบจับใช้งานสะดวกขึ้นด้วยปุ่มการใช้งานต่างๆมากมาย พวงมาลัย 2 ก้านขนาดใหญ่พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงที่ให้น้ำหนักเบาดุจรถเก๋งสามารถปรับสู่ง-ต่ำและยืด-หดได้ ซึ่งน้ำหนักนั้นเบาและสาวพวงมาลัยได้อย่างสบาย
เบาะนั่งคนขับเป็นระบบรองรับน้ำหนักแบบถุงลมที่ให้ความยืดหยุ่น ช่วยให้ผู้ขับได้รับสบายระหว่างการขับที่ยากลำบาก เท่าที่ได้สัมผัสขอบอกเลยว่า นุ่มนวล และในช่วงทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ขับกล่อมเสียงเพลงในยามขับรถทางไกลๆและลดความเมื่อยล้าด้วยวิทยุ FM AM กับช่องเสียบ USB แต่ว่าขาดช่องใส่ CD เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศติดตั้งจากโรงงาน และไม่ต้องเอี้ยวตัวในการไขกระจกรถด้วยกระจกไฟฟ้า ขึ้น-ลง Auto ด้านคนขับ
ใต้เรือนร่างความใหญ่โตเจ้ารถบรรทุกเก่ง UD Quester ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์แบบ 6 สูบ ที่มีให้เลือก ถึง 2 ขนาดคือ เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก 8.0 ลิตร ให้แรงม้าหลายระดับตั้งแต่ 250, 280 กับ 330 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 8 สปีด และเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ 11 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 370 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 9 สปีด โดยแต่ละเครื่องยนต์ออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นโดยแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องยนต์ต่อนาทีในอัตราที่ต่ำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการบรรทุกลากจูง และในยามทางชันให้อัตราเร่งอย่างทันใจ
สารภาพกับแฟนๆชาว Autodeft เลยว่า ตื่นเต้นจริงๆ เพราะส่วนใหญ่จะจับทดสอบแต่ รถกระบะและอเนกประสงค์ ทั้งขับสองและขับสี่ 4WD แต่งานนี้ต้องมาขับรถบรรทุกขนาดใหญ๋ ตอนแรกคิดว่าขับยากหรือเปล่า แต่เพื่อนๆที่รู้จักกันในวงการกลับบอกว่าขับง่าย สบายๆ เอาหละเป็นไงเป็นกันลองขับสักครั้งก็ไม่เสียหายอะไร
งานนี้มาอยู่ท่ามกลางความท้าทายแบบมหึมา ที่โรงโม่หินศิลาสานนท์ จังหวัด สระบุรี และได้ขับรุ่น 10 ล้อสองเพลา CWE เครื่องยนต์ 370 แรงม้า สตาร์ดรถเสร็จ ปรับท่านั่ง ปรับพวงมาลัย พร้อมทำความคุ้นเคยกับฟังก์ชั่นต่างๆภายในรถให้เสร็จสรรพ ด้วยภายในโรงโม่หินที่มีเส้นทางขึ้น-ลงเนิน เส้นทางขุรขระ เป็นส่วนใหญ่ ไม่รอช้าเดินหน้าเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 ในระยะเวลาสั้นๆ พร้อมสับเข้าเกียร์ 2 ขึ้นไปอย่างทันที ก็พบว่าอัตราเร่งจากเครื่อง 11 ลิตร 370 แรงม้ากลับให้พลังมหาศาล สามารถฉุดลากได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นอกจากนี้ยังมีระบบ Dift-Lock ช่วยในการปีนไต่ทางชันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่มีข้อแม้ว่ารอบเครื่องยนต์ต้องอยู่ที่ 1,500 รอบ/นาที เท่านั้น
แต่ตอนลงเนินหละจะทำอย่างไร ทาง UD ติดตั้ง ระบบเบรกด้วยเครื่องยนต์ Engine Brake หรือ UD Extra Engine Brake (UD EEB) ที่สามรถปรับได้ ถึง 2 ระดับ ลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ พร้อมกับการเบรกที่มีกำลังสูง เบรกได้รวดเร็ว และเบรกได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้าเบรกห้ามล้อ และลดความจำเป็นในการบำรุงรักษาลง โดยก้านระบบการทำงานจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ เมื่อได้ใช้แล้ว ยอมรับเลยว่า สามารถดึงกำลังเครื่องเป็นอย่างดีและเหมาะมากสำหรับสถานการณ์แบบนี้
ระบบช่วงล่าง UD Quester ติดตั้งสปริงหน้าแบบโค้งวงกลม และออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อใช้งานในสภาพการทำงานที่สมบุกสมบันที่สุด โครงเหล็กแรงดึงสูงแบบรีดขึ้นรูปที่เสริมชั้นยางด้านในและเพลาท้ายแบบ T-Ride ใช้เป็นฐานที่แข็งแรงทนทานเพื่อลดโอกาสการเกิดแรงเค้นที่สูงเกิน เท่าที่สัมผัสกับการขับในเหมือง กลับให้ความนุ่มนวลที่ดี และเหมาะสำหรับใช้งานบนพื้นผิวถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ น้ำหนักบรรทุกที่มีศูนย์ถ่วงสูง และน้ำหนักบรรทุกที่มีการกระจายไม่สม่ำเสมอ จุดนี้เป็นจุดสำคัญสำหรับรถบรรทุกในปัจจุบัน และตลอดการขับขี่ภายในโรงโม่หิน กลับให้ความนุ่มนวลในเกณฑ์พอใช้ได้
ถึงแม้จะเป็นการขับรถบรรทุกครั้งแรกและขับแบบสั้นๆภายในโรงโม่หิน แต่ก็ยอมรับเลยว่าเจ้ารถบรรทุก UD รุ่นใหม่นี้ ขับง่ายจริงๆ พร้อมเป็นตัวเลือกคู่ใจสำหรับเจ้าของกิจการ และเหล่าสิงห์รถบรรทุกไว้ใช้งานทุกรูปแบบ ทุกสถานการณ์ พร้อมพลังที่ตอบโจทย์ในการเร่ ฉุดลากกำลังได้อย่างทันท่วงที ถึงแม้จะทำตลาดมา 3 ปี แต่กลับสร้างยอดกขาย 7 เดือนแรกของปี 2559 ประมาฯ 420 คันเพิ่มขึ้นเป็น 55 % จากปีที่แล้ว นับว่าเป็นรถบรรทุกที่น่าจับตามองจริงๆสำหรับ UD Quester
เรื่องและขับทดสอบโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)
ขอขอบคุณ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถบรรทุก UD Quester
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com