Hands On : Toyota Vellfire แค่ซื้อมานั่งเอาความหรูก็คุ้มแล้ว!!
- โดย : Autodeft
- 8 พ.ค. 58 00:00
- 63,651 อ่าน
พบบทดสอบรถยนต์ Toyota Vellfire ที่สุดของอเนกประสงค์ตัวหรูจากค่าย Toyota ที่ไม่ว่าใครก็คงคิดอยากครอบครองมันไว้ประดับบารมี
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ในชีวิตนี้พูดถึงการทดสอบรถยนต์เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า วิธีการทดสอบรถยนต์จะมีหนทางที่ทราบได้อย่างเดียว คือการขับใช้งานจริงๆ บนถนนที่เรารู้จักมักจี่กันดี แต่ผู้อ่านหลายท่านอาจจะไม่ทราบมาก่อน เชื่อไหมว่า นักทดสอบรถยนต์ที่เจ๋งจริง เขาจะรับรู้ความรู้สึกในตัวรถได้ก่อนที่เขาจะต้องขับมันด้วยซ้ำไป
การขับไม่ได้บอกข้อดีของรถคันนั้นเสมอไป นั่นเป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้มายาวนาน ซึ่งตามปกติเมื่อมาถึงงานทดสอบรถยนต์ หลายคนอาจจะต่างอยากแย่งชิงที่จะขับรถคันนั้นๆ ก่อนเพื่อที่จะได้บอกท่านผู้อ่าน ว่ามันเป็นอย่างไร แต่ครั้งนี้การทดสอบ Toyota Vellfire เกมแย่งกันขับ กลับกลายเป็นเป่ายิงฉุบแย่งกันนั่ง....ในเจ้าที่สุดความหรูที่เชื่อว่าหลายคนก็มองอยู่ และคงคิดว่า ถ้าครั้งหนึ่งในชีวิตประสบความสำเร็จอะไรก็ตามจะซื้อมันมาไว้ในโรงรถที่บ้านอย่างแน่นอน
อย่าแปลกใจถ้าคุณคิดแบบนั้นอยู่ ...และรู้สึกเหมือนผมอ่านใจท่านผู้อ่านได้ แต่นั่นเป็นความจริงกว่าครึ่งของคนที่หันมาคบเจ้ารถยนต์อเนกประสงค์สุดหรูชื่อกระฉ่อนในยุคนี้ Toyota Alphard ซึ่งในรุ่นก่อนหน้านี้เพื่อให้ความหรูหรามาบรรจบกับความสปอร์ตพวกเขาก็เพิ่งเริ่มแนะนำ Toyota Vellfire ในตลาดประเทศญี่ปุ่น แต่ความลงตัวในสไตล์ที่แตกต่างก็ทำให้ผู้นำเข้าอิสระหิ้วัมนเข้ามาให้เศรษฐีไทยได้จับจอง ทว่าครั้งนี้ทาง Toyota Motor Thailand จัดหนักมาเต็ม ด้วยการแนะนำรถยนต์ Toyota Alphard และ ครั้งแรกกับการนำ Toyota Vellfire เข้ามาวางจำหน่ายเอง เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนเกมสำคัญที่ทำให้ค่ายผู้นำเข้าอิสระ ...หวั่นไหวไม่น้อย
พบครั้งแรกกับ Toyota Vell Fire เป็นอะไรที่ทำให้นึกถึงวันวานมาก ถ้าบอกคุณคงจะไม่เชื่อว่า ก่อนที่ผม นาย Bonn จะมาเป็นนักทดสอบอย่างที่หลายท่านรู้จักในวันนี้ เมื่อช่วงจบชีวิตปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยใหม่ๆ ผมนี่คลุกคลีกับรถหรูพวกนี้มาแล้วในฐานะพนักงานขายรถนำเข้า ซึ่งช่วงนั้นทำงานเอามันส์สนุก และ Toyota Alphard เป็นรถที่ผมคุ้นเคยกันดี เรียกว่า นั่งทุกวันที่โชว์รูมย่านรัชวิภา จนรู้ทุกฟังชั่นในรถ อย่างครบครัน
วันนี้เราจะได้มีโอกาสสัมผัสเจ้ารถยนต์ Toyota Vellfire ร่างของความสปอร์ตรูรามีระดับเดินทางในสไตล์ของผู้บริหาร .. แต่ถ้าคุณมองหารถยนต์แบบนี้ในราคาที่สมน้ำสมเนื้อ บอกเลยว่ามันน่าประทับใจ เทียบกันกับ Toyota Alphard รถยนต์อเนกประสงค์สุดหรู Toyota Vellfire เป็นหนังคนละม้วนแม้จะมาจากพื้นฐานการวิศวกรรมเดียวกัน ด้วยการออกแบบให้ความหรูหรามีระดับ ดูภูมิฐานและแอบคราบความสปอร์ตไว้ในตัวตนเป็นไปได้ทั้งหมดในรถคันเดียว
การให้รายละเอียดด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยมมาพร้อมโคมไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟ Day Time Running Light ติดตัวบอกความหรูหราในตัวตน ให้เส้นสายที่เป็นคมสันรอบคันสอดรับเข้ากับไฟท้าย LED รมดำ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ให้ยางขนาด 235/50/R18 ตอบโจทย์ในการเดินทาง จนทุกมุมมองของ Toyota Vell Fire งามสง่าน่าดูน่าหลงใหลไม่น้อย
ความสง่าในแบบผู้นำยิ่งลงตัวมากขึ้นเมื่อคุณเปิดประตูห้องโดยสาร ถ้าอยากเป็นผู้นั่งแบบผู้บริหารมาเอง ก็สะดวกสบายด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้า เปิดได้ทั้งซ้ายและขวา ตามแต่คุณท่านจะสั่งให้โชเฟอร์เปิด หรือถ้าอยากขับเอง กดเปิดจากรีโมทก็ได้ ซึ่งนอกจากจะสั่งการทำงานประตูสไลด์ไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถสั่งการทำงานฝาท้ายได้ด้วย แต่ถ้าคุณเผลอเปิดเองทางด้านหลังมันกลับเป็นอัตโนมือเสียแบบนั้นไม่ใช่ไฟฟ้า เล่นเอางงๆไปเล็กน้อย
เปิดประตูทางด้านหน้าก็จะพบความลงตัวกับที่นั่งคนขับแสนสบาย ลืมไปเลยคำว่า นี่มันตำแหน่งโชว์เฟอร์ เพราะมันล้ำสมัยไม่ต่างจากรถหรูชั้นนำ ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับฟ้า 8 ทิศ ทาง พร้อมระบบเลื่อนตำแหน่งเบาะเข้าออกโดยอัตโนมัติ รวมถึงยังมีความจำตำแหน่งที่นั่งมากถึงสามโปรแกรมเลยทีเดียว ส่วนคนนั่งด้านหน้าสามารถปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง ออกแบบมาให้นั่งสบายพอสมควร
แต่ถ้าอยากสบายสุดๆแบบว่า ขึ้นรถมาแล้วสักพัก Shut down ตัวเอง ให้คนขับพาวาร์ปกลับบ้านในชั่วพริบตา แนะนำ เบาะนั่งแถวแรกที่ออกแบบมาในสไตล์เบาะนั่ง VIP คล้ายคุณโดยสารเครื่องบินชั้น First Class มีที่รองขาเสร็จสรรพ สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงยังมีโต๊ะกลางถ้าต้องการ แต่จะว่าไป ที่ทางค่ายสามห่วงลืมคงเป็นโต๊ะ ตรงที่นั่งหน้าตำแหน่งนี้ ที่อาจจะจำเป็นเผื่อ คุณต้องเปิดคอมติดต่องานอย่างเร่งด้วน หรือว่าไปงานสาย และศรีภรรยา อาจจะโยนปิ่นโตมาให้ทานข้าวระหว่างทาง ... เจ้าโต๊ะหน้าที่นั่งจะเป็นประโยชน์ อัศจรรย์อย่างยิ่งยวด ซึ่งอาจจะเอาวิธีการพับซ่อนแบบเครื่องบินมาใช้ก็ได้ เชื่อเถอะว่าต้นทุนไม่กี่บาทหรอกนะ แต่ได้ใจลูกค้าไปเลย
เหลียวมองหลังยังมีที่นั่งอีกสามที่รองรับลูกสมุนติดตาม ถ้ามี ..แต่ถ้าคุณจะต้องเปลี่ยนคันนี้ไว้ใช้จนของบางประการก็พอได้ เพราะเบาะตอนหลัง สามารถปรับพับแขวนให้พื้นที่ขนของได้อีกนิดหน่อย ยามจำเป็นต้องใช้งานมากกว่าแค่เพื่อดูดียามเดินทาง
และที่น่าจะถูกใจใครที่มองหายนตรกรรมสุดหรูเพื่อบอกฐานะ คงจะถูกใจมากที่สุดเป็นการตบแต่งด้วยสีดำทั้งห้องโดยสาร และเบาะนั่งในรถยนต์ Toyota Vell Fire ที่วางจำหน่ายโดย Toyota ทั้งหมดกลับมาพร้อมเบาะหนัง เหนือชั้นกว่าค่ายผู้นำเข้าอิสระหลายรายที่นำรถเข้ามาตอบโจทย์ก่อนหน้านี้ รวมถึงตัวรถยังมาพร้อมระบบฟอกอากาศแบบ Nanoe ช่วยให้ไร้กลิ่นเชื้อโรค และมลพิษ แถมยังมีไฟซ่อนบนฝ้า ที่สามารถเปลี่ยนได้ 16 เฉดสีตามอารมณ์ต้องการ แต่เด็ดสุด นั่นก็คงไม่พ้นมูนรูฟคู่ ช่วยให้คุณเฉิดฉาย หากปีนออกไปมองรถติดในเขตเมือง
แต่ท้ายสุดถ้าการจราจรมันน่าเบื่อนักก็ยังฆ่าเวลาได้กับที่สุดของระบบความบันเทิง CD DVD MP 3 แถมยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth และช่องสัญญาณเสริม AUX ได้ตามต้องการ ทำงานผ่านจอสัมผัสทางด้านหน้า 7 นิ้ว ส่วนผู้โดยสารตอนหลังเต็มคราบความสนุกผ่านจอขนาด 10.2 นิ้ว ที่มาพร้อมระบบเครื่องเสียงสนั่นประดุจโรงภาพยนตร์เคลื่อนกับลำโพงมากถึง 8 จุดเลยทีเดียว
เต็มอิ่มครบครันขนาดนี้เชื่อเลยว่าใครก็คงอยากนั่งมากกว่าขับ ..ไม่แปลกที่ท้ายสุดแล้วผมจะถูกผลักใสไล่ส่งมาให้เป็นโชว์เฟอร์จำเป็น ในการขับรถพาทุกคนลี้ภัยจากกทม.สู่ปลายทางปราณบุรี ....กัน
คงจะรู้สึกดีถ้ารถที่คุณขับมีคนคาราวะตลอดเวลา แน่นอนแม้คุณอยู่ในตำแหน่งคนขับ เจ้า Toyota Vellfire ก็ยังเป็นรถที่ดูมีเกียรติ มันไม่ได้ทำให้คุณดูเหมือนคนขับรถแต่อย่างใด
ผมใส่เกียร์เดินหน้าพร้อมออกเดินทางหลายคนมักจะติดว่ารถยนต์อเนกประสงค์สุดหรูอย่าง Toyota Vell Fire ที่มีขนาดไม่ต่างจากกระบะคันโต ด้วยความยาว 4,930 เมตร กว้าง 1,850 เมตร และสูง 1,895 มม.น่าจะขับยากเอาเรื่อง แต่มันกลับตาลปัดเมื่อค้นพบว่า การขับรถคันนี้ง่ายดายเกินคาดที่จริง ถ้าคุณไม่เน้นว่าจะต้องนั่งเป็นคุณชายตอนหลังตลอดเวลา การมาขับรถคันนี้เองก็เป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่มีความแตกต่างออกไป
เชื่อไหมว่า เจ้ายักษ์หรูคันนี้ มันขับง่ายพอๆกับคุณขับรถอีโค่คาร์ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบาสบายมือยามควงรถเข้าออกที่จอดรถ รวมถึงพี่ยาม เป็นตัวช่วยสำคัญ ที่มักจะวิ่งมารวดเร็วอย่างแข็งขัน นี่ยังไม่นับพวกอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับขี่ภายในรถ อย่างเช่นที่ได้ใช้บ่อยแน่ ก็ไม่น่าจะพ้น กล้องถอยหลัง และถ้าคุณต้องผจญที่แคบมากๆจริงๆ อย่างที่จอดรถในห้างเก่าๆ บางที่ สัญญาณเตือนกะระยะรอบคัน สามารถช่วยคุณได้พอสมควรในการขับขี่ ไม่ให้ตัวหรูต้องบาดเจ็บ
ใน Toyota VellFire ใต้เรือนร่างหรูของรถคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual VVti สามารถทำกำลังสูงสุดได้ถึง 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดเร้าใจ 235 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบต่อนาที
พละกำลังส่งลงระบบเกียร์ CVT 7 สปีดรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการปรับอัตราทด สนองตอบต่อการขับขี่อย่างด้วยช่วงอัตราทดใหม่ 2.571-0.390 ซึ่งเทียบกับ Toyota Vell Fire รุ่นเดิม ที่มีใช้เกียร์แบบเดียวกัน แต่มีอัตราทดระหว่าง 2.396-0.428 เห็นได้ชัดว่า ชุดเกียร์มีการปรับทั้งอัตราทดช่วงออกตัว และเกียร์ท้ายสุดในการเดินทางใหม่ทั้งหมด ช่วยเพิ่มสมรรถนะในระหว่างการขับขี่
ออกตัวช่วงแรกจากโรงแรมสุดหรูย่านใจกลางกรุงเทพ Toyota vell Fire เริ่มสร้างความประทับใจเราด้วยการขับขี่ที่ง่ายดายจากการใช้พวงมาลัยที่ให้น้ำหนักเบาสบายมือกำลังดียามเดินทางในเมือง ส่วนกำลังจากเครื่องยนต์ที่หลายคนอาจจะหวั่นว่า เครื่อง 2.5 ลิตรจะไหวไหมกับร่างอเนกประสงค์ที่มีพิกัด 2,590 กก. ขอบอกเลยว่าสบายมาก
แม้ว่าการขับขี่ Toyota Vell Fire อาจจะไม่ได้ความสปอร์ตอะไรมากมาย แต่มันก็ดีพอที่จะพาตัวรถและผู้โดยสารเดินทางแบบผู้ดี และพอจะรีดสมรถนำได้บ้างในยามต้องการ เช่นช่วงเร่งสั้นๆ เพื่อไปให้ทันไฟเขียวเป็นต้น
การขับขี่ Toyota VellFire ช่วงแรกของเรา สบายสุดๆ กับการติดหนึบของการจราจรในกรุงเทพ ซึ่งหลายคนอาจจะเป็นที่กังวลในเรื่องของอัตราประหยัดน้ำมัน แต่เจ้ายักษ์ใหญ่คันนี้สบายมากด้วยระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวที่มีมาให้เราได้ใช้งาน มันช่วยลดมลภาวะแต่ที่สำคัญยิ่งกว่าทำให้รถประหยัดน้ำมัน
ตัวระบบเครื่องยนต์จะหยุดทำงานตามการประมวลผลที่เหมาะสมจากระบบสั่งการตามเงื่อนไขการทำงานที่ตั้งเอาไว้ และถ้าอุณหภูมิในห้องโดยสารเพิ่มขึ้นเครื่องยนต์ก็จะกลับมาทำงานอีกครั้ง ให้คุณสบายไม่ต้องบ่นว่าร้อนอบอ้าว แถม Toyota แย้มว่า ระบบปรับอากาศที่คุณอาจจะไม่รู้สึกแตกต่างนี้พวกเขาได้ออกแบบชุดคอยย์เย็นให้สามารถกักเก็บอุณหภูมิได้ดีเป็นพิเศษ แม้ชุดคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน ขณะดับเครื่องยนต์
ใครที่คิดว่าจะต้องขับเองบ้างเป็นบางเวลาการขับ Toyota Vell Fire ช่วยรถติดก็แสนง่าย คุณไม่ต้องอัพแอนด์ดาวน์เกร็งหน้าขาขวามากมายในการเหยียบเบรก ด้วยการแนะนำระบบ Brake Hold เพียงกดปุ่มที่คอนโซลกลางค้างไว้ประมาณ 3 วินาที ระบบเบรกจะทำการค้างแรงดันเบรกเอาไว้ช่วยให้ง่ายในการขับขี่มากขึ้น
ยังดีที่เราไม่ต้องผจญรถติดนานนัก เราขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าสู่นอกเมืองผ่านทางเส้นทางถนนพระราม 2 ถนนประจำของการขับลงใต้ของใครหลายคน
ช่วงแรกของการขับขี่ ถนนหนทางเมืองไทยเอาแน่นอน อะไรไม่ได้ ในวันที่ขับ Toyota Vell Fire ปรากฏถนนสายนี้ในช่วงก่อนแสมดำ มีการทำทางชุดใหญ่ ลอกผิวหน้าถนนเสียเหี้ยน จนรถที่ขับขวักไขว่ไปมา ขับกันเสียฝุ่นตลบ
ถึงแม้ว่าการถนนจะไม่เป็นใจ แต่ถ้าคุณมากับ Toyota Vellfire มันไม่ต่างอะไรจากคุณขี่พรมวิเศษของอาละดิน รถเซทระบบกันสะเทือนแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้าพร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลัง จากระบบทอร์ชั่นบีมที่ใช้มายาวนานถูกเปลี่ยนเป็นแบบดับเบิ้ลวิชโบน ซึ่งให้ผลดีในการซับแรงกระแทกมากๆ แม้ว่าช่วงล่างที่ออกในทางเน้นความนุ่มนวลในการขับขี่พอๆ กับ การตอบโจทย์เรื่องการเกาะถนนแบบแน่นหนึบแต่ไม่กระด้าง คุณพอสามารถสัมผัสถนนได้อยู่บ้าง แต่เมื่อรวมกับการใช้ยางแก้มที่ค่อนข้างสูงแล้ว มันกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการขับขี่อย่างไม่น่าเชื่อ จนถนนที่น่าจะสั่นสะเทือนไปทั้งคันรถ เหลียวมองกระจกหลังไป ผู้โดยสารกลับนั่งสบายไร้ความรู้สึกว่า นี่เรากำลังขับผ่านช่วงที่ถนนไม่ดี
นอกจากช่วงล่างแล้ว เรื่องของการบุเสียงในห้องโดยสารก็มีส่วนสำคัญต่อสัมผัสความสบายในการเดินทาง และในข้อนี้ Toyota VellFire ไร้ข้อกังขา แม้จะต้องยอมรับว่าทรวดทรงรถที่ออกแบบมาทรงกล่อง จะมีลมเล็ดบ้างเมื่อใช้ความเร็วสูงก็ตามที
ขับขี่นอกเมืองแบบนี้ Toyota VellFire ให้สัมผัสในการขับขี่ที่ดีมากมันสะดวกสบายด้วยระบบ Cruise control ซึ่งหากใช้เป็นก็ช่วยลดภาระในการขับขี่ของคุณไปได้มากโขทีเดียว น่าเสียดายที่ในรถยนต์หรูที่มีราคาค่าตัวถึงสามล้านบาท ยังไม่ใช่ระบบ Adaptive Cruise Control สามารถปรับความเร็วได้อัตโนมัติเหมือนที่มีมาให้ใน Toyota Camry ทั้งที่มีราคาค่าตัวมากกว่าเท่าตัว
แม้จะมีคำอธิบายจาก Toyota มาในเรื่องของการเป็นรถยนต์นำเข้า ทำให้บางออพชั่นที่ถูกกำหนดเดิมในญี่ปุ่นไม่สามารถปรับเปลี่ยนการวิศวกรรมได้ ..เรื่องนี้พอจะเข้าใจได้อยู่บ้าง แต่ในยามเดินทางแบบนี้ และรถลักษณะนี้ก็ใช้ในการเดินทางไกลบ่อยครั้ง ถ้ามีมาให้จะดีต่อคนขับ ที่อาจจะเหนื่อยล้าจากาการเดินทางมากพอสมควรเลยทีเดียว
ในระหว่างการเดินทางเรามีผู้โดยสารสี่คน เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรก็ขับได้อย่างสบายไม่ต้องเค้นให้เครื่องยนต์กระเหี้ยนกระหือรืออย่างที่หลายคนอาจจะคิดว่ารถยนต์ระดับนี้ น่าจะต้องเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ แต่กับเจ้า 2.5 ลิตรนี้ก็เร่งได้ทันใจพอตัว ถ้ายังไม่สะใจคุณก็สามารถเข้า Sequential mode ให้สับตามอำเภอใจเร้าอารมณ์ในการขับขี่ และการเดินทางนอกเมืองนิ่งๆ แบบนี้ ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. Toyota Vellfire ใช้รอบเครื่องต่ำมากเพียง 2100 รอบต่อนาที และ
ท้ายสุดก่อนที่ผมจะส่งไม้ต่อให้สื่อท่านอื่นมาขับให้ผมนั่งต่อไปยังปลายทาง ตัวเลขที่หน้าปัดแสดงข้อมูล TFT ขนาด ภ4.2 นิ้วบนเรือนไมล์ดีไซน์สปอร์ต ตอบเรื่องของอัตราบริโภคน้ำมันมันที่ 10.6 ลิตร/ 100 ก.ม. หรือตกราวๆ 9.43 ก.ม./ลิตร
ได้เวลาลองนั่งสัมผัสที่สุดแห่งความสบาย
ถ้าถามเจ้าของ Toyota VellFire หรือ Toyota Alphard ส่วนใหญ่ว่าเขาซื้อรถยนต์มูลค่าหลายล้านบาทมาทำไม เชื่อเลยว่า คนจำนวนมากจะต้องตอบว่าเพื่อมานั่ง แล้วทำไม...ผมจะต้องมารับบทสารถีตลอดเวลาจริงไหมครับ ...
ตลอดช่วงเวลาแห่งการขับขี่รถ Toyota VellFire ให้สัมผัสที่น่าประทับใจ แต่เมื่อคุณมีโอกาสมานั่งเบาะแถวสองตอนหลังมันน่าประทับใจมากกว่าแบบที่คุณไม่อาจจะคาดคิด ด้วยที่นั่งที่ออกแบบมาในสไตล์ของเบาะนั่ง VIP ปรับไฟฟ้า อย่าแปลกใจที่เจ้าเบาะนี้ จะพาคุณเฝ้าพระอินทร์อย่างรวดเร็ว
ความสบายของเบาะนั่งตอนสองถือเป็นที่สุดของการพักผ่อน แม้ว่าในหลายปีที่ผ่านการทดสอบรถยนต์มาจะผ่านการนั่งรถตู้มากมายหลายครั้ง แบบที่เป็นรถตู้หรูก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะพวก Hi-Ace แต่ง VIP แต่การออกแบบเบาะนั่งของ Toyota Vellfire ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ดีที่สุดของรถ ด้วยการพยายามให้พื้นที่การนั่งที่ดี ความสบายเข้ากับสรีระของผู้นั่งสูงสุด
น่าเสียดายที่ความสบายนี้กลับขาดบางออพชั่นที่ผู้บริหารอาจจะต้องใช้งาน อย่างโต๊ะหน้าที่นั่ง ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อต้องรีบด่วนช้อนหุ้นที่กำลังร่วง หรือ อาจจะเป็นการรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบภายในรถ บางที่ตรงนี้อาจจะจำเป็นก็ได้
รวมถึงความทันสมัยของพวกอุปกรณ์พกพาติดไม้ติดมือในวันนี้ อาจจะต้องการพวกช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จไฟ ยามเดินทาง หรืออย่างน้อยที่สุดตำแหน่งที่จุดบุหรี่ แต่จะให้ดี ก็น่าจะมีเจ้าเสียบแบบ 220V มาให้ แต่มันกลับไม่มีมาให้มากมายเท่าที่คิดนักใน Toyota VellFire และมันจะดียิ่งกว่านี้อีก ถ้าในรถจะสามารถมี Wifi ในตัว ให้ธุรกิจเดินสะดวกสมเป็นรถของผู้บริหารอย่างแท้จริง
ด้านที่นั่งในเบาะแถวสองตอนหลัง แม้จะเป็นเบาะปรับพับได้แต่ยังนั่งได้อย่างสบายเกินคาด ที่ผ่านมา Toyota Alphard มักมีข้อครหาเรื่องเบาะแถวหลังที่นั่งสบายนักเนื่องจาก การเซทระบบกันสะเทือนในสไตล์ของระบบทอร์ชั่นบีม ทำให้แรงกระแทกยู่ด้านหลัง ....
แต่ในรุ่นใหม่นี้ปัญหาดังกล่าวหมดไป มันนั่งได้สบายขึ้นขอบคุณ Toyota ที่เปลี่ยนระบบกันสะเทือนมาเป็นแบบ Double Wish Bone ช่วยให้แรงกระแทกไม่เข้าสู่ห้องโดยสารมากจนเกินไป ทำให้แม้แต่ผู้ติดตามเจ้านาย อย่างเลขาแสนสวย ก็นั่งได้อย่างสบายใจไม่เมารถ หรือกาแฟหกรดเสื้อจนหมดสวย
แถมถ้าคุณชอบรับลมชมแดด ลองสัมผัสหลังคามูนรูฟ เปิดมันท่ามกลางเมืองกรุง แล้วผุดขึ้นไปสูดอากาศเปลี่ยนมุมมองดูบ้าง..เชื่อเลยว่าสัมผัสในรถยนต์ Toyota VellFire จะให้อะไรที่สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับคุณมากๆ จนไม่คาดคิดว่านี่คือยนตรกรรมจากค่ายรถยนต์ Toyota เลยทีเดียว
สรุป เป็นตัวหรูก็ได้ เป็นรถครอบครัวก็ดี...
การมองหายนตรกรรมสุดหรูมาใช้ อย่างรถยนต์ Toyota Vell fire เชื่อเลยว่าหลายคนคงจะคิดว่า จะซื้อรถแบบนี้ก็มาใช้เพื่อแสดงสถานะทางสังคมเพียงอย่างเดียว แต่หลายคนมักจะลืมไปว่านี่คือรถยนต์อเนกประสงค์ที่ใช้เพื่อชีวิตครอบครัวก็ได้
ในมุมมองคนไทย รถยนต์ในลักษณะของ Toyota VellFire ที่หรูสุดขั้วในระดับคนชนชั้นกลางถวิลหานี้เป็นรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยความลงตัวในการขับขี่ ออพชั่นต่างๆ ครบครันมากมาย การขับขี่อันแสนสบาย แม้คุณจะนั่งตำแหน่งในที่นั่งคนขับ หากมันจะสบายมากกว่าในตำแหน่งคนนั่ง ที่ครบเครื่องเรื่องของความสะดวกสบาย แม้อาจจะต้องพูดกันตามตรงว่า ในราคา 3 ล้านกว่าบาท บางออพชั่นที่มีใน Toyota Camry ใหม่ ดีกว่า แต่ก็เพียงแค่ในบางส่วนเท่านั้น
แต่หากในภาพรวมนอกจากความหรูหราสร้างสถานะทางสังคมแบบที่หลายคนมองแล้วในเรื่องของการเป็นรถยนต์ครอบครัว รถยนต์ Toyota Vell Fire ใหม่ก็ยังเป็นไปได้ ในวันว่างด้วยออพชั่นความสะดวกสบายครบครัน สามารถเดินทางได้ทั้งพ่อแม่ลูก รวมถึงความสะดวกสบายขนาดนี้จะดียิ่งขึ้นกับผู้เถ้าผู้แก่ที่มีอายุมากแล้ว ทำให้ในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนไม่เคยมองมาก่อนมันคือรถครอบครัวตัวหรูดีๆ สำหรับผู้บริหารที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดีในการเดินทาง
จะว่าไปการได้มาสัมผัส Toyota Vellfire มันเป็นหนึ่งในที่สุดประสบการณ์ของการขับขี่ในรถยนต์นั่งสุดหรู ซึ่งน้อยคนนักจะมีโอกาสสัมผัส ในขณะที่หลายคนอาจจะมองตัวหรูในยามที่ชีวิตประสบความสำเร็จว่าจะต้องเป็นรถยนต์จากยุโรป บางที เราอาจจะต้องการแค่ความสบายในการเดินทางที่ครบครัน ดูดี และสะดวกสบาย ซึ่งในงบประมาณที่ใกล้เคียงกัน กับรถยุโรปขนาดกลางดีๆสักคัน คุณสามารถครอบครอง Toyota VellFire ที่สุดความสะดวกสบายในการเดินทางของ Toyota ได้ ..
ขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodet.com เข้าร่วมการทดสอบรถยนต์ Toyota Vellfire ในเส้นทางกรุงเทพ-ปราณบุรี
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
รถทดสอบ Toyota VellFire 2.5
ราคาจำหน่าย 3,399,000 บาท
อัตราประหยัดในระหว่างการทดสอบ
จำนวนผู้โดยสาร 4 คน พร้อมสัมภาระ ได้อัตราประหยัด 10.6 ลิตร /100 ก.ม. (9.43 ก.ม./ลิตร)
ตารางแสดงการทำงานของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ทำงาน ในอัตราทดสูงสุดของเกียร์ CVT 7 สปีด
ความเร็วในระหว่างการเดินทาง (ก.ม./ช.ม.) |
รอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) |
100 |
1700 |
110 |
1900 |
120 |
2100 |
สิ่งที่ชอบ >> ความหรูหราที่สุดความสปอร์ต ลงตัวในรถยนต์อเนกประสงค์ที่ดูดี แถมยังนั่งสบาย จนคุณอยากจะควักเงินสามล้านบาท ...จ่ายเพื่อเป็นเจ้าของ
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ไม่มี
สิ่งที่อยากให้มี >>> โต๊ะหน้าที่นั่งเบาะแถวสอง น่าจะจำเป็นที่จะต้องมี รวมถึง ช่องเสียบ USB ที่จุดบุรี่ หรือ เต้าเสียบไฟ 220V ตำแหน่ง คนนั่งตอนหลังน่าจะมีมาให้ หรืออาจจะพิจารณาเพิ่ม wireless Charger ก็ได้ ส่วนคนขับน่าจะได้ระบบ adaptive Cruise Control แล้ว ในรถราคาขนาดนี้
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >> ถ้าคุณมองยนตรกรรมหรูตอบสถานะทางสังคมดูดี เน้นนั่งสบายขับก็ได้ Toyota Vell Fire เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย น่าเสียดายที่ในไทย Toyota ไม่นำรุ่น Hybrid เข้ามาขาย แต่พวกเขาดันคุณไปหา Toyota Alphard Hybrid แทน แต่เอาเถอะ มีเงินซื้อรถสามล้านบาท ค่าน้ำมันแค่นี้เป็นเรื่องที่คุณไม่น่าจะกังวลจริงไหม ..
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1360]