Hands On : TATA Ultra 6 ล้อน้องใหม่พร้อมเบรก ABS กับค่าตัวไม่เกินล้าน

  • โดย : Autodeft
  • 18 ธ.ค. 60 00:00
  • 49,347 อ่าน

ปัจจุบัน รถบรรทุก เป็นพาหนะที่นำพาความเจริญให้กับสังคมทุกๆด้านไม้ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ล้วนต้องการรถบรรทุกเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่รวดเร็วทันใจ ตรงต่อเวลา สร้างผลกำไรและเศรษฐกิจของประเทศ เติบโตเพิ่มพูนยิ่งขึ้น เทียบชั้นกับนานาประเทศได้อย่างเต็มรูปแบบ

TATA Ultra

ทำให้ TATA Motors ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนายานยนต์เพื่อการพาณิชย์ ให้เจ้าของธุรกิจประสบความสำเร็จจาการนำรถ TATA ไปใช้งานทุกประเภทตั้งแต่รุ่น Xenon กระบะแกร่ง , รุ่น Super ACE Mint Mini Truck หัวใจประหยัดและ Daewoo Novus หัวลากไซส์ยักษ์เพื่องานบรรทุกหนัก แต่ทว่าตลาดรถบรรทุก 2-3 ตัน กลับมีช่องว่างจนเป็นที่มาของการแนะนำ TATA Ultra 6 ล้อขนาดกลาง นำเข้าจากอินเดีย เพื่อให้มีตัวผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตรงจุดตรงใจเจ้าของธุรกิจอย่างสมบูรณ์แบบ

TATA Ultra

เมื่อมาอยู่ตรงหน้ารถบรรทุกแดนโรตี ดีไซน์การออกแบบหัวเก๋งสวยสง่าทันสมัยไม่แพ้แบรนด์ญี่ปุ่นและจีน ตั้งแต่ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ทรงตั้งเข้ารูปลงตัวแถมไฟหน้าเป็นแบบปรับระดับสูงต่ำได้ ฝาหน้าสีขาวเต็มประทับโลโก้ตัว T และ TATA อย่างสวยงาม กับกันชนหน้าสีดำ โดยหัวเก๋งออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ลดแรงต้านอากาศ พร้อมให้เสถียรภาพในการขับขี่ ขึ้น-ลงรถสะสวดขึ้นด้วยบันไดห้องโดยสาร พร้อมที่ปัดน้ำฝนขนาดใหญ่แบบ 2 ใบปัด สามารถทำความสะอาดได้ทั่วบานหน้า โดยกระจกบังลมหน้าเป็นแบบพาโนรามิคให้ทัศนวิสัยที่ชัดเจนตลอดทุกเส้นทาง ขณะที่กระจกมองข้างก็มีขนาดใหญ่เพิ่มมุมมองที่ปลอดภัย

กระจกมองข้างขนาดใหญ่ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นชัดเจนขึ้นและกะระยะการจอดได้ง่ายและเพิ่มมุมมองที่ปลอดภัย ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED ที่คาดว่าเป็นครั้งแรกในวงการรถบรรทุกเมืองไทย หัวเก๋งยังสามารถยกได้แบบ 45 องศา ด้วยระบบไฮดรอลิค เพื่อความสะดวกปลอดภัยในการดูแลรักษา และยังให้ยางเรเดียลแบบไม่ใช้ยางในติดตั้งเป็นมาตรฐาน ขนาด 235/75R 17.5 พร้อมกระทะล้อขนาด 6.75X17.5 นอตล้อ 6 ตัว นอกจากนี้ยังมีสติ๊เกอร์สีเหลือง สีขาว สะท้อนแสงจาก 3M ติดในตัวหัวเก๋ง ซึ่งให้ประโยชน์ในเรื่องการสะท้อนแสงในยามค่ำคืนและถนนเปลี่ยวมืด 

TATA Ultra

ตัวรถมีหลายขนาดให้เลือกแต่คันที่นำมาให้ทดสอบนั้นมีระยะฐานล้อเพียง 4,530 มม. (รุ่น 1014) พร้อมความยาว 8,054 มม. ความกว้าง 2,204 มม. ความสูง 2,469 มม. ระยะหลังหัวเก๋งถึงปลายสุดแชสซีส์ 6,316 มม. น้ำหนักรถ 3,285 กก. น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 7,115 กก. (น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 10,400 กก.) ความจุถังน้ำมัน 160 ลิตร และรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 7.6 . ทนทานในยามบรรทุกด้วย แชสซีส์ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นแบบตรง คุณภาพสูง มีความแข็งแกร่งในการใช้งาน และเหมาะสมสำหรับการติดตั้งตู้บรรทุก หรือการใช้งานประเภทต่างๆได้อย่างสะดวก

TATA Ultra

ภายในยอมรับในเรื่องการดีไซน์การจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆ ที่สวยงาม ลงตัว และภายในที่ใหญ่กว้างขวางแบบ Walkthrough สะดวกในการขับขี่และโดยสาร หรือการเข้า-ออกจากห้องโดยสาร เบาะนั่งของผู้ขับขี่ยังเป็นแบบวัสดุผ้าทูโทน Suspended Driver Seat ที่มีระบบกันสะเทือนปรับระดับได้ (หรือเบาะนั่งถุงลม) ให้ทั้งความสบาย และลดอาการเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ส่วนที่นั่งในตรงกลางของเบาะนั่งยังสามารถเป็นที่เก็บของและที่พักแขนได้เช่นกัน และยังมีช่องเก็บสัมภาระต่างๆ ที่วางแก้วอย่างครบครัน เพื่อให้ความผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารอย่างเต็มประสิทธิภาพ

TATA Ultra

แผงหน้าปัดมีการแสดงข้อมูลต่างๆ ทั้งอัตราสิ้นเปลือง และสัญญาณไฟแสดงสภาวะการใช้งานต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษารถ พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ 4 ก้าน ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ที่ให้น้ำหนักกำลังดีในทุกการขับขี่ พร้อมเครื่องปรับอากาศเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสิ่งที่เป็นจุดเด่นสำหรับรถบรรทุก ทาทา นั่นคือคันเกียร์ที่ออกแบบใช้งานง่ายติดอยู่ที่คอนโซลกลางแบบเดียวกับรถตู้

TATA Ultra

TATA Ultra

ความแรงกำลังเหลือเฟือนั้นเป็นสิ่งที่ TATA ใส่ใจมาตลอด โดยส่งเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์มาประจำการด้วยขนาด 3.0 ลิตร 4 สูบ 3L Engine E3 ให้กำลังสูงสุดที่ 140 แรงม้า ที่ 2,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 390 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 1,400-2,000 รอบ/นาที เรียกว่า มีรอบ Flat-Torque ที่สูงเอาเรื่องเลยทีเดียว ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รุ่น G550

TATA Ultra

งานนี้ทาง TATA เลือกสนามปทุมธานีสปีดเวย์ ทดสอบกำลังความจัดจ้านของเจ้า TATA Ultra 6 ล้อน้องใหม่ โดยตอนแรกยังหวั่นใจว่ากำลังของเครื่อง 3.0 ลิตร จะแผลงฤทธิ์ได้ดีเพียงใดเพราะเป็นขนาดเครื่องยนต์เล็กสุดในกลุ่ม 6 ล้อขนาดกลาง  เมื่อได้ขับแล้วบอกได้เลยว่า 140 แรงม้ากับแรงบิด 390 นิวตันเมตร ให้กำลังดีทั้งวิ่งทางตรง ทางโค้งและทางซิ๊กแซ๊กสลาลม มีแรงส่งเหลือเฟือ โดย TATA เคลมว่าให้ให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยมเทื่อเทียบกับกำลังของเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 4.0 – 5.0 ลิตร ในพิกัดเดียวกัน และยังประหยัดเชื้อเพลิงอย่างดีเยี่ยม ถึงรถที่ให้ขับนั้นมีทั้งแบบรถตัวถังตู้แห้งบรรทุกน้ำกับแบบรถกระบะคอกเล็กเปล่าๆ

ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดทำงานด้วยสายเคเบิ้ล ยอมรับว่าตอบสนองดี โดยในสนามที่ทดสอบจะใช้แค่เกียร์ 1-4 เสียเป็นส่วนใหญ่ทั้งในส่วนสนามวิ่งทางตรง และ ซิ๊กแซ๊กสลาลม ให้ความคล่องแคล่วพอสมควร ถึงแม้ช่วงเปลี่ยนจากเกียร์ 2 มา 3 อาจเข้ายากพอสมควร ก็ตาม พร้อมชุดคลัตช์ที่เซ็ตมาครั้งนี้ อยู่ในระดับที่น่าพอใจโดยไม่ลึกไม่สูงมากไป ทั้งในการเหยียบและปล่อยคลัตช์ ถือว่าสอบผ่าน

TATA Ultra

จุดที่น่าประทับใจนั่นคือน้ำหนักพวงมาลัยที่อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่หนักมากไม่เบามาก ระยะฟรีของพวงมาลัยเท่าที่จับอาการดูกลับไม่มีเลยสักนิด ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแหนบแผ่นโค้ง และด้านหลังแบบแบบแหนบแผ่นโค้งกึ่งวงรีและแหนบแผ่นโค้งเสริม ให้ความนุ่มนวล และเกาะถนนยามสลาลมได้อย่างมั่นใจ และจุดที่เรียกคะแนนให้เจ้าของธุรกิจให้หันมาสนใจซื้อไว้ใช้งานนั่นคือระบบเบรก ABS เป็นเจ้าแรกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และระบบเบรกลมล้วน โดยเหยียบไปแล้ว 30 % สร้างความโดดเด่นในการหยุดรถได้ทันใจพอสมควร ในยามบรรทุกของและวิ่งเปล่าๆ

หลายๆคนอาจจะค่อนขอดว่า รถบรรทุกน้องใหม่แดนโรตีสามารถสู้ได้หรือไม่ ทั้งในเรื่องพลกำลัง ความคล่องตัวและความทนทาน แต่เมื่ิอได้สัมผัสแล้ว กลับทึ่งในกำลังเครื่องยนต์เล็กสุด 3.0 ลิตร ที่ทำผลงานได้น่าพอใจ ทั้งในยามวิ่งเปล่าๆและบรรทุก ผนวกกับระบบเบรก ABS ที่หยุดทันใจ ถึงแม้ชุดเกียร์อาจมีปัญหาในการเข้าเกียร์ยาก ก็ตาม รวมถึงดีไซน์ออกแบบสวยทั้งภายนอกและภายในที่สบายเทียบเท่าคู่แข่งตัวเอ้ 

ถึงเครือข่ายการจำหน่ายที่มีอยู่จำกัด อาจทำให้เสียรังวัดอยู่พอสมควร แต่ค่าตัวที่ถูกลงกว่าคู่แข่ง 20-30 % กลับเป็นหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับเจ้าของธุรกิจและหน่วยงานอื่นๆ (แบบคนซื้อไม่ได้ใช้ให้ลูกน้องขับแทน) ที่กำลังมอง หา 6 ล้อขนาดกลางมาใช้งาน หวังเป็นพาหนะคู่ใจใช้สร้างงานสร้างกำไรเพิ่มพูนในอนาคตสำหรับ TATA Ultra

TATA Ultra

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บริษัท ทาทา มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถบรรทุก TATA Ultra

 

รถทดสอบ TATA Ultra 6 ล้อ รุ่น 1014 ราคา 965,000 บาท (พิเศษ!! 899,900 บาท)

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

 

 

 

 

5 เรื่องน่าสนใจ