Hands On : Nissan Terra 2.3 VL 4X4 ผู้เล่นรายสุดท้ายในกลุ่ม PPV...ที่ไม่ควรมองข้าม

  • โดย : Autodeft
  • 8 ต.ค. 61 00:00
  • 11,313 อ่าน

ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ดัดแปลงจากรถกระบะ หรือ PPV ประสบความสำเร็จในเมืองไทยด้วยความโดดเด่นในการบรรทุกโดยสารผสมกับความสมบุกสมบันในคันเดียวกัน ทำให้ค่ายรถยนต์หลายสัญชาติ ส่งรถยนต์ประเภทนี้เข้าสู่ตลาด มานานหลายปี

Nissan Terra

สำหรับ นิสสัน ก็เคยทำตลาดรถยนต์ประเภทนี้โดยย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปี  Nissanมัยกลุ่มสยามกลการ จ้างให้ไทยรุ่งฯ ประกอบรถยนต์อเนกประสงค์จากพื้นฐานกระบะ Nissan Frontier D22 ออกจำหน่ายในชื่อ Nissan TR Xciter จนได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้รถชาวไทย และหลังจากการมาของกระบะ Nissan Navara D40 ทำให้ ม่มีตัวตายตัวแทนรุ่น Xciter มารับช่วงต่อ จนล่าสุดในปี 2561 Nissan ตั้งใจกลับมาทำตลาดรถยนต์ PPV อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Nissan Terra ต่อจากประเทศจีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผลิตที่โรงงานบางนา-ตราด กม.22 จ.สมุทรปราการ

ความหล่อคงไม่ต้องสาธยายอะไรมากเพราะ Nissan Terra ได้นำพื้นฐานกระบะ Nissan Navara D23 ต่อยอดงานดีไซน์ให้คมเข้ม เรียบง่าย ในร่างรถยนต์อเนกประสงค์แบบตัวถังบนแชสซีส์ เริ่มที่กระจังหน้าด้วยกระจังหน้า V-Motion โครเมี่ยมขนาดใหญ่ ที่ไส้ในแบบรังผึ้งสีเทาอ่อนซึ่งดูแล้วขัดตาพอสมควร พร้อมไฟหน้า LED Projector ดีไซน์บูมเมอแรง มาพร้อมไฟ LED Daytime ในโคมเดียว เปิด-ปิดด้วยระบบ Auto รับกับกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถใหม่พร้อมแถบโครเมี่ยมทั้งสามจุดรวมถึงไฟตัดหมอกหน้าเป็นออพชั่นมาตรฐาน

Nissan Terra

ด้านข้างมาพร้อมซุ้มล้อขึ้นรูปขนาดใหญ่ ปรับดีไซน์ลงตัวถึงแม้จะดูคล้ายๆ Nissan Navara กระจกมองข้างมาพร้อมไฟเลี้ยว LED แบบสีเดียวกับตวัรถดูๆไปแล้วอาจทำให้ตัวรถหมดความสง่างามไปพอสมควร ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว ลวดลายเฉพาะมา พร้อมยาง Toyo Open Country A25 ขนาด 255/60 R18 ขาดไม่ได้เลยคือบันไดข้างขึ้นรูป ด้านท้ายสวยด้วยดีไซน์เอกลักษณ์ ไฟท้ายแบบ LED Light Guide พร้อมคิ้วรกรอบป้ายทะเบียนแบบโครเมี่ยมติดตั้งโลโก้ Terra และไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED ติดตั้งที่บนกระจกหลังสวยงาม สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน กันชนท้ายสีเดียวกับตัวรถ แต่บนฝากระโปรงท้ายมาแบบโล้นๆไม่มีสปอยเลอร์หลังติดให้

ตัวรถคล่องตัวใหญ่โตสมกับความเป็น Nissan ตั้งแต่ ความยาว 4,885 มม. ความกว้าง 1,865 มม. ความสูง 1,835 มม. ฐานล้อ 2,850 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มม. น้ำหนักรถ 2,118 กก. และความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร

Nissan Terra

ภายในเมื่อประตูเข้ามาผ่านการใช้งานของกุญแจรีโมทอัจฉริยะแบบ Keyless Entry ดีไซน์พิมพ์นิยมที่ใช้กันในรถยนต์ Nissan ทุกรุ่น สามารถสั่งล็อคกับปลดล็อคได้สองทางทั้งที่ปุ่มสีดำตรงก้านที่เปิดประตูโครเมี่ยม สองฝั่ง หรือตัวกุญแจฯ และปุ่ม Push Start ที่กดปุ๊บติดทันที เมื่อเข้ามานั่งในฝั่งคนขับจะพบแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดิมยกชุดมาจาก Nissan Navara โทนดำเข้มไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านหุ้มหนัง ตกแต่งสีเงิน ควบคุมการทำงานทั้งสวิตช์เปิด-ปิดการใช้งานวิทยุ มาตรวัด และ Cruise Control มาที่มาตรวัดเรืองแสง บอกความเร็วและรอบเครื่องกับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID สี 5 นิ้ว ที่นอกจากบอกทั้งแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ระยะเวลาที่เข้ารับการตรวจสอบสภาพรถ ระดับอุณหภูมิภายนอกรถ นาฬิกาดิจิตอล เสียงเตือนในกรณีที่ไม่ได้ปิดไฟหน้า และสัญญาณเตือนกันการลืมกุญแจภายในรถแล้ว

Nissan Terra

Nissan Terra ยังเพิ่มฟังก์ชั่นมาให้ในจอ MID 5 นิ้วไม่ว่าจะเป็น มาตรวัด Off-Road Meter แสดงข้อมูลระบบขับเคลื่อนรวมถึงมุมเอียงในขณะขับขี่เส้นทางออฟโรด และมาตรวัดตรวจสอบแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitoring System (TPMS) คอยตรวจวัดแรงดันลมยางของล้อทั้งสี่ล้อ และแจ้งเตือนเมื่อแรงดันลมยางเกิดการเปลี่ยนแปลง ช่วยป้องกันความปลอดภัยได้อีกระดับ

Nissan Terra

คอนโซลกลางดีไซน์เดิมแบบเดียวกับ Nissan Navara ทั้งช่องแอร์ เครื่องเล่นวิทยุ DVD พร้อมระบบนำทาง ขนาด 7 นิ้ว จาก Kenwood รุ่น DNX7150 เชื่อมต่อUSB, Bluetooth และช่องเชื่อมต่อ HDMI ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบ Bluetooth พร้อมลำโพง 6 จุด ที่คุณภาพเสียงพอไปวัดไปวาได้ถึงแม้การใช้งานของเครื่องเสียงจะยุ่งยากพอสมควร กับจอเพดานขนาดใหญ่ 11 นิ้ว เอาใจเด็กๆที่ชอบดูการ์ตูนระหว่างการเดินทาง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมสวิตช์เปิด-ปิดการทำงานของแอร์ตอนหลัง กระจายความเย็นรอบทิศทางแบบ 360 องศา มอบความเย็นสบายให้ทุกที่นั่งทั่วทั้งห้องโดยสาร โดยสามารถควบคุมความเร็วของพัดลมจากที่นั่งตอนหลัง

Nissan Terra

Nissan Terra

Nissan Terra

เบาะนั่งโดยสาร 7 ที่นั่ง เสริมหรูด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้สีน้ำตาลเข้ม โดยคู่หน้าเป็นแบบ Zero Gravity ปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังปรับไฟฟ้าสำหรับด้านคนขับและคนนั่งยังปรับแบบคันโยกธรรมดา 4 ทิศทาง เบาะนั่งหลังตอน 2 สบายมากขึ้น ขนาดผมส่วนสูง 174 ซม. ยังเหลือพื้นที่เยอะมาก สามารถปรับเอน เลื่อนได้ นอกจากนี้ยังพับแบบ 60/40 ได้ โดยการพับเบาะตอนสองนอกจากจะใช้ก้านสวิตช์ที่ข้างเบาะแล้วมาพร้อมระบบพับเบาะอัตโนมัติ (1-Touch Remote Fold and Tumble Seats) สามารถสั่งการได้จากตำแหน่งผู้ขับ แค่เพียงการกดที่ปุ่มเดียว นับเป็นฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์พ่อบ้านยุคใหม่จริงๆ ส่วนตอนสามยังสามารถพับได้แบบ 50/50 เพิ่มเนื้อที่ในการบรรทุกอีกด้วย

Nissan Terra

และด้วยการเป็นยายนต์อัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility ระบบเทคโนโลยีการขับขี่ Driving Technology ติดตั้งมาใน Nissan Terra นั้นจัดเต็มชนิดท้าชนคู่แข่งระดับเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็น

- ระบบเทคโนโลยี กระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) เป็นจอLCD ที่กระจกมองหลัง แสดงภาพที่มาจากกล้องด้านหลังตัวรถ สามารถมองรถข้างหลังได้อย่างสบายๆถึงจะมีการบรรทุกสัมภาระหรือมีผู้โดยสารนั่งด้านหลังบดบังการมองด้านหลัง โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยน ระหว่างจอแสดงภาพจากกล้อง หรือจากกระจกปกติได้

-ระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) จะติดตั้งในระบบกระจกมองหลังอัฉจริยะเช่นกัน ช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นสภาพรอบตัวยานพาหนะได้ทั่วทุกทิศทาง ควบคุมตัวรถระหว่างถอดจอดรวมถึงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างง่ายดายแม้ในพื้นที่แคบ พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนทุกครั้งเมื่อมีวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ตัวรถ เมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหว

- ระบบเตือนจุดบอดหรือจุดอับสายตาอัจฉริยะ Intelligent Blind Spot Intervention (IBSW) จะทำงานเมื่อพบว่ามียานพาหนะอื่นเข้าใกล้ตัวรถโดยคนขับจะได้รับทั้งเสียงเตือนและสัญญาณไฟกะพริบที่กระจกมองข้าง

- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางอัจฉริยะ Intelligent Lane Intervention (ILDW) จะแจ้งเตือนด้วยสัญญาณภาพและเสียงเมื่อรถเคลื่อนที่ออกนอกช่องทาง โดยระบบจะทำงานเมื่อมีการขับเคลื่อนด้วยความเร็วมากกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง

Nissan Terra

Nissan Terra

ถึงแม้เมืองไทยเปิดตัวตามหลังประเทศอื่นๆแต่ขุมพลังที่มาประจำการนั้นบอกได้เลยว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับ Nissan เมืองไทย ที่จะสู้กับเจ้าอื่นๆด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ รหัส YS23DDTT 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ให้ค่า CO2 เพียง 200 กรัม/กม.โดยอัตราสิ้นเปลืองตามข้อมูลโรงงานทำได้ 13.2 กม./ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมด Manual +/-  มีให้เลือกถึงทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อยกสูงกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4X4 Part-Time shift-on-the-fly ทั้ง 2H, 4H และ 4L แต่งานนี้ทาง Nissan เลือกรุ่นท็อปสุดขับเคลื่อนสี่ล้อ ได้ขับกันในเส้นทางขึ้นดอยกับทางออฟโรดย่อยๆ ที่จ.เชียงราย

Nissan Terra

Nissan Terra

Nissan Terra

ถึงสนามออฟโรดจะจัดแบบย่อมๆในรีสอร์ท ทั้งทางมุมเอียง เนินสลับ เนินเขาสูงและการทดสอบขับลุยน้ำ การเดินหน้าไปแบบไม่ต้องเหยียบคันเร่งหรือ Walking Speed ก็สามารถฝ่าด่านต่างๆได้อย่างสบาย ไม่ต้องไปเติมคันเร่งอีก ส่วนระบบควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน หรือ HDC จับอาการได้ดีกว่า ไม่กระตุก และดีกว่าตอนสมัยกระบะ Nissan Navara D23 เสียด้วยซ้ำ

Nissan Terra

จบจากสนามออฟโรดคราวนี้ก็มาถึงเส้นทางเรียบกันบ้าง เริ่มต้นจากรีสอร์ท มุ่งสู่พระตำหนักดอยตุง และไปต่อที่ ดอยช้างมูบ ดอยผาฮี้ ตลอดจนถึง ดอยผาหมี รวมระยะทางไป-กลับกว่า 200 กิโลเมตร รูปแบบเส้นทางขึ้นลงเขาสูงชันและคดเคี้ยว กำลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร 190 แรงม้า สามารถพาไปได้อย่างง่ายดาย ยิ่งขากลับแบบ Free Run ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ต่อเนื่องหรือ Flat Torque (1,500 -2,500 รอบ/นาที) กดคลิ๊กดาวน์เพื่อเรียกกำลังนั้น มาทันใจ กระฉับกระเฉงมาก ผนวกกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดถึงแม้จะลูกเดียวกับลูกเดียวกับกระบะ Nissan Navara D23 การตัดต่อกำลัง เรียกกำลังสำหรับขึ้น-ลงทางลาดชัน เร่งแซง ฉับไวและไม่กระตุก ไม่ว่าจะอยู่ในในโหมดเกียร์ D หรือ Manual Mode +/- ก็ตาม

Nissan Terra

Nissan Terra

ทุกสภาพเส้นทางระบบช่วงล่างต้องทำงานอย่างดีด้วยช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและด้านหลังแบบคอยล์สปริงแบบ Five-link พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าและหลัง เซ็ตมาได้ดีเยี่ยมให้ทั้งความนุ่มนวล ราบเรียบ ไม่กระด้าง ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ไม่เหนื่อยล้า แม้บนถนนที่คดเคี้ยว รวมถึงการเพิ่มยางรองตัวถังแบบซับแรง 10 จุด (ซ้าย-ขวาฝั่งละ 5 จุด) หวังให้ช่วยซับแรงสะเทือนจากพื้นถนน และระบบออกตัวบนทางลาดชัน หรือ HSA ก็ทำให้มั่นใจมากขึ้นในยามออกตัวบนทางชันสูงๆช่วยป้องกันการไถลลงอีกด้วย ระบบพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ที่ใช้น้ำมันน้ำหนักพวงมาลัยอยู่ในระดับดี ไม่หนักเกินไป เหมาะกับพ่อบ้านแม่บ้านร่างเล็กที่ต้องขับรถไปรับลูกๆที่โรงเรียน  

Nissan Terra

Nissan Terra

การเก็บเสียงอีกหนึ่งจุดที่น่ายกย่องด้วยการใช้กระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวนจากภายนอก (Noise-reducing acoustic glass) รวมถึงการบุฉนวนกันเสียงที่หนาขึ้นรอบคัน ยอมรับเลยครับว่าเงียบจริงๆ ไม่ว่าจะช่วงความเร็วกลางๆ จนถึงความเร็วสูงๆ แม้จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เล็ดลอดมาบ้าง แต่สามารถเติมเต็มความเป็นส่วนตัวตลอดการเดินทางได้อย่างดียิ่ง

ปิดท้ายด้วยระบบห้ามล้อถึงจะกลายเป็นจุดด้อยในกลุ่มรถยนต์ระดับเดียวกัน เบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกเป็นแบบครีบระบายความร้อน ขณะที่เบรกหลังเป็นดรัมเบรกพร้อมระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบช่วยเบรก (Brake Assist System: BA) เอาเข้าจริง ระยะการเหยียบเบรกเมือเหยียบแป้นเบรกไป 30 % ถือว่าสอบผ่านหยุดรถอย่างมั่นใจ

Nissan Terra

ถึงความหล่อจะดูไม่โดดเด่นเน้นเรียบง่าย แต่เมื่อเข้ามาขับมาสัมผัส รับรู้ถึงพลังดีเซลเทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร ที่ให้ความว่องไว เร่งแซงแบบไม่เห็นรถข้างๆ รวมถึงช่วงล่างที่นุ่ม สมูท เทียบเท่าคู่แข่งจากแดนมะกัน การเก็บเสียงระดับขั้นเทพ รวมถึงตัวช่วยสนับสนุนในการขับขี่ ทั้งระบบกล้องรอบคันและกระจกมองหลังอัจฉริยะ (ทั้งๆที่น่าจะลงในจอสัมผัสมากกว่า) ระบบห้ามล้อที่แปลกกว่าคู่แข่งแต่ประสิทธิภาพไม่แพ้ใคร

กับค่าตัวเพียง 1,427,000 บาท ทำให้ Nissan Terra 2.3 VL 4X4 กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คนซื้อรับไปพิจารณาเป็นพาหนะคู่ใจใช้ในกิจกรรม สันทนาการช่วงวันหยุดได้อย่างเต็มรูปแบบ

Nissan Terra

Nissan Terra

Nissan Terra

Nissan Terra

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ Nissan Terra 2.3 VL 4X4

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

 

 

5 เรื่องน่าสนใจ