Hands on : Nissan Note อีโค่คาร์ร่างใหญ่ น่าใช้กว่าที่คิด
- โดย : Autodeft
- 22 มี.ค. 60 00:00
- 19,666 อ่าน
เมื่อพูดถึงรถยนต์ “อีโค่คาร์” ที่วางจำหน่ายมาในช่วง 6-7 ปี ที่ผ่านมา Nissan ถือว่าเป็นผู้นำตลาดรถยนต์กลุ่มนี้มยาวนาน โดยเฉพาะจากการแนะนำรถยนต์ Nissan March และ Nissan Almera ใหม่ ทำให้ในวันนี้ Nissan เชิดหน้าชูตาในตลาดอีโค่คาร์ได้อย่างไม่อายใคร
ยอดขายที่พุ่วงทพยอด ทำให้ Nissan มองว่าพวกเขามีความหวังในการทำตลาดอยู่บ้าง หลังจากปีที่ผ่านมาหันไปเอาดีทางด้านตลาดรถกระบะ ในปีนี้ทางนิสสัน จึงฃเปิดเกมด้วยรถยนต์ Nissan Note ใหม่ เจ้าอีโค่คาร์คันโตที่เผยด้วยฟังชั่นการขับขี่อันครบครัน
ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนสนใจรถยนต์ Nissan Note ใหม่ อย่างมาก เนื่องจากมันเป็นรถที่ออกแบบลงตัวดูดีตั้งแต่แรกเห็น สื่อสารความสปอร์ตของตัวรถในการออกแบบ เริ่มจากเส้นสาย V Motion ใหม่ ให้ความรู้สึกปราดเปรียวดูดี ไฟหน้าให้โคม Projector ในโคมมีไฟ Signature Light LED น่าเสียดายที่ไม่ยอมเอาไฟนี้มาทำเป็นไฟ Day Time Running จะเปิดติดเฉพาะไฟหรี่เท่านั้น
ทางด้านข้าง Nissan ออกแบบ Nissan Note ให้สปอร์ตตั้งแต่มีการแนะนำเข้าสู่ตลาดอยู่แล้ว ด้วยเสน้สายการออกแบบ Squash Line ทำให้รถมีช่วงตัวที่ดูพลิ้วไหว แม้ว่าความต้องการ ของทีมทนักออกแบบจะต้องการให้มันเกิดขึ้นมาเป็นรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวขนาดเล็ก แต่ก็ยังไม่ทิ้งคราบความเป็นสปอร์ต
ส่วนด้านท้ายลงตัวเส้นสายการออกแบบด้วยชุดไฟท้าย LED ใหม่ ทรงบูมเมอร์แรงเล็ก เอาเข้าจริง ผมรู้สึกว่า Nissan ดันออกแบบท้าย Nissan Note ค่ายคู่แข่งอย่าง Honda พอสมควร ท้ายรถรุ่นนี้ดูละม้ายคล้าย Honda Jazz ยังไงชอบกล ยิ่งมองยิ่งเหมือนยิ่งดูยิ่งใช่ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันออกมาไม่ดูดี เพียงแต่มันเหมือนไปไหม จนเชื่อว่าใครขับตามก็น่าจะต้องนึกว่า นี่รถยนต์ Honda Jazz รุ่นปรับโฉมหรือเปล่า ... กุญแจรีโมทถูกส่งต่อมาจาก Nissan ทุกรุ่นที่ขายในปัจจุบันด้วยดีไซน์พิพพ์เดียวกัน และได้เวลาที่เราจะเข้าไปท้า พิสูจน์ ความกว้างใหญ่ของ Nissan Note ผมเปิดประตู กดปุ่มปลดล็อค ย่างกรายเข้าภายในห้องโดยสาร
เจ้า Nissan Note ต้อนรับด้วยการออกแบบที่ดูมีความสปอร์ตลงตัว การตบแต่งภายในด้วยสีดำ ทูโทนด้วยสีเทาทั้งคัน เล่นรายละเอียดล้อไปกับเบาะนั่ง ทั้งตอนหน้าและตอนหลัง เบาะคู่หน้าปรับอัตโนมมือทั้งหมด ฝั่งคนขับปรับสุงต่ำได้ตามต้องการตรงหน้าคนขับต้อนรับด้วยพวงมาลัยทรงสปอร์ตท้ายตัด D Shape คล้ายในรถสปอร์ตในค่ายอย่าง Nissan GTR ใช้งานง่ายไม่หลงทิศ บนพวงมาลัย มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงมาให้เสร็จสรรพ เรือนไมล์สปอร์ตบอกข้อมูลตรงหน้า
ด้านหน้าตรากลางให้วิทยุ Kenwood รุ่นเก่า วิทยุรุ่นนี้สามารถถอดเปลี่ยนได้ถ้าคุณไม่ชอบใจ ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ หน้าตายังไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก Nissan March และ Nissan Almera แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว แล้วปิดจ๊อบฟังชั่นการใช้งานด้วยเก๊ะเก็บของ 2 ชั้น ทางด้านคนนั่ง ด้านบนมีช่องเสียบ HDMI และ USB มาให้เชื่อมต่อกับชุดเครื่องเสียง
เหลียวมองด้านหลัง มีพื้นที่กว้างขวางโอ๋โถงพอตัว ไม่น่าแปลกใจนัก นั่นเพราะจากการสืบข้อมูลตอนเปรียบเทียบ Nissan Note มีความยาวกว่าคู่แข่งซิตี้คาร์ ในระหว่างการทดสอบนี้ผมลองนั่งในช่วงสั้นๆ พบว่ามีพื้นที่การวางขา เหลือเหลือเฟือน ท่านั่งออกไปในทางนั่งเอนหลังสักหน่อย อาจจะดีถ้าคุณอยากจะหลับในระหว่างการเดินทาง แต่ถ้าอยากนั่งวชมนกชมไม้ตามทางไปเรื่อยเป็นเพื่อนคนขับ สมควรจะต้องมีอีกระดับที่ปรับหนักพิงหลังให้ชันขึ้นกว่านี้ แต่ถ้าคุณต้องการเก็บสัมภาระท้ายก็สามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40
ไหนๆ ก็พูดถึงด้านหลังแล้ว Nissan Note ยังมีอีกปัญหา คือระบบปรับอากาศมาไม่ถึงตอนหลัง จากที่นั่งสั้นๆ ถ้า ช่องแอร์ไม่เป่าขึ้นหลังคา แล้วชิ่งมาหาผู้โดยสาร บอกเลยว่าส่อแววปัญหาครอบครัวบังเกิดแน่นอน ส่วนหนึ่ง ด้วยที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังอยู่ไกลกว่าตอนหน้าพอสมควร นั่นทำให้ แรงลมแอร์เป่ามาไม่ถึง แม้จะเปิดช่องตรงกลางบิดมาให้ รวมถึง หลังคา Nissan Note ก็ค่อนข้างสูงโปร่ง ทำให้การชิ่งลมแอร์จากด้านหน้าอาจจะต้องเวลาในการกระจายความเย็น
ใต้เรือนร่างสปอร์ตทันสมัย Nissan Note เกิดมาเป็นอีโค่คาร์ เลยต้องพกเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสุงสุด 78 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด106 นิวตันเมตรมาตอบโจทย์ สิ่งที่เปลี่ยนไปในรุ่นนี้คือโปรแกรมเกียร์ CVT ที่ใช้มายาวถูกเพิ่มระบบที่เรียกว่า D Step มันเป็นการตัดรอบขึ้นเมื่อเครื่องลากรอบจนสุดให้ความรู้สึกสปอร์ต
จากที่ลองขับในเส้นทางไปอัมพวา โดยมีผมและพี่สื่ออีกท่านต้องยอมรับว่า เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ไม่เร้าใจเท่า 1.5 ลิตร อย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ แต่มันก็ไม่ได้ขี้เหร่เท่าไรนัก ฟีลลิ่งในการขับขี่ยังตอบโจทย์ในการเร่งแซงได้ในระดับหนึ่ง รอบเครื่องยนต์ก็ไม่ได้กินกำลังระหว่างการเดินทางเยอะ จากที่ขับยืนพื้น 110 ก.ม/ช.ม. ระหว่างการทดสอบ ที่ตำแหน่งเกียรสุงสุด ผมใช้รอบเครื่องยนต์แค่ 2,200 รอบ ต่อนาทีโดยประมาณ การตอบสนองเครื่องยนต์ดีขึ้นกว่า Nissan March และ Nissan Almera อย่างเห็นได้ชัด
แต่ที่ดีงามกว่าที่กล้าวมาแล้ว คือการปรับจูนการตอบสนองพวงมาลัยให้มีความสปอร์ตยิ่งขึ้น เทียบกับอีโค่คาร์ของ Nissan ที่ผ่านมา การบังคับทิศทางพวงมาลัยดูเฉียบขึ้นกว่าพอสมควร รวมถึงใครที่หวั่นใจว่าช่วงล่างอีโค่คาร์ภามยใต้ความเป็น Nissan Note จะมั่นใจหรือไม่
ขอบอกเลยว่าช่วงล่าง Nissan Note ไม่ธรรมดา มันตอบสนองการขับขี่ได้สบายไม่ว่าจะขับธรรมดาทั่วไป หรือซิ่งสุดใจไปรับศรีภรรยา ผมลองขับด้วยช่วงความเร็วสูงทมี่เชื่อว่าทุกคนจะไปถึง 130-140 ก.ม./ช.ม. ในระหว่างการทดสอบสั้นๆ ระบบกันสะเทือน Nissan Note เซทมาตอบสนองดีกว่า Nissan March มันค่อนไปทางแน่นหนึบไม่พอตัว และอาจจะดีกว่านี้ถ้าคุณออกรถมาแล้วไปเปลี่ยนล้อและยางและมีขนาดใหญ่และยางแก้มเตี้ยลง
Nissan Note ลงตัวอย่างที่เป็น แต่ยังต้องสู้กับซิตี้คาร์
ผมจบลงมาคุยกับวิศวกรที่ ชูชัยบุรี สถานที่ริมน้ำแสนสวยย่านอัมพวา วันนี้ผมอยู่กับรถเพียงสั้นๆ จึงบอกได้เพียงเบื้องต้นเท่านั้น จากที่ขับ Nissan Note ใหม่ ต้องยอมรับว่ามันมีความลงตัวน่าใช้งาน พอสมควร รถออกแบบมาดูดีสมราคาที่สำคัญครบครันฟังชั่นในการขับขี่ที่จำเป็นทั้งการเดินทางในเมืองและนอกเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าอีโค่คาร์คันนี้ยังให้ระบบช่วยในการขับขี่อย่างการเตือนการหลุดเลน การตรวจจับรถคันหน้า รวมถึงชุดกล้องมองรอบทิศทาง ที่ดันไปแปะไว้บนกระจกมองหลัง จะว่าไปมันเป็นอีโค่คาร์รุ่นที่มีระบบต่างเหล่านี้เข้ามาครบครัน แต่ก็ไม่ใช่รุ่นแรกที่มีระบบเตือนการชนทางด้านหน้า
แต่เรื่องดีงามใน Nissan Note คงต้องยกให้การขับขี่ที่ทำออกมาได้มั่นใจ สมราคาความเป็น Nissan มันคือรถอีโค่คาร์ที่เหมาะสำหรับเดินทางไกล อย่าแท้จริง ส่วนหนึ่งด้วยโครงสร้างตัวรถที่ออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่กว่า อีโค่คาร์ ที่ผ่านมาของนิสสัน ทำให้เวลาขับทางไกลสามารถทรงตัวได้ดี
แต่แน่นอนว่าเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร อาจจะดูด้อยสมรรถนะในแง่ของความรู้สึกเมื่อจะต้องเลือกซื้อเลือกหา หากในการใช้งานจริง คงไม่มีใครมุทะลุขับรถอีโค่คาร์ปานจรวดตลอดเวลา ยิ่งยุคนี้พี่ตำรวจกวดขันการใช้ความเร็วเกินกำหนเ ส่งใบสั่งถึงบ้านให้ดูต่างหน้า ถ้าขับด้วยความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ผมจะบอกว่ามันค่อนข้างเหลือเฟือแล้วในการใช้งาน แมคุณยังเซฟค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมัน และการดูแลรักษาด้วย
เบื้องต้นกับ Nissan Note ยอมรับว่า มันเป็นอีโค่คาร์ที่น่าคบหาอย่างยิ่งถ้าคุณมองรถยนต์ประเภทซิตี้คาร์ในสายตา จุดดอยของมันในตอนนี้มีเพียงเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าซิตี้คาร์ทั้งหลาย แต่ถามจริงเอาตรงๆ เครื่อง 1.2 ลิตร ก็เพียงพออยู่ ถ้าคุณไม่ใช่พวกบ้าความเร็ว
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง Content Specialist
ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และความรู้ รถยนต์ได้กับพวกเรา ได้ที่ www.Autodeft.com
หรือผ่านทาง Fanpage Facebook กดไลค์และ Follow ได้ที่ www.facebook.com/autodeft
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com