Hands On : Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016 ศักดิ์ศรีใหม่….ตรงใจคนพันธุ์ลุย

  • โดย : Autodeft
  • 13 มี.ค. 59 00:00
  • 19,912 อ่าน

เกือบ 2 ปีที่ Mitsubishi Triton เข้ามาทำตลาดด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเดิมๆให้ออกไปจากความทรงจำของสิงห์กระบะ ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ สะดวกสบายพร้อมออฟชั่นที่ครบครันและสมรรถนะเหนือชั้น จนได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอดตั้งแต่เปิดขายวันแรก

และในปี 2559 นี้ Mitsubishi กระตุ้นตลาดรถกระบะให้ดังกึกก้องอีกครั้งด้วยการแนะนำ Mitsubishi Triton MY2016 ปรับปรุงออฟชั่นครั้งแรก รวมถึง ปรับปรุงรุ่นย่อย ให้ตรงใจตรงความต้องการสาวกมากขึ้น ตั้งแต่ รุ่นตอนเดียว Single Cab ไปจนถึงรุ่น 4 ประตู Double Cab

Mitsubishi Triton

การพบกันอีกครั้งของ Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016 ยังคงใช้เรือนร่างเดิม และหน้าตาเดิม ตั้งแต่ ไฟหน้า Projector แบบ Bi-Xenonพร้อมไฟ Daylight ที่อยู่ในโคมเดียวกันพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมคู่หน้า โดยมีกระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์เดิม รับกับกันชนหน้าอย่างเข้ารูป ในรุ่น 4 ประตู Double Cab เอกลักษณ์เด่น ที่ยังบ่งบอกความเป็น Mitsubishi Triton นั่นคือ เส้นสาย J-Line ออกแบบช่องไฟระหว่างด้านหลังตัวรถและแนวกระบะเป็นแนวทางเดียวกัน

คิ้วขอบล้อ หรือ Over Fender เป็นพลาสติกขึ้นรูปครอบเข้าบังโคลนล้อ ซึ่งข้อดี คือ สามารถเปลี่ยนเป็นชิ้นใหม่ได้และลดเวลาในการซ่อมตัวถังรถ แต่ข้อเสียคือ มันเริ่มจะหมดสมัย เพราะกระบะยุคใหม่เป็นคิ้วขอบล้อแบบ Built-In กันเกือบทุกค่ายแล้ว ด้านล้ออัลลอยยังคงเป็นลายเดิม 12 Spoke ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง ขนาด 245/65 R17

Mitsubishi Triton

ด้านท้ายแกร่งตั้งแต่เกิดด้วยชุดไฟท้ายแบบสปอร์ต กันชนท้ายสีทูโทน เทาดำ ตอบโจทย์ความเข้ม อีกระดับ ที่ ชุดเปิดประตูท้ายที่เมื่อก่อนเคยอยู่ในชุดเดียวกันกับไฟเบรคดวงที่ 3 ก็แยกออกจากกัน ดูเรียบร้อยขึ้น แต่ข้างๆที่เปิดประตูท้ายก็มีกล้องมองหลังขณะถอยจอดให้ ซึ่งถ้าจะให้ดีน่าจะทำแบบ Built-In เข้ารูปกับชุดเปิดประตูท้าย จะดูดีกว่า

เมื่อมาวัดมิติตัวรถ Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016 มีขนาดเท่าเดิม ด้วยความยาว 5,280 มม. ความกว้าง 1,815 มม. ความสูง 1,780 มม. ฐานล้อ 3,000 มม.ตัวรถยกสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 205 มม. ถังน้ำมันมีความจุ 75 ลิตร และเมื่อเทียบกับ Triton MY2015 จะพบว่าเท่ากันทุกประการ ยกเว้น น้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมเพียง 10 กก.เป็น 1,870 กก. ซึ่งสันนิษฐานว่าได้ เปลี่ยนชุดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เดิมเป็นชุดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ Super Select 4WD II นั่นเอง

ต่อไปนี้สิงห์กระบะ ไม่ต้องง้อกุญแจไขประตูอีกต่อไป ด้วยกุญแจอัจฉริยะ KOS แค่กดปุ่มสีดำเล็กๆจากก้านที่เปิดประตูก็สามารถปลดล็อคได้สบายๆ นอกจากนี้กระจกมองข้างยังทำงานร่วมกับกุญแจ KOS เมื่อล็อกประตูรถ กระจกจะพับเก็บทันที และเมื่อปลดล็อคกระจกมองข้างก็จะกางให้อัตโนมัติ

Mitsubishi Triton

เมื่อก้าวเข้ามานั่งในห้องโดยสาร ยังอารมณ์ๆดุดัน เช่นเดิมด้วยโทนห้องโดยสารสีดำเข้ม ทั้งเบาะนั่งทำจากวัสดุกึ่งหนังแท้ปรับระดับได้ 8 ทิศทาง ด้วยระบบไฟฟ้า เมื่อนั่งเบาะหน้าฝั่งคนขับนั้น โอบกระชับ ไม่อึดอัดเช่นเดิม เบาะหลังยังเป็นจุดเด่นที่นั่งสบายสุดในอันดับต้นๆ พร้อมที่วางแขนและที่วางแก้วน้ำในตัว พร้อมกล่องคอนโซลกลางเปิดได้สองขั้น สามารถใส่เสิ่งของ เล็กๆน้อยๆ ได้ตามความประสงค์ของสิงห์กระบะ

Mitsubishi Triton

แผงคอนโซลหน้ายังดีไซน์เดิมพร้อมกการตกแต่งแบบสีดำ Piano Black กับ สีเงิน เข้มทุกอณู ด้านการจัดวางฟังก์ชั่น ใช้งานได้สะดวกเช่นเคยทั้ง เครื่องเล่น DVD-Navi พร้อมช่องเสียบ USB เครื่องปรับอากาศ Dual-Zone แยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา อย่งอิสระ ไม่ต้องมานั่งแย่งความอุณหภูมิกันอีก มาตรวัดดีไซน์เรียบง่าย ปรับแสงสว่างหน้าปัดได้ 8 ระดับและ ยังมีจอแสดงข้อมูลเอนกประสงค์ สามารถอ่านได้ทั้ง ความเร็วเฉลี่ย อัตราสิ้นเปลือง เตือนการบำรุงรักษา และสิ่งผิดปกติต่างๆ เป็นต้น

Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016 มีการเปลี่ยนดีไซน์พวงมาลัย Multi-Function จากแบบ 3 ก้านเดิม เป็นแบบ 4 ก้านใหม่ ยกชุดมาจาก All New Mitsubishi Pajero Sport พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานต่างๆทั้ง ปุ่มควบคุมการทำงานเครื่องเล่น DVD ในด้านซ้ายและปุ่ม Cruise Control ในด้านขวา โดยถือว่าเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และยังสามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ทั้งสูง-ต่ำ กับ ยืด-หด คอพวงมาลัยและเพิ่มช่องจ่ายกระแสไฟเสริม เพิ่มอีก 1 จุด ใต้แผงคอนโซลกลางสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องได้อย่างเต็มที่

Mitsubishi Triton

ถึง Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016 จะมีการปรับเพิ่มออฟชั่นเล็กๆน้อยๆ แต่ด้านขุมพลังยังคงเหนียวแน่นกับเครื่องดีเซล Common-Rail VG Turbo ขนาด 2.4 ลิตร รุ่น 4N15 ที่ได้รับการยอมรับ ในด้านความแรง ประหยัดน้ำมัน และรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบวาลว์แปรผัน Mivec  ให้กำลังสูงถึง 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้ง มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด กับ Auto 5 สปีด พร้อม Sport Mode +/-  และในรุ่นท็อป ยังเพิ่มระบบ Paddle Shift หลังพวงมาลัย เพิ่มความสนุกในการขับขี่มากขึ้นดุจรถสปอร์ต แรงม้าสูง

ด้านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จากเดิมจะเป็นระบบ Easy Select 4WD ที่สามารถปรับ ทั้ง 2H, 4H และ 4L กลายเป็นระบบใหม่ Super Select 4WD II ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับ All New Mitsubishi Pajero Sport โดยเป็นการนำระบบ Part -Time และ Full-Time เข้าไว้ด้วยกัน  ซึ่งจะมีทั้ง 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc โดยระบบนี้ เหมาะสำหรับการขับขี่ทุกรูปแบบไม่ว่าเส้นทางจะหนักโหดสไตล์ Off-Road หรือเบาแบบ On-Road ก็ตาม

พร้อมกันนี้ยังติดตั้งเฟืองท้ายแบบ Diff-Lock หรือ ระบบล็อกเพลาหลังควบคุมด้วยไฟฟ้า ช่วยให้สามารถผ่านเส้นทางสุดโหดของการขับขี่ Off-Road ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบ All Wheel Control หรือจะพูดกันง่ายๆว่ามันคือระบบช่วยสนับสนุนการขับขี่ ทำให้การเข้าโค้งทรงตัวควบคุมได้ง่ายขึ้นด้วย ระบบป้องกันการลื่นไถลและควบคุมการลื่นไถล ASTC  (Active Stability & traction Control)  และ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) เหมาะอย่างยิ่งกับเส้นทางที่ชันมากๆ ทำให้มั่นใจมากขึ้น ว่ารถจะไม่ถอยหลังลงไปอีก

โดยระบบที่กล่าวมานี้ จะสงวนอยู่ในรุ่น GLS-LTD 4X4 เกียร์อัตโนมัติ เท่านั้น ส่วนรุ่น GLS-LTD 4X4 เกียร์ธรรมดา ยังคงใช้ขับเคลื่อน 4 ล้อ Easy Select 4WD  เช่นเคย

Mitsubishi Triton

และขึ้นชื่อว่าเป็นรถกระบะ 4X4 แล้ว ทาง Mitsubishi จะจัดเส้นทาง ธรรมดา ก็จะเชยไปเลยจัดเส้นทางจาก สนง.ใหญ่ Mitsubishi คลองหลวง ไปไกลถึง ดาษดา รีสอร์ท จ.ปราจีนบุรี รวมระยะทางแล้วเกือบ 212 กม. เพื่อให้เพิ่มอรรถรสในการขับขี่ที่สนุกยิ่งขึ้น ทั้งทาง On-Road และ Off-Road

ด้านเส้นทาง On-Road คงไม่ต้องสาธยายอะไรมากเพราะ เพราะเครื่องดีเซล 2.4 Mivec ให้สมรรถนะดีเยี่ยมทั้งอัตราเร่ง การตอบสนอง ฉับไว รอบมาไวมาก ตั้งแต่ 2,500 รอบเป็นต้นไป เหมาะกับการเร่งแซง ส่วนการเก็บเสียง ทาง Mitsubishi ติดตั้งอุปกรณ์ดูดซับเสียงตามจุดต่างๆในห้องโดยสาร ที่ บริเวณคอนโซลหน้าและคอนโซลกลาง พื้นที่ภายในห้องโดยสาร พื้นที่ใต้ห้องโดยสารบริเวณฐานเกียร์ และที่ห้องเครื่องยนต์ บังโคลนหน้ารถ โดยยังโดดเด่น และเงียบในย่านความเร็ว 80-120 กม./ชม. แต่พอเข้าวามเร็วสูงๆ ตั้งแต่  130 กม.ก็มีเสียงลมเข้ามาปะทะบ้างนิดหน่อย

Mitsubishi Triton

ระบบพวงมาลัยเป็นแร็คแอนพีเนียนพร้อมพาวเวอร์แบบน้ำมัน ที่ให้ความคมในการบังคับควบคุม การเปลี่ยนเลนแม่นยำ เช่นเดิม พร้อมรัศมีวงเลี้ยวที่แคบ 5.9 เมตร โดยยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาตั้งแต่สมัย Triton เจนที่แล้ว และน้ำหนักพวงมาลัยอยู่ในเกณฑ์ปานกลางแบบ ผู้ชายขับได้ ผู้หญิงขับดี

Mitsubishi Triton

ด้านการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II โดยได้เลือกใช้ระบบ 4H ตลอดเส้นทาง 3 กม.ในสนามของรีสอร์ท ที่ทางทีมงาน Mitsubishi จัดเตรียมไว้ (คาดว่าเป็นสนาม ATV) ที่เต็มไปด้วยขึ้นลงเขา หลุมขวาง ทางแคบ ร่องยาว เนิน เป็นต้น เมื่อเข้า 4H แล้ว ระบบส่งกำลังจะถ่ายทอดกำลังเครื่องไปยังล้อหน้า 40 % และล้อหลัง 60 % ทำให้ การทรงตัว ยึดเกาะถนน ในสภาพโหดๆ ได้อย่างสบายมาก

Mitsubishi Triton

Mitsubishi Triton

ระบบช่วงล่าง เป็นแบบ แบบปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง เหล็กกันโคลงและหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทาง On-Road ให้ความนุ่มนวล หนึบ เช่นเคย แต่สำหรับทาง Off-Road เมื่อผนวกกับระบบขับ 4 ล้อ Super Select 4WD II ทำให้การตอบสนอง รอบรับแรงสะเทือนได้ดีเยี่ยม ถึงจะเต็มไปด้วยสภาพถนนขุรขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ ด้านระบบเบรก ยังคงคมเหมือนเดิม เบรกทันใจ เช่นเคย ในช่วงเหยียบแป้นเบรกไปแล้วประมาณ 20-30 %

การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ Mitsubishi Triton MY2016 ถึงแม้จะใช้ หน้าตาเดิม แต่มีการปรับปรุงในเรื่อง ออฟชั่น ความสบาย มากขึ้น เพื่อเรียกคะแนนให้ สาวกขาโหด และทางเรียบ ให้หันมามองมากขึ้น อย่างถูกใจประทับใจ

ด้านขุมพลัง ดีเซล 2.4 Mivec ยังคงตอบโจทย์ในเรื่อง ความแรง เร่งแซงฉับไว เช่นเคย เมื่อได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ขั้นสุดยอดจาก All New Mitsubishi Pajero Sport การตัดต่อกำลัง ทำได้ดีเยี่ยมในระดับหนึ่ง ช่วงล่าง หนึบนุ่ม รองรับแรงกระแทกในย่านความเร็วสูง และทางหฤโหด Off –Road และด้วยค่าตัว ล้านต้นๆ กับ กระบะขับ 4 ที่พรั่งพร้อมด้วยออฟชั่นครบครัน เทียบชั้นรถ SUV หรูๆ ไม่แปลกที่ Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ถึงแม้คู่แข่งจะมีค่าตัว สูงกว่า ก็ตาม

Mitsubishi Triton

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)

 

ขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์  Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016

 

รถทดสอบ  Mitsubishi Triton Double Cab GLS-LTD 4X4 MY2016

  - รุ่นเกียร์อัตโนมัติ  ราคา 1,049,000 บาท

  - รุ่นเกียร์ธรรมดา   ราคา    952,000 บาท

 

สิ่งที่ชอบ >>> ช่วงล่างเด่น การตอบสนองของเครื่องดีเซล ยังฉับไว เช่นเคย  การเก็บเสียง ทำได้ดีเท่ากับคู่แข่ง ออฟชั่นที่ให้มาค่อนข้างครบครัน การทำงานของขับเคลื่อน 4 ล้อ ใหม่ ตัดต่อกำลังได้อย่างดีเยี่ยม และถุงลมนิรภัยให้มาครบทีเดียว ถึง 7 ลูกรอบคัน

 

สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ไม่มีปุ่มรับ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ในพวงมาลัย Multi-Function เบาะนั่งหลัง ไม่มีระบบจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX สำหรับในรุ่น 4 ประตู Double Cab และกระจังหน้าถ้าอยากให้ดูดีมากกว่านี้ เอากระจังหน้ารุ่นตอนเดียว Single Cab มาใส่แทนจะดีกว่า  

 

สิ่งที่อยากให้มี >>> เพิ่มระบบ Cruise Control กับระบบความปลอดภัยทั้ง ถุงลมนิรภัย 7 จุด รอบคัน ระบบควบคุมการทรงตัวและระบบป้องล้อหมุนฟรี ASTC และ HSA ลงในรุ่น Double Cab GLS-LTD 4X4 เกียร์ธรรมดา และ น่าจะมีพนักพิงศรีษะเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง ในเบาะนั่งตอน 2 สำหรับรุ่น Double Cab ทุกรุ่นทั้งตัวเตี้ยขับสองจนถึง 4X4

 

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ  >>> เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่น่าคบหาสำหรับสำหรับคอลุย คอโหดโดยเฉพาะ

 

สิ่งที่ยังไม่ได้ทำการทดสอบ >>> ยังไม่ได้ทดสอบระบบ ขับ 4 ในโหมด 4HLc และ 4LLc รวมถึงระบบ Diff-Lock  อัตราสิ้นเปลืองการขับขี่ ทั้งในเมือง แบบ Boon Test Mode กับนอกเมืองว่าจะมีอัตราสิ้นเปลือง ใกล้เคียงหรือต่างจาก รุ่นก่อนหน้านี้ ที่ Boon ได้นำมาทดสอบแล้ว หรือไม่

Mitsubishi Triton

 

ที่มาคลิ๊ป YoutubeMitsubishi Motors Thailand

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ