Hands On : Mazda MX5 โรดสเตอร์เจ้าตำนานสู่ความศิวิไล
- โดย : Autodeft
- 30 ม.ค. 59 00:00
- 18,541 อ่าน
พบบททดสอบที่สุดตำนานของ โรดสเตอร์ เมื่อเราได้รับเกียรติจากมาสด้าให้ไปขับ Mazda MX-5 ใหม่ จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันดีกว่า
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ถ้าสมมุติเราให้คุณนึกถึงรถปอร์ตจากญี่ปุ่น .... คุณจะนึกถึงรถอะไร..??? หลายรายชื่อคงพรุ่งพรูออกมาจากหัวของคนที่รักความเร็วชอบความแรง แต่ชื่อหนึ่งที่เชื่อเลยว่า ไม่น่าจะพลาดที่จะต้องพูดถึงเมื่อกล่าวถึงรถสปอร์ตจากญี่ปุ่น คงเป็น Mazda MX-5
มันอาจไม่แรง มันอาจเล็ก ....แต่เจ้าเปี้ยกคันนี้คือที่สุดตำนานของค่ายรถยนต์จากฮิโรชิม่า Mazda MX-5 คือที่สุดการปลุกปั้นการขับขี่ตามวิถีของมาสด้าจากรุ่นสู่รุ่น นี่คือโรดสเตอร์น้ำหนักเบาที่มีคนเป็นเจ้าของมากที่สุดในโลก แถมมันยังเป็นการแสดงตัวตนภายใต้แนวคิดที่แท้จริงของมาสด้า และถ้านับรวมว่าโรดสเตอร์คันนี้ที่สืบทอดมาเป็นรุ่นที่ 4 นี่คือรถโรดสเตอร์ที่ทำตลาดมายาวนานที่สุด จนตอนเปิดตัวรุ่นปัจจุบัน Mazda MX-5 ใหม่นี้ ทางค่ายรถยนต์รายนี้เรียกมันว่า long live roadster ....ถ้าคุณมีโอกาสสักครั้ง จะไม่อยากขับมันเชียวหรือ ....
อากาศเย็นจากจีนปกคลุมประเทศไทย พี่อุทัย มาสด้า เหมือนนัดกับอากาศหนาว ...เวลาช่างเหมาะเจาะบรรยากาศดีสำหรับขับรถเปิดประทุนคันนี้
งานนี้เป็นงานที่ผมสาบาญกับตัวเองว่าจะไม่ยอมพลาดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ จนเล่นเอาผมต้องถ่อสังขารระหว่างเที่ยววันว่างกับคนรู้ใจ ที่ดอยอ่างขาง ล่องมาให้ถึงเขาใหญ่เพื่อขับเจ้ารถสปอร์ตโรดสเตอร์คันนี้กันเสียหน่อย ซึ่งที่ผ่านมาผมเองมีรถพรรคพวกขาซิ่งเพื่อนกันใช้รุ่นเก่าอยู่บ้าง แต่เห็นรุ่นใหม่ที่กำลังจอดตรงหน้าผมแล้ว ต้องยอมรับในความหล่อจับใจของมัน
Mazda MX-5 ใหม่ เกิดอีกครั้ง โดยอาศัยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีของมาสด้าใหม่ทั้งหมด เริ่มจากการออกแบบที่มีเส้นสายแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างชัดเจน ด้วยการออกแบบ KODO Design แนวทางใหม่ของมาสด้าให้ความรู้สึกรถมีจิตวิญญาณของความเคลื่อนไหว ปรัชญานี้ได้ความคิดจากการแสดงท่าทางของสัตว์โลกอย่างเสือชีต้าร์ และถูกถ่ายทอดลงในรถทุกรุ่นของมาสด้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ปกติแล้วเห็นรถมาสด้า ผมจะนึกถึงเสือเสมอ แต่เจ้า Mazda MX-5 มันทำให้ผมนึกถึงนกเหยี่ยวมากกว่า ด้วยดวงตาไฟหน้า LED ทรงสามเหลี่ยมเรียว เหมือนนกหยีตาจ้องตระครุบเหยี่อทางด้านหน้า แก้มข้างตัวรถออกแบบให้มีช่วงซุ้มยื่นขึ้นมาได้เอกลักษณ์แนวทางความดุดันทรงพลังในการขับขี่ และความจริงมันทำให้นึกถึงรถยนต์อย่าง Chevrolet Corvette Stingray พอสมควร แต่มาสด้าบอกว่าเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รู้ว่ารถกำลังไปทิศทางไน ตลอดจนช่วงด้านหน้ายาว ให้ความเป็นโรดสเตอร์ขนานแท้
ด้านหลังมีพื้นที่ผู้โดยสารสำหรับ 2 ที่นั่ง เลือกคู่ได้คนเดียวเท่านั้น หลังห้องโดยสารเป็นที่เก็บหลังคาผ้าใบน้ำหนักเบา เปิด-ปิดง่ายดายขึ้นเยอะแบบอัตโนมือ .. และท้ายสุดเป็นพี้นที่ของห้องสัมภาระ ซึ่งทางมาสด้าชี้ว่า มันอาจจะดูเล็กก็จริง แต่ก็มีพื้นที่มากพอสำหรับกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ
ด้านการออกแบบช่วงท้ายรถ เน้นนำความรู้สึกสู่ความทันสมัย MX-5 ใหม่ มาพร้อมไฟท้าย LED U Shape และโคมกลมสำหรับตำแหน่งไฟเบรก ให้ความชัดเจนแก่เพื่อนร่วมทาง และท้ายสุดเจ้าเปี้ยกคันนี้สวมล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/45/R17
ตั้งแต่เริ่มมีข่าวคราวการพัฒนา Mazda MX-5 ใหม่ออกมา เชื่อว่าสาวกคงรอคอยกันอย่างมาก และติดตามข่าวกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ท้ายที่สุดแล้วทางค่ายฮิโรชิม่าก็ตัดสินใจในการพัฒนาโรดสเตอร์ของพวกเขาสู่รากฐานเดิมที่เคยผลิตมา ด้วยขนาดเดียวกับ Mazda MX-5 รุ่นแรก ไม่ใหญ่ขึ้นเหมือนในรุ่นที่สอง และรุ่นที่สามที่ผลิต ออกมา
ส่งผลให้ในรุ่นที่ 4 ของ Mazda MX-5 มีการปรับค่ามิติตัวถังใหม่หลายรายการเริ่มจาก ความยาวรวมที่ลดลงมาเหลือเพียง 3,915 ม.ม. (-105 มม. จากรุ่นที่ 3 ) แต่ปรับความกว้างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็น 1,735 มม. หรือ เพิ่มขึ้น +15 มม. ความสูงทางมาสด้าจัดการให้เหลือเพียง 1,235มม. ลดลงจากเดิม -10 มม. และท้ายสุดระยะฐานล้อหดลง -20 มม. เหลือเพียง 2,310 มม. เท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ Mazda MX-5 รุ่นที่ 4 กลับไปสู่รากเหง้าของมันที่ออกแบบมาให้เป็นโรดสเตอร์ขนาดเล็กน้ำหนักเบา หรือ Light Weight Sport Car ซึ่งหากดูรายละเอียดจากรุ่นแรกแล้วจะค้นพบว่า มันไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมานัก ยกเว้นเรื่องความกว้างของตัวรถ และ ความยาวของฐานล้อ เพื่อลบข้อครหาในเรื่องการใช้งาน และแน่นอนมันหมายถึงประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีกว่าเดิมด้วย
ตารางแสดง มิติตัวถังเปรียบเทียบของ Mazda MX-5 รุ่นแรก และรุ่นปัจจุบัน
|
Mazda MX 5 (NA) |
Mazda MX -5 (ND) |
การเปลี่ยนแปลง |
ความยาวตัวรถ (ม.ม.) |
3,955 |
3,915 |
-40 |
ความกว้างตัวรถ (ม.ม.) |
1,675 |
1,735 |
+60 |
ความสูงตัวรถ (ม.ม.) |
1,235 |
1,235 |
0 |
ฐานล้อ (ม.ม.) |
2,265 |
2,310 |
+45 |
การเปลี่ยนแปลงทางด้านขนาดในรุ่นใหม่ ให้มีขนาดเล็กลงส่งผลโดยตรงต่อน้ำหนักของตัวรถที่ลดลงจากเดิม ต้องขอบคุณ Sky Activ Technology และการทำงานอย่างหนักของทีมวิศวกรรมาสด้าในการพยายามอย่างลดทุกชิ้นส่วนของ Mazda MX-5 โดยเฉพาะการใช้ตัวถังอลูมิเนียมบอดี้ในทุกชิ้นส่วนของโรดสเตอร์คันนี้กลายเป็นหัวใจสำคัญ
รวมถึงการใช้เทคนิคเพื่อลดน้ำหนักอื่นที่เรียกว่า “Gram Strategy” เช่นการเจาะรูคานขวาง การเชื่อมชิ้นส่วนโดยใช้แนวรูปคลื่น ไปจนกระทั่งการใส่ใจมากถึงขนาดการใช้ที่ปรับเบาะนั่งให้เล็กลง เพื่อสร้างคุณภาพทางด้านน้ำหนักที่ถูกต้องในโรดสเตอร์คันนี้
ทานข้าวกลางวันพร้อม ... ได้เวลาขับขี่ หนนี้ผมยังได้รับเกียรติผูกติดกับพี่จิมมี่ Headlightmag.com มาเป็นคู่หูดูโอ้ ขับสปอร์ตรับลมไปด้วยกัน
แม้ห้องโดยสาร Mazda MX-5 จะเป็นเพียงห้องโดยสารเล็กๆ ที่ให้มีเพียงเราสองคนกับโรดสตอร์หนึ่งคัน แต่เจ้ารถยนต์สปอร์คันนี้ก็ถูกใส่ใจในการออกแบบมากกว่าที่คุณเห็น ด้วยการออกแบบตัวรถให้มีความลงตัวในการขับขี่ เริ่มจากภายในห้องโดยสารที่ดูสปอร์ตมากขึ้นกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา ยังคงใช้เอกลักษณ์ภายในสีดำ
เบาะนั่งทั้ง 2 ได้รับการออกแบบด้วยโครงสร้างแบบ S-Fit เป็นแนวทางพัฒนาเบาะนั่ง bucket Seat ให้มีความสบายและโอบกระชับไปพร้อมกัน รวมถึงการตัดเย็บเองมีความแตกต่างจากรุ่นอื่น มีการเดินตะเข็บและด้ายเป็นพิเศษมากกว่ารุ่นอื่น รวมถึงตัวแผ่นหลังและส่วนรองนั่งเอง ยังมีจุดที่แตกต่างด้วยพื้นผิวที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะช่วงรองหลัง ต่างกันมากถึง 6 รูปแบบ เพื่อการกระชับกับเรือนร่างของคุณที่ดีกว่า ในยามขับขี่
แม้จะจิ๋วแต่ MX-5 ก็แจ๋วด้วยเครื่องเสียง Bose มาพร้อมลำโพงให้กระหึ่มมากถึง 9 จุด 4 ตัวถูกฝังไว้ในเบาะ เพื่อให้คุณยังสุนทรีย์ในการขับขี่แม้เปิดหน้าต่างและหลังคาขับขี่ ส่วนระบบหลังคา งวดนี้เปิด-ปิดแบบอัตโนมือ แต่ทางมาสด้า ก็ยังออกแบบให้งานง่ายด้วยการใช้งานเพียงมือเดียวในการเปิดหรือปิดหลังคา อาจไม่สะดวกเท่าหลังคาไฟฟ้า แต่ก็ช่วยลดน้ำหนักเรื่องระบบกลไกที่ต้องจำเข้ามาติดตั้งได้มากพอดู
หย่อนตัวลงนั่งสัมผัสช่วงแรก ต้องยอมรับว่า Mazda MX-5 เป็นรถโรดสเตอร์ขนาดเล็ก มันกระชับพอดี กับพื้นที่โดยสาร จนสำหรับคนขายาวอย่างกระผม อาจจะเรียกว่าขึ้นลงมีลำบากเล็กน้อย แต่มาสด้าก็เผยว่า พวกเขาได้ปรับพื้นที่การโดยสารให้คุณภาพขึ้นในหลายๆ ด้าน
ไม่ว่าจะความยาวของห้องโดยสาร 940 มม. หรือยาวกว่าเดิม 65 มม. ความกว้างของห้องโดยสารเองก็ปรับเพิ่มขึ้นอีก 10 มม จนมีความกว้าง 1,425 มม. ตลอดจนความสูงของห้องโดยสาร ที่มีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 10 มม. เมื่อปิดหลังคา หรือมีความสูง 1,055 มม ก็เรียกว่าน่าจะลงตัว...
ช่วงแรกที่นั่งกับพี่จิมมี่ยอมรับว่า ในอดีตไม่เคยสัมผัส Mazda MX-5 มาก่อนเลย แต่เมื่อนั่งไปขับรับลมชมแสงแดดย่านเขาใหญ่ไป ต้องซูฮกว่า มันให้ความรู้สึกดีมาก โดยเฉพาะอากาศแบบนี้ แถมพี่จิมมี่พาผมกล่อมเพลงของพี่ท่านที่สุนทรีย์สุดๆ ขอบอกว่าได้อารมณ์ในการเดินทางมาก .. จะว่าไป ก็นึกถึงคนรู้ใจ ที่อยากพาเธอมาลองขับเจ้านี่ดูสักที ..
ไม่นานเรามาถึงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง .. ที่ประจำ ที่ผมมาถ่ายรูปรถทดสอบบ่อยครั้ง ... แต่ขณะที่กำลังชักภาพอย่างเมามันส์ ...ทันใดโทรศัพท์ก็เข้า ..
“ฮัลโหล พี่แคนดี้ ว่าไงครับ”
“เธออยู่ไหนกันแล้ว รถที่ออกไปพร้อมกัน เขากลับมาหมดแล้วนะ”
พลันเกาหัว สงสัยว่าทำไมขับทดสอบเร็ว แต่ก็เข้าใจว่าผมอาจจะเข้าใจผิด ก็เลยรีบตอบกลับว่า จะรีบกลับไปทันที ... เพราะมีสื่อท่านอื่นรอขับต่ออยู่
ไม่แปลกที่พวกเขาจะโกรธ .. ผมผิด ผมขอโทษ ... แต่นาทีนี้คือการต้องควบ Mazda MX-5 กลับไปให้เร็วที่สุด ระยะทางจากอ่างเก็บน้ำถึงโรงแรม ราวๆ 40 กิโลเมตร ...โดยประมาณ ต้องจัดหนักเสียหน่อย ..
ใต้เรือนร่างเล็กโรดสเตอร์คันนี้ ในเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย Mazda MX-5 มาพร้อมเครื่องยนต์ Mazda Sky Activ G ขนาด 2.0 ลิตร แม้เครื่องยนต์บล็อกนี้อาจจะเป็นที่คุ้นเคยกันมาพอสมควร เนื่องจากมันสถิตอยู่ในรถยนต์ Mazda CX-5 ,Mazda 3 และ Mazda CX-3 แต่ในเรือนร่างของเจ้าโรดสเตอร์คันนี้ มีการปรับแต่เครื่องยนต์เล็กน้อย เริ่มจากการลดกำลังอัดของเครื่องยนต์ จาก 14.0:1 เหลือเพียง 13.0:1 ส่งผลให้กำลังสูงสุดเครื่องยนต์ เหลือเพียง 160 แรงม้า สูงสุด ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดเพียง 200 นิวตันเมตรสูงสุดเพียง 4,600 รอบต่อนาที รองรับพลังงานทางเลือกสูงสุดถึง E20
ระบบส่งกำลังเลือกชุดเกียร์อัตโนมัติ Sky Activ Drive 6 สปีด พร้อมโหมดปรับอัตราทดเกียร์ด้วยตัวเอง Activmatic สามารถใช้งานได้ที่คันเกียร์ หรือจะเลือกกระดิกนิ้วผ่านแป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัย ก็เข้าท่า แถมท้ายด้วยระบบช่วยประหยัดน้ำมันทั้ง i-Stop และ i-Eloop ยังมีมาให้ครบครัน
หลายคนมักคิดว่า มีรถสปอร์ตสักคันมันจำเป็นต้องมีสมรรถนะในการขับขี่เร้าใจ รถต้องแรง ...อย่างต่ำ 200 แรงม้าขึ้นไป ในแง่ของตัวเลขสมรรถนะก็อาจจะจริงอยู่บ้าง แต่เจ้า Mazda MX-5 ไม่ยี่หระต่อข้อครหาดังกล่าว เพราะแม้มันจะเป็นเครื่องยนต์ 2000 ซีซี ที่มีกำลังเครื่องยนต์ไม่มากมาย ทว่าน้ำหนักตัวเปล่าเพียง 1,080 กิโลกรัมถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการให้ความรู้สึกสปอร์ตในการขับขี่
การตอบสนองของเครื่องยนต์ค่อนข้างมารวดเร็วทันใจ เหมือนตอนนี้ที่ผมจำต้องแข่งกับเวลา รีบบึ่งกลับไปโรงแรมหลังจากเราจิ๊กรถมาสด้ามาขับยาวนาน การตอบสนองคันเร่งไปยังเครื่องยนต์ถือว่าทำออกมาได้ดี การให้คันเร่งแบบติดตั้งกับพื้นไม่ใช่แป้นลอย หรือ organ Type ช่วยให้คุณสามารถคุมคันเร่งได้แม่นยำมากขึ้น
หากถามว่า แล้วมันแรงกว่าเดิมมากไหม ก็ต้องยอมรับว่าไม่มากมายอะไรอย่างที่ใจหวัง ความรู้สึกสัมผัสเดียวกันกับที่เคยรับรู้ใน Mazda 3 และ Mazda CX3 แถมการปรับลดกำลังอัด เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์เหนียวขึ้น เมื่อคุณต้องเค้นกำลังบ่อยครั้ง กลับทำให้แรงม้าลดลงไปเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าสมรรถนะ Mazda MX-5 ไม่เร้าใจ ด้วยโครงสร้างที่ทำมาจากอลูมิเนียมบอดี้และการลดน้ำหนักของมาสด้าทั้งคัน ช่วยให้ Mazda MX-5 มีภาระแบกน้ำหนักเพียง 6.75 กิโลกรัมต่อแรงม้า เท่านั้นเอง
กดคันเร่งช่วงแรกสัมผัสความเบากลายเป็นหัวใจสำคัญ ผมเริ่มหลงใหลในเสน่ห์ของเจ้าโรดสเตอร์เจ้าตำนานคันนี้ แม้มันจะไม่ว่องไวเหมือนสปอร์ตหลายคันที่เคยผ่านมือมา แต่การเป็นรถเบาหวิวทำให้มันเป็นรถขับสนุกเช่นกัน
ทางโค้งเริ่มทักทาย Mazda MX-5 ก็เริ่มโชว์ความเก๋าตามแบบฉบับรถโรดสเตอร์ที่เกาะถนนหนึบแน่น ไม่ต่างจากตุ๊กแก ทว่านอกจากการเกาะถนนแล้วคำว่า Roadster ยังมีความหมายโดยนัยถึงรถยนต์สปอร์ต 2 ที่นั่ง ที่ได้รับการวิศวกรรมมาอย่างดี เพื่อตอบโจทย์การขับขี่
องค์ประกอบสำคัญแง่หนึ่งของรถโรดสเตอร์ที่หลายคนมักมองข้ามพวกมันไป อาจจะด้วยราคาค่างวดที่แพงกว่าสปอร์ตแบบอื่นๆ คือทีมวิศวกรต้องพยายามอย่างหนักในการสร้างสมดุลในการขับขี่ให้กับตัวรถ มันอาจไม่เร็วมากเมื่อขับทางตรง แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณมีโอกาสขับเจ้า Mazda MX-5 ไปตามเส้นทางอันคดเคี้ยว คุณจะรักเจ้ารถคันนี้ จนอยากจะกลับไปอีกครั้ง
ด้วยการเกิดขึ้นมาเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 จึงได้รับการใส่ใจเรื่องประสิทธิภาพในการขับขี่มากที่สุด โดยเฉพาะในแง่ของการสร้างสมดุลน้ำหนักกับตัวรถและการกระจายน้ำหนักในตัวรถ Mazda MX-5 ถูกสร้างให้มีความสมดุลในอัตรา 50/50 ระหว่างด้านหน้าและด้านหลัง
ต้องขอบคุณไอเดียใหม่ของทีมวิศวกร ที่จัดการถอยหลังเครื่องยนต์ให้ไปอยู่หลังชุดล้อหน้ามากกว่ารุ่นเดิมอีก 15 มม. รวมถึงวางเครื่องยนต์ต่ำลงอีก 13 มม. ให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำใกล้พื้นมากขึ้น ลดอาการเหวี่ยงเมือเข้าโค้ง ถ้าคิดว่านั่นพอแล้ว ตำแหน่งความสูงของเบาะนั่งในห้องโดยสารก็ถูกปรับลดลงเช่นกันอีก 20 มม. เพื่อให้รถเกาะถนนและกระจายน้ำหนักได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยตำแหน่งเบาะนั่งฝั่งคนขับจะสูงกว่าฝั่งผู้โดยสารเล็กน้อย เพื่อทัศนวิสัยในการขับขี่ให้มองได้ถ้วนทั่วฝากระโปรงหน้า
ยามเข้าโค้งสัมผัสของ Mazda MX-5 จะให้ความมั่นใจมาก เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรธรรมดาให้ความรู้สึกเร้าใจมากกว่าเมื่อบดคันเร่งติดกับพื้นควักกำลัง 160 แรงม้า ออกมาวาดฝีเท้าในโค้ง ความรู้สึก Zoom -Zoom เป็นอย่างไร ผมเริ่มรู้เมื่อขับ Mazda MX-5 เข้าโค้งอย่างต่อเนื่องสักสองสามโค้งติดต่อกัน
ผมจำได้ว่าตอนทีมวิศวกรพูดถึง Mazda MX-5 พวกเขาเอ่ยว่า เมื่อคุณขับรถคันนี้ คุณจะยิ้มที่มุมปาก รู้สึกสนุกในการขับขี่ น่าแปลกที่ทีมวิศวกรของมาสด้าทำแบบนั้นได้จริงๆ ผมกำลังกระดิกนิ้วที่ Paddle Shift หักพวงมาลัยเข้าโค้ง ตามองทางโค้งอย่างมาดมั่นผ่านกระจกบังลมหน้า ทัศนวิสัยมุมกว้างมองได้รอบฝากระโปรงหน้าว่า รถกำลังพาคุณไปทิศทางไหน จากนั้นกดคันเร่ง ใช้แรงบิดปั่นฝีเท้าเข้าโค้งเกาะถนนสร้างความเร้าใจ นาทีนั้นแหละ ผู้รู้เลยว่านี่คือรถให้ความสุขได้แท้จริง รถมีแรงเหวี่ยงในระหว่างเข้าโค้งน้อยมาก แม้ผมจะแอบกดคันเร่งดันรถเข้าโค้งที่ 130 ก.ม./ช.ม. ผลันหางตาแอบมองอาการพี่จิมมี่คนนั่งว่าจะเสียวหรือไม่ และนาทีนั่นที่คุณกำลังสนุกและคนข้างๆคุณก็มีความสุขเช่นกัน
คุณจะมีรอยยิ้มที่มุมปาก ในระหว่างการขับขี่ Mazda MX-5 อย่างที่วิศวกรมาสด้า ได้ทุ่มเทที่จะสร้างรถคันนี้ ให้กลายเป็นรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยห้วงเวลาแห่งความสุข Joy of the moment , Joy of Life.
Mazda MX5 ครบทุกสันดานซิ่ง ขาดเพียงเกียร์ธรรมดา
ตลอดเส้นทางที่ผมหวด Mazda MX-5 มาถึงที่โรงแรมคีรีมายา ช่วงระหว่างทางเจ้าโรดสเตอร์ได้โชว์ศักยภาพในการเข้าโค้ง การเร่งแซง ตลอดจนกำลังจากเครื่องยนต์ เจ้าโรดสเตอร์คันนี้ คืออาวุธครบมือถ้าคุณต้องการที่จะเริ่มหัดซิ่งอย่างจริงจัง
มันอาจไม่ใช่รถที่มีกำลังมากมาย แต่ก็พร้อมสร้างความเร้าใจ แถมเรือนร่างของมันก็ยังหล่อบาดตาบาดใจสาวๆ หรือคนรักรถตัวจริง การซื้อรถโรดสเตอร์เหมือนการซื้อรถสองคัน มันมีสองสไตล์ให้คุณเลือกใช้ยามต้องการ เปิดประทุน หรือปิดหลังคา
ทว่าหลายคนอาจจะกังขาเรื่องขนาดตัวที่เล็กของมัน ตลอดจนการโดยสารที่อาจจะพาคุณรู้สึกอึดอัดบ้างถ้าต้องเดินทางไกล ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยการปรับเบาะนั่งที่ถูกต้องเข้าช่วย ท่านั่งที่เหมาะสมจะทำให้คุณนั่งได้อย่างสบาย แต่ในทางกลับกัน การติดตั้งเบาะนั่งคนขับให้สูงกว่าคนนั่งอาจจะมีดีเรื่องทัศนวิสัยในการขับขี่ คุณมองเห็นทั่วฝากระโปรงหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่า เรื่องของการปรับตำแหน่งยังมีปัญหาอยู่บ้าง อย่างเช่นพี่จิมมี่ รู้สึกไม่ลงตัวในระหว่างขับขี่ เขารู้สึกว่าเบาะนั่งสูงไป แต่สำหรับผมแล้วให้เพียงไปวัดไปวาได้ และผมว่าน่าจะดีกว่าถ้าเบาะนั่งเตี้ยกว่านี้
ถึงแม้เบาะนั่งจะไม่ลงตัวบ้าง แต่เรื่องออพชั่นในรถครบครันน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเครื่องเสียงจาก Bose ที่ขับกล่อมได้อรรถรส มันอาจจะยังไม่ดีที่สุด แต่ก็มีดีพอในการสร้างความบันเทิงระหว่างทาง การติดตั้งลำโพงในเบาะ เป็นแนวคิดอันชาญฉลาดที่ผมขอยกนิ้วเยี่ยมให้ทีมงานมาสด้า
นอกจากนี้ฟังชั่นต่างๆ ยังครบครัน ไม่ว่าจะเพื่อซิ่ง Paddle Shift หรือจะเพื่อขับสบายที่เราตามหาในรถมาสด้ามานาน ระบบ Cruise Control ตลอดจนมาสด้ายังยัดฟังชั่นการขับขี่เพื่อความปลอดภัยอีกหลายรายการยาวเป็นหางว่าว จนกลายเป็นรถสปอร์ตที่มีดีครบทุกด้าน
ส่วนความแตกต่างจากรุ่นเดิมนั้น ด้วยการขาดประสบการณ์ขับขี่รถ Mazda MX-5 รุ่นก่อนหน้านี้ ทางพี่จิมมี่ จึงใคร่เล่าให้ฟังว่า รุ่นนี้ ดูเหมือนมาสด้าจะเซทช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลขึ้น มันไม่ดิบโหดเหมือนรุ่นเดิม ๆที่ ผ่านมา และความนุ่มนวลขึ้นทำให้รถคันนี้มีความศิวิไลขึ้น ในการขับขี่ มันเหมาะที่จะขับไปทำงานได้ทุกวันยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงจอดไว้ที่โรงรถแล้วนำออกมาขับในวันว่างเหมือนที่ผ่านๆมา
ถึงแม้จะครบเครื่อง แต่ลงมาจาก Mazda MX-5 ผมคิดถึงเรื่องเดียว นั่นคือทำไมมาสด้าไม่นำรุ่นเกียร์ธรรมดามาขายบ้าง ซึ่งจากที่ถามพี่ทีมงานมาสด้าท่านหนึ่งที่ดูแลเรื่องของผลิตภัณฑ์สินค้าก็ได้รับคำชี้แจงว่า ทางมาสด้ากำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ และมีลูกค้าเรียกร้องมาแล้วหลายราย โดยเฉพาะคนในคาร์คลับ Mazda MX-5
ในฐานะคอสปอร์ตเอง ผมยอมรับว่า ถ้าผมคิดจะซื้อรถสปอร์ตสักคัน ก็คงอยากจะขับรถสปอร์ตที่เป็นเกียร์ธรรมดามากกว่าจะขับเกียร์อัตโนมัติ แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลายคนที่ไม่ใช่คนรักความเร็วก็คงอยากได้รถที่แรงและขับสบาย แต่ท้ายสุดแล้วก็หวังว่ามาสด้า จะตัดสินใจนำรุ่นเกียร์ธรรมดาเข้ามา ซึ่งก็นาจะมีราคาที่สมเหตุสมผลกว่าเดิมด้วย ตลอดจนออพชั่นบางอย่างในรุ่นเกียร์ธรรมดาอาจจะไม่จำเป็นต้องครบมาก แต่ต้องมีบ้าง เพื่อไม่ให้ถูกมองเป็นพลเมืองชั้นสองของสปอร์ตคาร์คันนี้
โบกมือจากลาเจ้า Mazda MX-5 แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆในการขับขี่แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจในรถยนต์โรดสเตอร์เจ้าตำนาน ทุกอย่างในรถรุ่นนี้ถือว่าลงตัว เพียงแต่มันอาจไม่แรงมากมายอย่างที่คุณหวัง แต่เมื่อไร คุณจำเป็นต้องเจอทางโค้งบ่อยๆ ..คุณจะรู้ว่ารถที่ดีไม่ได้หมายความว่ามันต้องแรงเสมอไป
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
ขอบคุณ มาสด้า ประเทศไทย ตลอดจนทีมงาน พี่ธีร์ ,พี่อุทัย, พี่แคนดี้ ที่เอื้อเฟื้อและให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบ Mazda MX-5 ในครั้งนี้ ด้วยครับ
รถทดสอบ Mazda MX-5
ราคาจำหน่าย 2,700,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> การออกแบบที่งดงาม สมดุลที่เข้าโค้งได้เป็นอย่างดี การสร้างที่มีปัจเจกอย่างลงตัว ถือเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างในการขับขี่อย่างแท้จริง
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> กำลังเครื่องที่น้อยกว่าสปอร์ตรุ่นอื่นๆในตลาด อาจจะทำให้กังขาเรื่องความแรง แต่ที่ดูเหมือนจะต้องกลับไปปรับปรุงหน่อย คือเรื่องความสูงเบาะนั่งที่น่าจะต่ำลงไปเท่าคนนั่งเลย จะดีกว่า
สิ่งที่อยากให้มี >>> รุ่นเกียร์ธรรมดา และอยาให้มาสด้าประเทศไทย จัดการแข่งขัน Mazda MX-5 Global Cup ด้วย
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> ถ้าคุณชอบรถที่ดุดีมีสไตล์ ขับดี ไม่ได้เน้นความแรง Mazda MX-5 คือรถที่ควรจะจับจองเป็นเจ้าของ
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com