Hands On : ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4 สปอร์ตปิคอัพออฟโรด...ลุย หรู เต็มพิกัด

นับตั้งแต่การเเผยโฉม ISUZU D-MAX Blue Power ที่นอกจากเปลี่ยนความหล่อทั้งคันแล้ว ยังสร้างปรากฏการณ์ “ดีแมคซ์ฟีเวอร์” ขึ้นอีกครั้งด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลเล็กสุด 1.9 ลิตร จนความนิยมเพิ่มขึ้นแบบไม่มีสิ้นสุด

โดยมี รุ่นยกสูง HI-Lander เป็นหัวหอกในการทำตลาด นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกเอาใจสิงห์ออฟโรด เน้นความโหดดิบแต่อยากได้ความหรูเทียบชั้นรถ Premium SUV จึงเป็นที่มาของการเปิดโลกแห่งการลุยรูปแบบใหม่ด้วยสปอร์ตปิคอัพออฟโรดในชื่อ ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4 ซึ่งแนะนำไปแล้วตั้งแต่ปีกลาย

รูปลักษณ์หล่อในร่าง 4 ประตู รุ่นท็อปเท่ขึ้นดุดันขึ้นด้วยชุดแต่งทั้งคัน ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์บ่งบอกเอกลักษณ์สีเทาดำ เสริมด้วยคิ้วขอบฝากระโปรงหน้า ส่องสว่างไกลด้วยไฟหน้า Projector พร้อมขอบวงสีเงิน Silver Ring การ์ดเสริมกันขนหน้าทูโทน พร้อมกรอบไฟตัดหมอกรูปตัว C ด้านข้างสมาร์ทหรูด้วย ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษสีทูโทน  6 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/60 R18 จาก Bridgestone Dualer H/T ติดตั้งคิ้วขอบล้อสีดำ พร้อมคิ้วชายล่าง Side Molding ติดตั้งโลโก้ V-Cross พร้อมกระจกมองข้าง ราวเหล็กหลังคา บันไดข้าง เป็นสีเทาดำทั้งหมด เสา B ข้างประตู จากเดิมจะเป็นสีเดียวกับตัวรถกลายเป็นสีเทาดำ ทันสมัยรับกับตัวรถลงตัว บึกบึนเติมเต็มตัวรถด้วยสปอร์ตบาร์ใหม่แบบ Robust Extender ติดตั้งในส่วนขอบกระบะท้าย ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วยพื้นปูกระบะ Bed Liner ติดจากโรงงาน และกันชนท้ายสีเทาดำ

มิติตัวถังสปอรต์ปิคอัพออฟโรดเท่ากับรุ่นยกสูง HI-Lander เริ่มจากความยาว 5,200 มม. ความกว้าง 1,860 มม. ความสูง 1,840 มม. ฐานล้อ 3,095 มม. ความสูงจากพื้น 235 มม. แต่น้ำหนักมากขึ้นจากรุ่น HI-Lander 150 กก. เป็น 1,980 กก. ส่วนมิติกระบะภายในเหมือนเดิมตั้งแต่ความยาว 1,485 มม. ความกว้าง 1,530 มม. ความสูง 465 มม. และความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร

ก้าวเข้ามาภายในเปลี่ยนบุคลิกให้เข้มแต่แฝงความหรูด้วยโทนสีดำล้วน พรีเมี่ยมด้วยเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ทูโทนสีดำ-น้ำตาล เดินด้ายสีส้มรอบตัวเบาะปั้มโลโก้ V-Cross ดูแล้วแปลกไม่เหมือนใคร แต่ยังให้ความสบายกระชับสำหรับคนขับสามารถปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งคนนั่งยังต้องปรับด้วยระบบธรรมดา เบาะหลังมีที่วางแขนในตัว และแยกปรับพับได้แบบ 60/40 แผงหน้าปัดดีไซน์เดิมเพิ่มเติมด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นคับคั่งด้วยปุ่มการทำงานเครื่องเสียงในฝั่งซ้ายมือ ส่วนฝั่งขวามือติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control แบบ 3 ก้าน ดีไซน์คุ้นเคยหุ้มหนังแบบมีรูลายสปอร์ต Dual Sport Pattern เดินด้ายสีส้ม พร้อมมาตรวัดเรืองแสงแบบ 3D และจอแสดงข้อมูล MID สีแสดงสถานะครบถ้วน ปิดท้ายด้วยปุ่ม Push Start เพียงปลายนิ้วสัมผัสทำงานคู่กับ ระบบกุญแจรีโมท Keyless Entry สามารถสั่งปลดล็อกได้อย่างง่ายด้วยการสัมผัสด้านในก้านเปิดประตู

ชุดตกแต่งคอนโซลกลางสีดำ Piano Black พร้อมเครื่องปรับอากาศ Auto และเครื่องเล่น DVD ขนาด 7 นิ้วรุ่น DNX7150BT จาก KENWOOD กันหลังทางด้วยระบบ Navigator ติดตั้งในตัวเครื่อง เชื่อมต่อ USB รองรับทั้งเครื่องเล่น MP3, Flash Drive และสมาร์ทโฟน ระบบ Bluetooth รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน Air Mirroring ผ่าน Wifi Dongle เสียงกระหึ่มด้วยลำโพงที่ใจดีให้มากถึง 6 ตัวพร้อมลำโพงบนเพดาน Roof Speaker อีก 2 ตัว ยอมรับเลยว่าเสียงดีจน ไม่ต้องไปอัพเกรดหาลำโพงคุณภาพอีก เอาใจสาวกสมาร์ทโฟนที่แบตใกล้จะหมดในช่วงเวลาสำคัญๆ ด้วยช่อง USB ชาร์จไฟ ขนาด 5 โวลต์ 1 แอมป์ 2 จุดที่ด้านหน้าและด้านหลัง แผงประตูขึ้นรูปตกแต่งใหม่ด้วยขอบสี Bronze Metallic ต่อเนื่องกับมือจับประตูด้านในสีโครเมี่ยมจากเดิมเป็นสีเงินด้าน ที่พักแขนหุ้มหนังแบบ Soft Pad ที่คอนโซลกลางและข้างประตู

ในตระกูล Blue Power ที่นอกจากจะมีเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเล็กสุด 1.9 ลิตรแล้ว สปอร์ตปิคอัพขับสี่รุ่นนี้ ติดตั้งขุมพลังที่ขึ้นชื่อในเรื่องความแรงและทนทานด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน VGS รุ่น 4JJ1-TCX ขนาด 3.0 ลิตร รีดกำลังมากสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงต่อเนื่องแบบ High Flat-torque ที่ 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ให้ค่าอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 192 กรัม/กม.

ระบบส่งกำลังเป็น เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโอเวอร์ไดร์ฟ 2 ตำแหน่ง ผสานโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic รุ่น AWR6B45 ลุยได้ตามใจสั่งด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time ปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนแบบปุ่มหมุน Terrain Command ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ปรับระบบการขับเคลื่อนระหว่าง 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. และยังมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รุ่น MUX-5S พร้อมระบบส่งกำลังแบบ GENIUS SPORT SHIFT ให้เลือก

ด้วยความใหญ่โตของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ให้ความประทับใจในเรื่องการออกตัวที่นุ่มนวลตั้งแต่รอบกลาง เมื่อเติมคันเร่งก็แสดงพลังอย่างมหาศาลในยามเร่งแซง ส่วนรอบเครื่องในช่วงแต่ละความเร็วนั้นต่ำกว่าเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร จึงกล้าบอกเลยว่า พลังเหลือเฟือ ใช้ตอนที่ต้องการปีนป่ายทางชัน พื้นถนนขรุขระโหดๆ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาวกเท้าขวาหนัก ที่หลงใหลหลงเสน่ห์ในการใช้งานบนถนนดำตอนขับไปต่างจังหวัด กับเร่งแซงถนนเลนสวน

ตารางแสดงอัตราการทำงานของเครื่องยนต์

 

การเก็บเสียงยังเป็นเอกลักษณ์เด่นสำหรับ อีซูซุ นั่นคือเงียบพอสมควร ตั้งแต่ความเร็วกลาง 50-110 กม./ชม. ส่วน120 กม./ชม.ขึ้นไป มีเสียงเล็ดลอดเข้ามานิดหน่อย เสียงเครื่องยนต์ 3.0 อาจมีดังบ้างในช่วงเร่งแซงแต่ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทาง ยังสามารถ พูดคุยสนทนาได้สบายๆ เพลินๆตลอดการเดินทาง

ถึง เกียร์อัตโนมัติเป็นลูกเดียวกับรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร แต่บุคลิกไม่แตกต่างกันการทำงานในแต่ละช่วงเกียร์ราบรื่น คล่องแคล่ว และตอบสนองดีทำงานในยามอยู่ในเกียร์ D แต่ถ้าต้องการเร่งแซงขอแนะนำให้ใช้เกียร์ บวก/ลบ ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ทำให้ได้ความว่องไวทันใจขึ้น ด้าน Engine Brake ยังสร้างจุดเด่นเช่นเดิมโดยคอยดึงกำลังของเครื่องยนต์ ช่วยในการชะลอทั้งในช่วงลงเขาหรือลดความเร็ว แต่ว่า Engine Brake จะทำงานในช่วงความเร็วลดลงมาถึง 60 กม./ชม.

ขาดไม่ได้เลยสำหรับรุ่น เกียร์อัตโนมัติ ทุกรุ่นของ D-MAX Blue Power รวมถึง D-MAX V-Cross MAX 4X4 นั่นคือระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ISS (Idling Stop/Start System) โดยจะตัดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วขณะ และกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อแตะคันเร่ง โดยมีสัญลักษณ์สีเขียวแสดงบนมาตรวัดแต่มีเงื่อนไขคือต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ D และต้องปิดแอร์สถานเดียวซึ่งการทำงานอาจยุ่งยากไปหน่อยแต่หวังว่าคงพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ให้ดียิ่งขึ้น

ระบบช่วงล่างเป็นแบบ ปีกนกอิสระสองชั้น คอยย์สปริง และโช้กอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลงสำหรับด้านหน้า และด้านหลังยังคงใช้แหนบรูปครึ่งวงรีพร้อมโช้กอัพแก๊ส (แหนบเหนือเพลา) ที่คราวนี้เซ็ทออกมาแอบมีอาการหนึบในบางจังหวะ แต่ส่วนใหญ่จะเน้นที่นุ่มนวลสบายๆ อาการกระเทือน มีน้อยด้านการเข้าโค้งจัดอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบน้ำมัน บุคลิกอาจแตกต่างจากรุ่นยกสูง HI-Lander ตรงที่น้ำหนักมากขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ไม่เลวร้ายมากนักแต่ความเร็วสูงๆ อาจมีน้ำหนักเบาบ้างแต่ก็ไม่สร้างอุปสรรคในการขับขี่แต่อย่างใด

ระบบห้ามล้อนอกจากหม้อลมเบรกขนาดใหญ่แล้วมีระบบป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD ที่ให้จุดเด่นมายาวนานในเรื่องเบรกได้ตามใจสั่งและทันใจ ส่วนตัวช่วยต่างๆทั้งระบบควบคุมการทรงตัว ESC ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS ระบบออกตัวบนทางลาดชัน HAS มีมาให้ครบ และน้องใหม่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC โดยได้ลองใช้งานแล้วยอมรับว่า ตรวจจับการทำงานอย่างแม่นยำ มีหน่วงบ้างเล็กน้อยและที่สำคัญ ไม่กระตุกในตอนช่วงลงจากทางลาดชัน

ปิดท้ายด้วยอัตราความสิ้นเปลืองโดยยังใช้สูตรเฉพาะของเว็บ Autodeft นั่นคือสูตร Save Mode เมื่อปีกลายรุ่นผมเคยนำรุ่นยกสูง HI-Lander 1.9 ลิตร เกียร์อัตโนมัติมา โดยสามารถทำตัวเลขสิ้นเปลืองมหัศจรรย์ที่ 15.11 กม./ลิตร แต่พอมาเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรที่ต้องแบกน้ำหนักบวกชุดทรานเฟอร์ 4WD เกือบ 2 ตัน กลับสามารถทำตัวเลขดีไม่แพ้ 1.9 ลิตร ที่ 14.85 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 63 กม. และจัดน้ำมันดีเซลเต็มถังจากปั้มชื่อดังแถวบางใหญ่ เพียง 4.240 ลิตร  ส่วนอัตราสื้นเปลืองในเมืองทำได้ 11.62 กม./ลิตร แต่นอกเมืองกลับทำได้ 16.18 กม./ลิตร จากระยะทาง 116.8 กม. เส้นทาง กรุงเทพฯ- สระบุรี (มวกเหล็ก) และเติมเข้าไปเต็มถัง 7.18 ลิตร ประหยัดมากกว่ารุ่น Hi-Lander 1.9 เกียร์อัตโนมัติ

การเพิ่มทางเลือกสำหรับคนพันธุ์ลุยสร้างปรากฎการณ์ให้วงการรถขับเคลื่อนสี่ล้อในเมืองไทยอีกครั้ง ตัวตนใหม่ดุดันหรูหราด้วยชุดแต่งรอบคันสีเข้มทำให้คนเหลียวมองมากขึ้น ขุมพลัง 3.0 Ddi Blue Power แรงต้น ปลายจัด ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึงพร้อมระบบส่งกำลังที่ฉลาดว่องไวเช่นเดิมและความประหยัดน้ำมันที่จัดอยู่ในแถวหน้ากลายจุดแข็งให้เหล่าประชาคม อีซูซุ และสาวกปิคอัพชาวไทยตัดสินใจซื้อสปอร์ตออฟโรดที่จะเปลี่ยนโลกให้ท้าทายมากขึ้น ด้วย ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ ประธานชมรมออฟโรดชื่อดังของไทย (สมาชิกติดตามเว็บไซต์ท่านหนึ่ง) เอื้อเฟื้อนำรถมาให้ใช้งานและทดสอบ

 

รถทดสอบ ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4 4 ประตู รุ่น 3.0 Z Prestige + เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,087,000 บาท (สีขาวมุก เพิ่ม 7,000 บาท)

 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com