Hands on: BMW X3 xDrive20d xLine ความสนุกในนิยามสไตล์ Sport Activity Vehicle
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 16 ก.พ. 61 00:00
- 37,158 อ่าน
เราคงจะคุ้นเคยกับรถยนต์สไตล์ SUV (Sport Utility Vehicle) หรือรถยนต์อเนกประสงค์กันอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่ามีรถยนต์รุ่นหนึ่งที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นรถสไตล์ SAV หรือ Sport Activity Vehicle คุณจะคุ้นกันบ้างไหม รุ่นที่เขานิยามตัวเองว่าเป็นสไตล์นี้คือ BMW ตระกูล X ครับ
รถยนต์ในกลุ่มตระกูล X ของค่ายใบพัดสีฟ้า บีเอ็มดับเบิ้ลยู นั้น ถ้าเป็นภาษาสากลที่เรียกกันก็จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ SUV นั่นเอง แต่ทางค่ายมองว่า DNA ของค่ายนั้น จะต้องเป็นรถที่ขับสนุกทุกรุ่น ซึ่งถ้าเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ หลายคนอาจจะะติดภาพการเป็นรถยนต์เพื่อใช้กับครอบครัวมากกว่า แต่ในกลุ่ม X นั้น จะต้องแฝงความสนุกเข้าไปด้วย จึงได้เกิดนิยามใหม่ขึ้นมานั่นก็คือ Sport Activity Vehicle หรือ SAV นั่นเอง
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผมเองได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมหนึ่ง ที่ทาง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ให้เกียรติเชิญเข้าทดสอบ BMW X3 xDrive20d xLine น้องใหม่ตระกูล X ภายใต้คอนเซปต์ Mission To Mars (คืออะไรหว่า) รู้คร่าวๆแค่ว่าการทดสอบครั้งนี้จะไม่ใช่การวิ่งทดสอบทั่วไป แต่จะพาเข้าไปทดสอบแบบ Off Road กันด้วย แต่ Mission To Mars คืออะไร คงต้องไปหาคำตอบกันข้างหน้าครับ
BMW X3 xDrive20d xLine รถยนต์ใหม่คันนี้ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร มาพร้อมเกียร์ Steptronic 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD เลือกโหมดขับขี่ได้ทั้ง ECO PRO, COMFORT, SPORT ทำอัตราความเร่ง 0-100 ได้ใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 213 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งถ้าดูตามสเปคเครื่องเทียบกับตัวรถแล้ว รถก็น่าจะพาไปลุยได้สบายๆ แต่บางทีเครื่องยนต์อย่างเดียวก็ไม่ได้บอกว่ามันจะลุยได้มากขนาดไหน มันต้องมีองค์ประกอบต่างๆ เข้ามาเสริม เพื่อให้รถไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยด้วยครับ
การออกแบบตัวรถนั้น แน่นอนครับว่าาจะต้องอิงไปเรื่องเน้นการใช้งานเป็นสำคัญ ทรงดูใหญ่บึกบึน แต่ก็มีแฝงเรื่องความสปอร์ตเข้าไปด้วย ไฟหน้าแบบ LED หันได้ตามทิศทางการหันของพวงมาลัย มีไฟ DRL แบบ LED เป็นเส้นแนวตามกรอบของไฟหน้า ไฟตัดหมอกหน้าเป็นทรง 6 เหลี่ยม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของตระกูล X ที่ใช้ทรงนี้ ล้อเป็นอัลลอยขนาด 19 นิ้วลาย Y-spoke กระจังหน้าทรงไตคู่แบบหนา ตามเอกลักษณ์ของทางบีเอ็มดับเบิ้ลยู มีหลังคามูนรูฟแบบ Panoramic ที่จะช่วยให้รับแสงหรือลมจากภายนอกได้อย่างเต็มที่ทั้งผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง
รถ BMW X3 xDrive20d xLine ออกแบบให้โดยสารได้ 5 คน มีระบบปรับอากาศแยกได้ 3 โซนคือ ด้านหน้าแยกซ้าย-ขวา และด้านหลังอีก 1 เบาะเป็นหนังแท้ Vernasca สีดำ เบาะคนขับบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 มีชุดไฟเพิ่มบรรยากาศในห้องโดยสาร 6 สี ม่านบังแดดด้านข้างผู้โดยสารตอนหลังแบบอัตโนมัติ
สิ่งที่ผมชอบที่สุดของภายใน นั่นก็คือหน้าจอที่อยู่ตรงกลางขนาด 10.25 นิ้ว ที่ใช้บอกข้อมูลต่างๆทั้งเป็นเครื่องเสียง, ระบบนำทาง, ข้อมูลตัวรถ เป็นต้น ใช้งานได้ทั้งผ่านปุ่ม iDrive ตรงกลางรถ หรือจะสัมผัสที่หน้าจอ หรือจะสั่งการด้วยเสียง หรือจะใช้งานแบบ Air Gesture ที่ทางค่ายเรียกว่า BMW gesture control หรือโบกมือเพื่อสั่งการก็ได้ (ใช้นิ้วชี้หมุนเป็นวงกลม จะเพิ่ม-ลดเสียงของลำโพง เป็นต้น) เล่นเอาผมสนุกกับการใช้งานไปตลอดทางเลย
การเดินทางทดสอบครั้งนี้ จุดหมายปลายทางอยู่ที่โรงโม่หินแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ตอนขับเข้าไปถึงนั้นก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเรียกว่า Mission To Mars เพราะที่นี่ยังคงเป็นแหล่งระเบิดภูเขาเพื่อนำหินไปโม่เพื่อทำปูนซีเมนต์อยู่ สภาพพื้นที่จึงเต็มไปด้วยก้อนกรวดเล็กๆตลอดเส้นทาง มีทางขึ้นและลงเขาทั้งชันและไม่ชันอยู่หลายช่วง ซึ่งการเดินทางเข้าไปนั้น เราได้ลองระบบหลายอย่าง ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ Dynamic Stability Control และ ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน Dynamic Traction Control เพราะถึงแม้จะเป็นเส้นทางหิน ขึ้นลงเขา เข้าโค้งก็หลายครั้ง แต่ผู้นำทางก็ไม่ได้ลดความเร็วลงซักเท่าไหร่ พาห้อตะบึงไปในทางที่ค่อนข้างลื่นจากก้อนกรวด แต่ระบบการควบคุมของรถก็สามารถปรับการหมุนของล้อให้เข้ากับเส้นทางได้อิสระทั้ง 4 ล้อ ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งยังได้ลองระบบ ควบคุมความเร็วบนทางลาดชัน Hill Descent Control ที่เมื่อใช้งานตอนลงเขา เราไม่ต้องแตะเบรกเอง ตัวรถจะคอยควบคุมความเร็วไม่ให้เกินตามที่เรากำหนดไว้ (ปรับเปลี่ยนได้ด้วยปุ่ม Multi-Function บนพวงมาลัย)
เมื่อเข้ามาถึงจุดทดสอบสมรรถนะของ BMW X3 xDrive20d xLine ตอนนี้กลุ่มผู้สื่อข่าวจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยผมเองเริ่มทดสอบสมรรถนะรถของการขับขี่ Off Road ก่อน ด้วยการขับขี่ผ่าน 3 ด่านนั่นคือ ด่านหลุ่มบ่อจำลอง, ด่านขึ้นและลงเขาสูงชัน และสุดท้ายด้วยการขับขี่ผ่านถนนเอียงข้าง 25 องศา โดยด่านแรกนั้น เพื่อต้องการให้เห็นระบบการหมุนของล้อว่าสามารถทำงานได้ฉลาดมากขนาดไหน เพราะบ่อนี้บางจังหวะตัวล้ออาจมีการยกตัวขึ้นลอยในอากาศถึง 2 ล้อ แต่ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อแบบ xDrive สามารถนำกำลังจากล้อที่ลอยตัวอยู่ ไปหมุนล้อที่แตะพื้นอยู่ได้ ทำให้การลุยแบบนี้สามารถทำได้อย่างสบาย ด่านต่อมากับการขึ้นและลงเขาลาดชัน เพื่อโชว์ระบบ Auto Hold นั่นคือการล็อคล้ออัตโนมัตเมื่อรถหยุดสนิท ทำให้รถไม่ไหลถอยหลังเมื่อเราย้ายเท้าจากแป้นเบรกไปที่คันเร่ง และระบบ Hill Descent Control ที่ใช้งานเมื่อลงจากเขา สุดท้ายกับด่านขับขี่ผ่านถนนเอียงข้าง 25 องศา เพื่อให้เห็นว่า ตัวรถสามารถควบคุมได้ ถึงแม้ถนนเอียงมากก็ตาม โดยมุมสูงสุดที่สามารถไปได้คือ 45 องศา (ขนาดแค่ 25 องศายังนั่งแล้วเอียงกระเท่เร่เลย)
จบจากจุดแรกแล้ว เราก็ไปต่อกับจุดที่ 2 นั่นคือการขับ Gymkhana บนทางกรวด เพื่อแสงให้เห็นว่า ถึงแม้จะเป็นรถแบบ SUV ก็สามารถขับให้มันสนุกได้ตามคำนิยาม Sport Activity Vehicle ของ บีเอ็มดับเบิ้ลยู โดยการทดสอบนี้มีการท้าทายหน่อย ด้วยการจับเวลาแข่งขันกันเองระหว่างเพื่อนๆสื่อมวลชน กติกาคือ มีโอกาสให้ลอง 3 รอบ โดย 2 รอบแรกเป็นการทดสอบ รอบที่ 3 คือเอาจริง จะเปิดหรือปิดระบบตัวช่วยก็ได้ แล้วแต่ใครถนัด ผมเองเริ่มต้นด้วยการเปิดระบบการทรงตัวทั้งหมดเอาไว้ก่อน เมื่อขับเข้า Track ไปแล้ว ทำให้รู้ว่าตัวระบบความปลอดภัย ทั้ง Dynamic Stability Control, Dynamic Traction Control หรือระบบควบคุมขับขี่ขณะเข้าโค้ง จะช่วยลดอาการไถลของตัวรถได้มากเลย เพราะเมื่อเราเข้าโค้งแบบแรงๆแล้วมีการไถล ตัวรถจะมีการตัดกำลังเครื่องเพื่อไม่ให้เราส่งกำลังไปที่ล้ออีก แต่มันจะไม่มากเท่าของยี่ห้ออื่นที่ตัดกำลังอย่างฮวบฮาบ เพราะทาง BMW ต้องการให้รถยังคงขับสนุกอยู่ จึงยอมให้รถมีการไถลไปเล็กน้อย แต่ไม่หลุดออกนอกเส้นทาง จากนั้นก็จัดการหมุนล้อให้เมาะกับการเข้าโค้ง (4 ล้อหมุนรอบไม่เท่ากัน) จนทำให้รถเข้าโค้งได้แบบไม่เสียหลัก เข้าเส้นไปจอดในช่องได้อย่างดี รอบที่ 2 ผมจัดการปิดระบบตัวช่วยทั้งหมด จากนั้นก็จัดการกดคันเร่งเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างไปคือ ตัวรถควบคุมยากขึ้น ท้ายเริ่มปัดตั้งแต่กดคันเร่งลงไปแรงๆ เข้าโค้งมีอาการท้ายปัดและไถลออกนอกโค้งไปมากกว่ารอบแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังอยู่ในไลน์ของเส้นทางได้ ก่อนที่จะเข้าเส้นชัยไปอย่างทุลักทุเล สรุปแล้วการเปิดระบบ ผมเองทำเวลาได้ดีกว่าปิดระบบซะอีก
แน่นอนครับว่าหลังจบการทดสอบไปแล้ว ผมก็ชวดรางวัลไปเช่นเคย (ห่างคนชนะประมาณ 2 วินาที) แต่สิ่งที่ประทับใจคือรถยนต์แบบ SAV อย่าง BMW X3 xDrive20d xLine ก็ขับสนุกไม่ใช่น้อย เส้นทางออฟโรด ที่ทำการทดสอบสามารถทำได้ดี เอาไปลุยได้หลายเส้นทาง อาจจะมีบางเส้นที่ลุยไม่ได้จากความสูงของตัวรถที่เป็นข้อจำกัด แต่ถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบครอบครัวล่ะก็ ไปได้หมดแน่ ส่วนทาง On Road ก็ไม่ต้องห่วง อัตราเร่งของเครื่องยนต์พาทะยานไปความเร็วสูงได้อย่างไม่ยากเย็น การทรงตัวดีเยี่ยม ให้ความนุ่มนวลตลอดการเดินทาง ระบบอำนวยความสะดวกภายในก็มีพร้อม ราคาที่ขายอยู่ที่ 3,699,000 บาท พร้อม Standard BSI (Maintenance 3 ปี 60,000 กม., รับประกันตัวรถ 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง) หรือจะเพิ่มเป็น BSI Ultimate (Maintenance 5 ปี 100,000 กม., รับประกันตัวรถ 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง) ในราคา 3,769,000 บาทก็ได้ ผมว่าถ้าคุณกำลังหารถที่เป็นสไตล์ครอบครัว แต่ยังมีไฟในการขับซิ่งอยู่ และมีเงินมากพอ ผมว่า BMW X3 xDrive20d xLine เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้แน่นอนครับ
ทดสอบและเรียบเรียงโดย Earthpark02
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com