Hands On: สัมผัส BMW 5 Series ใหม่ 530i M Sport และ 520d Luxury สปอร์ตภูมิฐาน กับความหรูหราในตัวตน
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 18 พ.ค. 60 00:00
- 14,739 อ่าน
หลังจากเปิดตัวซีดานสุดหรูขนาดกลางเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดในไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กับ BMW 5 Series ใหม่ล่าสุด นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 7 แล้วของตระกูล 5 Series ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปสำหรับตระกูล 5 Series นี้ เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1972 เป็นช่วงเวลากว่า 45 ปี กับการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลก และทำให้มียอดการผลิตมาแล้วรวมกว่า 7.9 ล้านคัน
ล่าสุดทาง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมสัมผัสสมรรถนะการขับขี่รถยนต์ BMW 5 Series ใหม่ ทั้ง 530i M Sport และ 520d Luxury กันที่ สนามบินขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยแบ่งเป็น 3 สถานีหลักในการทดสอบครั้งนี้ 1.สถานี Handling Course 2.สถานี Slalom Time Trial 3.สถานี Parking Assistance และความยากเข้าไปอีกของการทดสอบครั้งนี้ก็คือฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดช่วงการขับทดสอบ พื้นถนนที่เปียกลื่นและเต็มไปด้วยน้ำ รวมถึงบางจุดที่มีน้ำขัง เป็นอีกบทพิสูจน์สมรรถนะของ BMW 5 Series ใหม่ ได้อย่างดีอีกบทหนึ่งเลยทีเดียว
สถานีแรก Handling Course ในสถานีนี้ เป็นสถานีที่ได้ทดสอบสมรรถนะในการขับขี่และควบคุม BMW 5 Series ใหม่ ทั้ง 2 รุ่น โดยมีการวางไพลอนในช่วงแรกเพื่อการขับผ่านแบบ Slalom ต่อด้วยเข้าไพลอนที่เป็นการจำลองการเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือที่เรียกกันว่า Moose Test ที่เราจะต้องหักเปลี่ยนเลนไปทางซ้ายและต่อด้วยทางขวาในเกือบจะทันที ก่อนที่จะตรงออกจากจุดนี้เร่งความเร็วและเบรกหนักเพื่อจะเลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งโค้งกลับไปทางขวา และส่งท้ายการวิ่งครบ 1 รอบด้วยการเร่งความเร็วทางตรงถึงกว่า 130 กม./ชม. และชะลอรถเป็นอันครบรอบ
ทีมงานเริ่มต้นขับทดสอบในสถานีนี้ด้วย BMW 520d Luxury ซึ่งถือได้ว่าเป็นการขับครั้งแรกสำหรับ BMW 5 Series ใหม่ หลัง Instructure ให้สัญญาณ ก็พร้อมเดินคันเร่งเข้าสู่เส้นทางแบบ Slalom การควบคุมรถ พวงมาลัยที่เบาและคม ช่วงล่างที่นุ่มหนึบทำให้สามารถควบคุมรถ BMW 520d ผ่านไพลอนสลับไปมาได้อย่างสบายๆ ก็ที่จะเข้าสู่การเปลี่ยนเลนกะทันหัน ด้วยความเร็วในรอบแรกที่ไม่สูงมากนักราวๆ 45 กม./ชม. สามารถควบคุมตัวรถที่มีขนาดใหญ่ผ่านไปได้แบบมั่นใจสบายๆ ก่อนส่งท้ายในรอบแรกด้วยการเติมคันเร่งแบบเต็มที่ เพื่อดูอัตราเร่งในช่วงระยะหนึ่งที่สามารถทำความเร็วไปได้ถึงที่ราวๆ 130 กม./ชม.
หลังครบ 1 รอบ ทาง Instructure ก็ได้ให้สลับรถเพื่อจับความรู้สึกของ BMW 530i M Sport ทันที และเนื่องจาก 530i M Sport นี้มีช่วงล่างที่แตกต่างจาก 520d กับช่วงล่าง M Sport ที่ลดความสูงของรถให้ต่ำลง 10 มม. รวมไปถึงระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ากับเบรก M Sport หลัง Instructure ให้สัญญาณออกตัว สัมผัสได้ในทันทีหลังเติมคันเร่งพุ่งออกไป 530i M Sport ให้ความรู้สึกในการควบคุมที่เฟิร์มกว่าอย่างพอที่จะจับความรู้สึกได้ รวมไปถึงอัตราเร่ง
ยิ่งในโหมดการขับขี่ Sport พวงมาลัยที่หนืดขึ้น รวมไปถึงการตอบสนองของเกียร์ที่ฉับไวขึ้น ยิ่งทำให้การควบคุมรถสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ผ่านจุด Slalom ไปได้อย่างสนุกสนานและมั่นใจ ก่อนเข้า Moose Test แบบสบายๆ ในช่วงความเร็ว 45-50 กม./ชม. และส่งท้ายรอบด้วยการเร่งแบบเต็มที่ก่อนจะต้องเบรกด้วยความเร็ว 138 กม./ชม. บนหน้าปัด ซึ่งในสถานีนี้ได้ทดสอบกันอยู่ที่ราวๆ 4 รอบ พอจะจับความรู้สึกกันได้อยู่สักเล็กน้อย โอกาสหน้าหากได้สัมผัสกันยาวๆ กว่านี้น่าจะพอรับรู้ได้อย่างชัดเจนขึ้นกว่านี้
สถานี Slalom Time Trial เป็นสถานีที่ได้ขับทดสอบรถยนต์ BMW 520d Luxury ในเส้นทางแบบ Slalom ทั้งไปและกลับ พร้อมการจับเวลาเพื่อหาผู้ที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุด โดยตัวรถจะถูกเซ็ทอยู่ในโหมด Sport เป็นสถานีที่ทุกคนใช้ความเร็วในการขับ Slalom สลับไปมา ที่ความเร็วราวๆ 60 กม./ชม. โดยเวลาเฉลี่ยต่อรอบอยู่ที่ประมาณ 25 วินาที เป็นสถานีที่ต้องใช้ทักษะในการควบคุมพวงมาลัย การเดินคันเร่ง และจุดเบรกต่างๆ รวมไปถึงจังหวะในการกลับรถ
หากมองที่ตัวรถ BMW แล้ว พวงมาลัยที่ควบคุมง่าย เครื่องยนต์ดีเซลที่ให้กำลังที่ดีเยี่ยม และช่วงล่างสำหรับในรุ่น 520d Luxury ที่อาจจะเน้นไปทางนุ่มแต่ก็ให้ความมั่นใจได้ดีในการที่ตัวรถต้องโยนไปทางซ้ายทีขวาทีตลอดการควบคุมรถหลบไพลอนไปมา ก็ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการพิชิตเวลาในสถานีนี้ เพราะหากรถที่ไม่มีความสามารถระดับนี้ก็จะยิ่งต้องอาศัยทักษะของผู้ขับเพิ่มขึ้นมากไปอีก
สถานีสุดท้ายกับ สถานี Parking Assistance เป็นสถานีที่เราได้ทดสอบระบบการเข้าจอดแบบอัตโนมัติ หรือระบบ Parking Assistance ทั้งในรูปแบบแนวขนานหรือการจอดแบบเข้าซอง ซึ่งระบบสามารถทำการจอดรถได้ในพื้นที่จอดที่มีความยาวกว่าตัวรถเพียง 80 เซนติเมตร ในการจอดแบบขนาน โดยแบ่งระยะหน้า-หลัง ด้านละประมาณ 40 เซนติเมตร และการจอดแบบเข้าซองแบ่งระยะซ้าย-ขวา ด้านละประมาณ 30 เซนติเมตร การเข้าจอดในพื้นที่จำกัดอย่างนี้สามารถทำได้ดีมากขึ้นด้วยระบบอัลตร้าโซนิคเซ็นเซอร์ (ultrasonic sensors) ช่วยค้นหาพื้นที่จอดที่เหมาะสมได้ในขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 35 กม./ชม.
การใช้งานก็ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด เมื่อเราเห็นช่องจอดด้านหน้าแล้วให้ทำการกดปุ่ม PDC หนึ่งครั้ง ที่อยู่บริเวณข้างคันเกียร์ ขับรถวิ่งผ่านช่องจอดตัวรถจะสแกนหาพื้นที่ที่สามารถเข้าจอดได้ เมื่อพบช่องจอดให้หยุดรถ ระบบอาจจะมีการสอบถามว่าเป็นการจอดแบบใดขนานหรือเข้าซอง และอาจมีการให้เลือกฝั่งจอด ซึ่งการเลือกฝั่งจอดนั้นใช้การเปิดไฟเลี้ยวที่ฝั่งนั้นเพื่อเป็นการเลือก จากนั้นกดปุ่ม PDC ค้างไว้ ตัวรถจะทำการควบคุมทุกอย่างอัตโนมัติทั้งการเข้าเกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง หมุนพวงมาลัย คันเร่ง และเบรก เพื่อเข้าจอดในช่องจอดที่สแกนเจอ หากเราปล่อยปุ่ม PDC ขณะระบบทำงานจะเป็นการหยุดการทำงานชั่วคราว เมื่อกดค้างต่อระบบก็จะเข้าช่องจอดต่อโดยอัตโนมัติ หรือหากในกรณีที่เซ็นเซอร์ตรวจเจอสิ่งกีดขวางอื่นๆ เพิ่มเติมในขณะถอยจอดส่งผลให้ไม่สามารถเข้าจอดได้ ระบบก็จะยกเลิกตัวเอง
รถยนต์ BMW 5 Series ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด BMW EfficientLightweight หรือการลดน้ำหนัก มีการใช้วัสดุอลูมิเนียมและเหล็กกล้าที่มีความทนทานสูงแต่น้ำหนักเบา ในเจเนอเรชั่นที่ 7 นี้ ส่งผลให้น้ำหนักรวมเบากว่ารุ่นก่อนถึงประมาณ 100 กิโลกรัม มิติตัวรถโดยรวมนั้นใหญ่ขึ้นในทุกมิติจากรุ่นก่อน F10 ด้วยความยาวฐานล้อ 2,975 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 7 มิลลิเมตร) ความกว้างฐานล้อหน้า 1,605 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 5 มิลลิเมตร) และความกว้างฐานล้อหลัง 1,630 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 3 มิลลิเมตร) ยังส่งผลให้มีความจุที่กระโปรงหลังถึง 530 ลิตร ซึ่งตัวฝากรธโปรงเองนี้ ถูกลดน้ำหนักด้วยการผลิตจากอลูมิเนียมทั้งบาน ทำให้สามารถลดน้ำหนักไปได้กว่า 4.2 กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังมีออพชั่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กุญแจ Display Key สุดล้ำ ที่สามารถการสั่งการทำงานของระบบปรับอากาศในรถ ตัวกุญแจมีการแสดงผลผ่านหน้าจอสีแบบระบบสัมผัส แสดงสถานะต่างๆ ของรถ อย่างระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ ล็อค/ปลดล็อค รวมถึงข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ สามารถชาร์จด้วยเครื่องชาร์จไร้สายที่ติดตั้งมากับรถ หรือเสียบ USB ปกติ โดยมีระยะในการทำงานที่สามารถควบคุมสั่งการได้เต็มระบบอยู่ที่ไม่เกิน 30 เมตร ไฟหน้า LED ที่ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร และภายในห้องโดยสารเพดานถูกหุ้มด้วยวัสดุเก็บเสียงในตัว พร้อมกับเทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ช่วยเสริมการเก็บเสียงในห้องโดยสารให้ดียิ่งขึ้น และอีกหนึ่งฟังก์ชั่นไฮไลท์กับ ระบบ Gesture Control ฟีเจอร์ในการควบคุมฟังก์ชันหลักด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือ โดยไม่ต้องมีการสัมผัสแต่อย่างใด
โดยรถยนต์ BMW 5 Series ใหม่ ที่ได้ทดสอบกันในครั้งนี้ มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ BMW 530i M Sport เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบรุ่นใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 252 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.2 วินาที ก่อนทำความเร็วสูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมความสปอร์ตโดดเด่นสไตล์ M กับชุดแต่ง M aerodynamics ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วแบบ Double-spoke รวมไปถึงภายในมาพร้อมพวงมาลัยหนังแบบ M หลังคากระจกเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และกระโปรงหลังพร้อมระบบเปิดปิดอัตโนมัติ และยังมีฟังก์ชันเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าที่จอดรถด้วย ระบบช่วยจอด (Parking Assistant Plus)ทำงานแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถในรูปแบบแนวขนานหรือการจอดแบบเข้าซอง
และ BMW 520d Luxury เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 7.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รูปลักษณ์ภายนอกเน้นไปที่ความหรูหรา สลับกับการตกแต่งด้วยโครเมียม ภายในตกแต่งด้วยโทนสีสว่างสีดำและน้ำตาลอ่อน ตัดสลับด้วยสีเงิน ให้ความรู้สึกที่โปร่ง วัสดุหุ้มต่างๆ มาในลักษณะที่นิ่มแบบหรูหรา ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นพร้อมระบบสัมผัส iDrive พร้อมแสดงระบบนำทาง ระบบโทรศัพท์ ระบบความบันเทิง และระบบการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว โดยรองรับการควบคุมผ่านทาง iDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทาง หรือสัมผัสที่หน้าจอ
ทั้งหมดนี้เป็นการทดสอบสั้นๆ ที่อาจใช้เวลาไม่นานในการสัมผัสและทดสอบสมรรถนะรถยนต์ BMW 5 Series ใหม่ ทั้ง 530i M Sport และ 520d Luxury ที่พอจะทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ดีเยี่ยมในการขับขี่ ซึ่งทางทีมงานเองก็ได้มีโอกาสในการขับ 520d Luxury บนถนนจริงกับระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร กับเส้นทางแบบเลนสวนแถวเขาใหญ่ ที่มีทั้งทางโค้งสลับกับเนิน การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจและนุ่มนวล รวมไปถึงจังหวะที่ต้องการเร่งแซงรถคันหน้าแล้ว เรียกได้ว่าเรียกกำลังได้แบบสบายๆ หายห่วงได้เลย เพียงเติมคันเร่งนิดหน่อยตัวรถก็พร้อมพุ่งออกไปในทันที ทำให้การเดินทางไปกับ BMW 5 Series ใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่เอง หรือผู้โดยสาร เชื่อได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ในการเดินทางที่แสนสบายตลอดเส้นทางแน่นอน
เรื่องและขับทดสอบโดย รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ (toptaro)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com