Full Drive : Volvo S90 D4 Inscription อัครซีดานพรีเมี่ยม หรู แรง จากแดนไวกิ้ง

“ทุกชีวิตปลอดภัย..ในวอลโว่” คำนี้จะคุ้นหูกันมากตั้งแต่ยุค 80 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นสโลแกนที่สื่อถึงเทคโนโลยีแห่งความปลอดภัยที่คิดค้นเพื่อปกป้องไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตั้งแต่ เข็มขัดนิรภัย 3 จุด โครงสร้างตัวถัง SIPS ระบบเบรก ABS หรือแม้กระทั่งถุงลมนิรภัยด้านข้าง ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ Volvo ก้าวขึ้นมาเป็นยานยนต์ขวัญใจสาวกทั่วโลกมาช้านาน

ปัจจุบัน Volvo ก็ยังไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนายานยนต์เพื่อความปลอดภัยควบคู่กับการพัฒนาด้านดีไซน์ให้ถูกอกถูกใจแฟนๆรถยุโรปแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของ Geely ค่ายรถทรงอิทธิพลจากแดนมังกรตั้งแต่ปี 2010 ช่วยต่อลมหายใจให้ยืนหยัดในตลาดได้อย่างแข็งแกร่งถึงทุกวันนี้และ Volvo S90 ก็เป็นหนึ่งรถยนต์ที่จัดว่าบุกตลาดเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Volvo XC90 SUV รุ่นใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ

Volvo S90 มาในฐานะซีดานพรีเมี่ยมระดับเรือธง สานต่อความสำเร็จจาก Volvo S80 เดิมที่ได้ฝากผลงานไว้และการมาครั้งนี้ยังปัดฝุ่นชื่อ S90 อีกครั้งหลังจากหยุดใช้ชื่อรุ่นนี้ไปตั้งแต่ปี 1998 สมัยตัวถังเหลี่ยมๆ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปีกลายซึ่งมาถึงเมืองไทยช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเป็นรถนำเข้าทั้งคันจากสวีเดน งานออกแบบในยุคหลังๆของ วอลโว่ ต้องยอมรับว่ามาแบบก้าวกระโดดฉีกแนวไปเยอะมาก โดย Volvo XC90 ปูทางไว้ จนมาถึงซีดานพรีเมี่ยมรุ่นนี้ที่เน้น Design Around You ถอดแบบได้คล้ายคลึงมากเป็นเพราะสองรุ่นดังกล่าวได้ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันนั่นคือ SPA หรือ Scalable Product Archiecture เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในเรื่องงานวิศวกรรมที่ทันสมัยในการเพิ่มพื้นที่ภายในให้กว้างขวาง และยังให้พลังแรงกว่าเดิมจากการลดน้ำหนักโดยรวมของตัวรถเสริมคล่องตัวและขับขี่ง่ายกว่าเก่าเพราะ Volvo เลือกใช้วัสดุที่มีแข็งแกร่งสูง เช่น เหล็กกล้าโบรอน (Ultra-High Strength BORON Steel) ทนการบิดและยืดหยุ่นตัวได้สูงมาก

ต้องขอบคุณ รองประธานด้านงานออกแบบของ Volvo Cars สวีเดนอย่าง Mr .Thomas Ingenlath เพราะถ้าไม่มีคนนี้ก็ไม่มี Volvo ยุคใหม่ที่สามารถลืมตาอ้าปากได้ถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องการออกแบบ กับคำกล่าวที่ว่า “เราสร้างรถเรือธงแบบซีดานคันใหม่นี้ ขึ้นเป็นตัวเปลี่ยนแปลงตลาดอย่างแท้จริง" ภายนอกตัวรถมีการจบงานที่สวยงามควบคู่กับนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ หล่อมากขึ้นด้วยไฟหน้า LED ที่จำลองแบบค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์ หรือ Thor Hammer อันเป็นเอกลักษณ์เด่นและในโคมเดียวกันยังซ่อนไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime ไว้ด้วย โดยไฟหน้า LED ปรับความสว่างอัตโนมัติช่วงเข้าโค้ง ในเวลากลางคืน สอดรับกับกระจังหน้าแบบ โค้งเว้าพร้อมตราโลโก้ใหม่ Volvo ขนาดใหญ่แบบ Iron mark ดูสมสง่ามากขึ้น แถมยังมีไฟตัดหมอกหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ด้วย

เส้นสายด้านข้างลงตัว ดูดีสมกับเป็นซีดานพรีเมี่ยมแสดงความเป็นสแกนดิเนเวียอย่างชัดเจน พร้อมกระจกแบบโอเปร่า  เส้นหลังคาทอดไปอย่างสง่างามเพื่อเน้นรูปทรงของตัวรถ ด้วยโครงร่างด้านหน้าที่ยาว พร้อมชุดแต่งโครเมี่ยมแพ็คเกจ ไม่ว่าจะเป็นกรอบหน้าต่าง คิ้วชายล่างประตู เสริมสวยให้หรูหรายิ่งขึ้นเติมเต็มความหล่อด้วยเสาอากาศแบบครีบฉลาม และหลังคารถซันรูฟเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าที่ทำได้แค่เปิดสไลด์เท่านั้น ไม่สามารถกระดกขึ้นได้ สำหรับรุ่นที่ขายในไทยเป็นรุ่นInscription จะใช้ ล้ออัลลอย Diamond Cut สีเงิน Silver ขนาดใหญ่ 8.5 X 19 นิ้ว 10 ก้าน พร้อมยางแก้มเตี้ย Conti Sport Contact ขนาด 255/40 R19 จากค่าย Continental ใหม่หมดตามสมัยด้วยด้านท้ายที่สั้นกระชับติดตั้งไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED สร้างตัวตนเด่นให้น่ามองมากขึ้น พร้อมตัวอักษร Volvo สีเงินเด่นประทับไว้อยู่บนฝากระโปรงท้าย 
สมกับเป็นซีดานพรีเมี่ยมเสริมความโดดเด่นกว่าใครด้วยมิติตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่ความยาว 4,963 มม. ความกว้าง 1,879 มม. สูง 1,443 มม. มาพร้อมฐานล้อมาตรฐาน เพียง 2,941 มม. น้ำหนักรถ 1,825 กก.และความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร

การไขประตูไปสู่ความอภิรมย์นี้ สั่งงานด้วยระบบกุญแจอัจฉริยะ Keyless ที่มีชื่อเก๋ไก๋ว่า Personal Security รีโมททรงสี่เหลี่ยมหนาๆหุ้มหนัง ทำหน้าที่ทั้งสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูรถที่ก้านเปิดประตูรถและฝากระโปรงท้ายรถได้ อุ่นใจด้วยระบบกันขโมยพร้อมตรวจจับความเคลื่อนไหว และสัญญาณเตือนไว้ ช่วยให้ห่างไกลจากเหล่ามิจฉาชีพที่จ้องจะโจรกรรมรถทุกรูปแบบ

เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสารก็จะพบสีสันของโทนห้องโดยสารที่เข้มโดยคันที่ได้มานั้นเป็นสีฟ้าอ่อนเมทัลลิคจะได้ภายในเป็นสีดำเข้มชาโคล (Charcoal) แต่บางสีจะได้โทนสีภายในทูโทนดำชาโคล/เบจขึ้นอยู่กับสีภายนอกตัวรถที่แตกต่าง แต่ Volvo ตั้งใจออกแบบยึดหลักผู้ใช้เป็นส่วนใหญ่หรือ Human-Centric Vision เบาะนั่งคู่หน้าทรงคุ้นเคยเอกลักษณ์เด่น หุ้มหนังแท้ทั้งตัวแบบ Nappa เดินด้ายสีขาวอ่อนแบบประณีต สร้างความสบาย นุ่ม ไม่เมื่อยล้าตลอดการขับขี่ตั้งแต่พนักพิงศรีษะ(เพรียวบางแต่ตายตัวปรับสูง-ต่ำไม่ได้) ตัวหนุนหลังเบาะหรือ lumbar support และปีกสองข้าง ปรับด้วยระบบไฟฟ้าทั้งสองฝั่งเพิ่มความสบายอีกระดับด้วยด้วยระบบตั้งความจำการปรับเบาะ ที่ใจดีให้ให้สองฝั่งเช่นกัน หมดปัญหาสำหรับคนขี้ลืมว่าตัวเองปรับเบาะในตำแหน่งไหน เก๋ไก่ สัญลักษณ์ธงชาติสวีเดนเล็กๆ สื่อความเป็นรถสแกนดิเนเวียนขนานแท้

เบาะหลังหุ้มหนังแท้ทั้งตัวแบบ Nappa เดินด้ายสีขาวอ่อนดีไซน์คล้ายคลึงกับเบาะคู่หน้านั่งแล้วโอบกระชับไม่แพ้กัน แต่สำหรับคนที่มีร่างท้วมหรืออ้วนอาจจะอืดอัดไปสักหน่อย เพราะการดีไซน์ของเบาะหลังจะเหมาะกับคนตัวผอมๆ แต่เสียดายที่ว่าพนักพิงเบาะหลังไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้ ตรงกลางมีพนักพิงแขนและที่วางแก้วมาให้ ส่วนพื้นที่วางขา หรือ Legroom ยังเหลือเฟือเหยียดขาได้เต็มที่ สามารถพับเบาะแบบ 40/60 ได้จากสวิตช์พับลงแบบกดปุ่มหลังตัวเบาะหลัง ให้ความสะดวกสบายและไม่ต้องเสียเวลาไปเปิดฝากระโปรงท้ายเพื่อดึงก้านที่ซ่อนภายในพื้นที่สัมภาระท้ายอีก

เอาใจคนบ้าหอบฟางถือของเยอะด้วยระบบระบบเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายรถไฟฟ้าแบบไร้การสัมผัส (Hand-Free Opening and Closing of the Power- Operated Booth/Trunk-Lid) ฝากระโปรงท้ายก็จะเปิดขึ้นและปิดเองด้วยระบบไฟฟ้า เพียงแค่แหย่ปลายเท้าไปที่ใต้กันชนหลังด้านซ้ายเซนเซอร์คอยจับสัญญาณการแหย่ปลายเท้าไว้ เพียงแต่ว่าขอให้ตัวกุญแจอัจฉริยะอยู่กับตัวรถไว้และอย่าไปแหย่ผิดฝั่งก็พอ

ด้วยการใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ Volvo XC90 ทำให้ภายในคล้ายคลึงกับรุ่นดังกล่าว แต่มีการปรับดีไซน์ให้แตกต่าง เริ่มจากแผงประตู ทั้ง 4 บาน ขึ้นรูปอย่างประณีตและบรรจงด้วยวัสดุหนัง Nappa พร้อมสวิตช์กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก แผงลำโพงและที่เปิดประตูภายในใช้แบบสีเงินวาวผสมกับลายไม้วอลนัท คอนโซลหน้าสีเข้มที่เรียบง่ายเลือกลายไม้วอลนัทคัดลายด้านๆและแผงสีเงินวาวตกแต่งรอบแผงคอนโซลต้องยอมรับว่า Volvo ทำการบ้านมาดี บนแผงคอนโซลหน้าติดตั้งจอแสดงผลบนกระจกหน้ารถ (Head-Up Display)แสดงข้อมูลขับขี่ได้ชัดเจนสายตาผู้ขับขี่ทุกครั้งที่เหลือบมอง และลำโพงเล็กๆ มาตรวัดแสดงผลกราฟฟิกสีขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมมาตรวัดความเร็ว รอบเครื่องยนต์  ปริมาณน้ำมัน ที่ง่ายชดเจนสบายตา พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้านมาพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ ทั้งปุ่ม Cruise Control ระบบตั้งค่าการทำงานระบบกึ่งขับขี่อัตโนมัติ Pilot Assist  ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง ล้วนอยู่ในพวงมาลัยวงนี้แถมจับกระชับมือ ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินตกแต่ง พร้อมตราโลโก้ Volvo

คอนโซลกลางมาพร้อมความเก๋ไก๋ด้วยช่องแอร์แนวตั้งขนาดใหญ่พร้อมปุ่มปรับชุบด้วยโครเมี่ยมประกบซ้าย-ขวากับจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว ถัดลงมาเป็นปุ่ม ไฟฉุกเฉิน ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหน้า-หลัง ปุ่มกลมๆตรงกลางควบคุมเสียง และมาถึงคอนโซลเกียร์ที่จับกระชับมือรายล้อมด้วยปุ่มสตาร์ทรถเล็กๆสี่เหลี่ยมหลังคอนโซลเกียร์ ปุ่ม Drive Mode ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด (ซึ่งจะมาเล่าอีกทีตอนกล่าวถึงขุมพลัง) ระบบเบรกมือไฟฟ้าและปุ่ม Brake Hold หลายคนที่เริ่มมาใช้รถ Volvo ยุคใหม่ๆจะงงเป็นไก่ตาแตกว่าแล้วสวิตช์ควบคุมแอร์กับปุ่มอื่นๆหายไปไหนเหลือแต่จอใหญ่แนวตั้ง 9 นิ้ว (Portait-Oriented Touchscreen Display) ที่เอียงไปยังผู้ขับ ในนาม Sensus Connect  โดย Volvo ตั้งใจนำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับฟังก์ชั่นการใช้งานมารวมไว้ในจอใหญ่นั่นเอง ขจัดปัญหาปุ่มสวิตช์หลายปุ่มที่เปลืองเนื้อที่ติดตั้ง แถมใช้งานง่ายเหมือนหน้าจอแท็บเล็ต สามารถตั้งค่าที่เกี่ยวเนื่องกับตัวรถ เช่น โหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด ตั้งระบบล็อกประตูอัตโนมัติในตอนรถวิ่ง ตั้งโทนไฟภายในห้องโดยสารที่สามารถเลือกสีได้หลายสี ระบบการทำงาน ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ Start/Stop ชั่วคราว ปรับเสียงวิทยุ รวมถึงปรับการทำงานแอร์ เป็นต้น แต่สิ่งหนึ่งที่รับไม่ได้เลยคือ ระบบล็อกประตูอัตโนมัติขณะวิ่งจะยกเลิกการทำงานทันทีเมื่อดับเครื่องยนต์ และหลังจากสตาร์ทรถ อีกครั้ง ระบบที่ตั้งค่าไว้จะหายหมด ซึ่งตรงนี้อยากให้ปรับปรุงใหม่ในเวอร์ชั่นประกอบมาเลเซีย จอสัมผัส 9 นิ้วที่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมฟังก์ชั่นการใช้งานที่เกี่ยวเนื่องแล้วมาพร้อมระบบเชื่อมต่อไร้สายสุดไฮเทคควบคุมระบบเครื่องเสียงติดรถยนต์ โดยผ่านแอ๊พพลิเคชั่นยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น TuneIn, Glympse, หรือว่า Wikilocation (แสดงตำแหน่งที่ตั้งและพยากรณ์อากาศ) ครั้งแรกของโลกที่สามารถทำงานกับ Apple CarPlay ที่ช่วยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ระบบ iOS เช่น iPhone กับซอฟท์แวร์ที่มาพร้อมกับรถ  และแสดงแผนที่ระบบนำทางผ่านดาวเทียมด้วย

เมื่อรถหรูก็ต้องมีของหรูไฮเอนด์ เสริมบารมีให้ดูล้ำคุณค่าด้วยลำโพง Premium Sound มากถึง 19 ตัวและซัพวูฟเฟอร์ขับเสียงทุ้มนุ่มลึก จากค่าย Bowers & Wilkins ขับขานคุณภาพเสียงขั้นเทพด้วยพลังขับเสียง 1,400 วัตต์ คลาส-ดี ขยายเสียง 12 แชนแนล และระบบเสียงสเตริโอรอบทิศทาง เสมือนตัวเองอยู่ใน Concert Hall ระดับโลกโดยปรับตั้งได้ 3 โหมด ดังนี้ Studio, Individual Stage, และ Gothenburg Concert Hall ตลอดที่อยู่ด้วยกันมาเกือบอาทิตย์ ยอมรับเลยว่า คุณภาพเสียงดีคมชัด ละเมียดละไม ไม่ผิดเพี้ยนในทุกรายละเอียด และยกให้เป็นที่สุดของลำโพงชั้นแนวหน้า
บรรยากาศภายในผ่อนคลายด้วยเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติปรับแยกอุณหภูมิ ที่สร้างความเย็นรอบคันแล้วยังมีระบบ ระบบฟอกอากาศบริสุทธิ์ในห้องโดยสาร(Interior Air Quality Systemakes)ทำให้อากาศในรถ สะอาดกว่าอากาภายนอกหลายเท่าตัว และระบบกรองอากาศ CleanZone สูดสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่บริสุทธิ์สะอาดและสดชื่นโดยดักจับดักละอองฝุ่น เกสรดอกไม้ อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้

กล่าวถึงตัวตนรถซีดานพรีเมี่ยมมาหมดแล้ว ถึงคิวขุมพลัง Drive-E Powertrain Technology กันบ้างด้วยสมรรถนะเต็มขีดขั้น ภายใต้ความเร้าใจทรงประสิทธิภาพด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จคู่ D4 ขนาด 2.0 ลิตรภายใต้รหัส D4204T14 พร้อมระบบหัวฉีดอัจฉริยะหรือ i-ART ที่จ่ายน้ำมันเป็นฝอยละเอียดด้วยหัวฉีดที่มีแรงดันสูงถึง 2,500 บาร์ ทำกำลังได้สูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,250 รอบต่อนาทีกับแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 ถึง 2,500 รอบต่อนาที ให้ค่าอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 133 กรัม/กม. และเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า FWD ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Geartronic พร้อมโหมดการขับขี่เลือกได้ 4 โหมด ตั้งแต่ Comfort mode : โหมดขับขี่เน้นความนุ่มนวลต่อการนั่งโดยสารและประหยัดน้ำมัน, Eco mode :โหมดเน้นประหยัดน้ำมันโดยเฉพาะ, Dynamic mode : โหมดที่ขับสนุก, Individual mode: โหมดพิเศษสามารถปรับตั้งโปรแกรมเครื่องยนต์ เกียร์ และอื่นๆตามผู้ขับ

ใครจะคิดว่าขุมพลังดีเซล 2 ลิตร อาจมองดูว่า ไม่แรงไม่เร้าใจ จะไปไหวหรือที่ต้องลากตัวรถเกือบๆ 2 ตันไปด้วย แต่พลัง 190 แรงม้าและแรงบิด 400 นิวตันเมตร สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมากดคันเร่งกดปุ๊บมาทันที สามารถเร่งแซงได้ทันใจ แถมคล่องตัวเหมือนขับรถขนาดคอมแพ็คคาร์ประมาณรุ่น S60 ทุกช่วงความเร็วตั้งแต่ 90 เป็นต้นไป สามารถใช้รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ ก็มีส่วนในเรื่องความประหยัดน้ำมัน โดยแสดงตารางอัตราการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนี้

 

ความเร็วที่ขับขี่ (กม./ชม.)	รอบเครื่องยนต์ (รอบ/นาที)
90	1,400
100	1,550
110	1,700
120	1,850

 

การเก็บเสียบอกได้เลยว่ารถนำเข้าจากสวีเดนรุ่นนี้มีผลงานประกอบที่คุณภาพยอดเยี่ยมจึงส่งผลให้การเก็บเสียงไม่ว่าจะช่วงความเร็วต่ำ กลางและสูง สอบผ่านอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะอยู่ฝั่งคนขับ หรือผู้โดยสารด้านหลังก็ตาม ด้านระบบส่งกำลังที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำงานได้อย่างสมดุลแม่นยำ ส่งกำลังฉับไวแบบไม่ขาดตอน แม้เข้าสู่โหมด Manual +/- ก็สร้างพลังเด่นไม่แพ้ โหมดเกียร์ D ถึงแม้จะขาด Paddle Shift หลังพวงมาลัย แต่อย่างน้อยได้เครื่องยนต์ดีเซลที่ขับสนุกก็ไม่ต้องถวิลหากับมันอีกต่อไป อีกฟังก์ชั่นหนึ่งที่รถยุคนี้ต้องมีนั่นคือระบบดับการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวขณะรถติดหรือ Start/StopSystem งานนี้อาจแปลกกว่าชาวบ้านเสียตรงที่ถ้าอุณหภูมิภายนอกต่ำกว่า 30 องศา ระบบจะทำการดับเครื่องยนต์ทันทีโดยดับเครื่องสักพักแล้วเครื่องยนต์จะกลับมาทำงานอีกครั้ง โดยในช่วงดับเครื่องยนต์ เครื่องปรับอากาศกับวิทยุเครื่องเสียงยังทำงานตามปกติ แต่ถ้าอุณหภูมิภายนอก 30 องศาขึ้นไประบบจะไม่ทำงาน 

อัตราเร่งในโหมด Performance Test มีเรื่องให้ประหลาดใจเมื่อเครื่องดีเซลแรงม้าเกือบ 200 ตัว กับแรงบิด 400 ต้นๆ ผนวกกับเกียร์อัตโนมัติที่มีทั้งความฉลาด คล่องตัว ส่งผลทำให้ด้วยตัวเลขออกมาเป็นดังนี้

ตารางแสดงอัตราเร่ง Volvo S90 D4 Inscription                                                                       

ความเร็วที่ขับขี่ (กม./ชม.)	ครั้งที่ 1 (วินาที)	ครั้งที่ 2 (วินาที)	ครั้งที่ 3 (วินาที)	เฉลี่ย (วินาที)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.	9.83	9.90	9.76	9.83
อัตราเร่ง 80-120 กม./ชม.	7.09	7.19	7.14	7.14

รถซีดานหรูจากสวีเดนเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตรมาทำตลาด การบริโภคน้ำมันทำผลงานดีไม่เจ้าอื่นๆ ด้วยตัวเลขสิ้นแปลืองแบบดีงาม จากโปรแกรม Save Mode ทำได้ 15.45กม./ลิตร จากระยะทางรวม 63.5 กม.และจัดน้ำมันดีเซลเต็มถังจากปั๊มแถวบางใหญ่ 4.111 ลิตร  ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามสภาพการใช้งานจริง ส่วนการใช้งานในเมืองได้ตัวเลข 10.61 กม./ลิตร  ด้านอัตราสิ้นเปลืองนอกเมืองทำตัวเลขสวยงามไม่แพ้กันด้วยตัวเลข 14.00 กม./ลิตร จากระยะทาง 258.3 กม. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ- ชลบุรี (บางแสน) และเติมเข้าไปเต็มถัง 18.46 ลิตร นับว่าเป็นตัวเลขสิ้นเปลืองที่ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง

ตารางแสดงอัตราประหยัด Volvo S90 D4 Inscription

โหมดการขับขี่	อัตราประหยัด (กม./ลิตร)
ในเมือง	10.61
Save Mode	15.45
นอกเมือง	14.00

 

ระบบช่วงล่างเจ้าซีดานแดนไวกิ้ง มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากยุคเก่าๆรถที่ต้องใช้แบบแม็คเฟอร์สันสตรัทสำหรับด้านหน้าและอิสระมัลติลิงค์ดั้งเดิมสำหรับด้านหลัง แต่เนื่องจากใช้แพลต์ฟอร์มใหม่ SPA ทำให้ Volvo คิดค้นระบบช่วงล่างแบบใหม่โดยไม่ให้เปลืองเนื้อที่ในซุ้มล้อหน้า ด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนก  2 ชั้น Double Wishboneแบบใหม่ โดยใช้วัสดุที่ผลิตจากโลหะอลูมิเนียม เพื่อให้น้ำหนักเบารวมถึงปรับองศาติดตั้งชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ อินทริกรัลลิงค์ ชื่อนี้จะฟังไม่คุ้นหูเท่าไหร่ แต่ถ้าจะบอกว่ามันคือช่วงล่างที่ใช้แหนบแผ่นซ้อนวางขวางนั่นเอง และตัวแหนบยังใช้วัสดุผสม Composite Meaterial แทนตัวแหนบที่ใช้วัสดุเหล็ก(นิยมกันในรถปิกอัพ) ทำหน้าแทนคอยล์สปริง

โดยการทำงานระบบช่วงทั้งหน้าและหลังนี้ ดีเด่นในด้านการเกาะถนน การเข้าโค้ง ซับแรงกระแทกที่เป็นหลุมเป็นบ่อรวมถึงช่วงจัมพ์คอสะพานได้ดี แต่สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เริ่มจากในเมืองมันดูออกแนวๆแข็งกระด้างหน่อยแต่เมื่อปล่อยพลังแรง 190 แรงม้าในความเร็วสูง บนถนนมอเตอร์เวย์ยาวๆ กลับให้ความมั่นใจนุ่มนวลเฟริ์มมากขึ้น จนคนที่เพิ่งเริ่มมาจับรถ Volvo ยุคใหม่ๆรวมถึง Volvo S90 นี้ อาจนึกว่าติดตั้งช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ นั่นเอง

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบพาวเวอร์แบบไฟฟ้าสามารถปรับความหนืดตามระดับความเร็วงานนี้เซ็ตพวงมาลัยได้แม่นยำ น้ำหนักกลางๆไม่หนักและไม่เบาเกินไป ทำให้มั่นใจมากขึ้นในการควบคุมเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นช่วงเข้าโค้ง ก็ตาม

เมื่อขับรถเกียร์อัตโนมัติแล้วจะให้ความสบายเพียงอย่างเดียวจริงหรือแต่ถ้าอยากสบายมากกว่าการขับรถเกียร์อัตโนมัติ ลองมาขับ Volvo สิเพราะมีสารพัดระบบไฮเทคเพื่อความปลอดภัยหลายๆอย่างติดตั้งใน Volvo S90 จนล้นคัน โดยระบบความปลอดภัย มีมาครบครัน ทั้งนี้ ทาง Volvo คาดหวังจะต้องไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในรุ่นต่างๆของ Volvo ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ในชื่อ IntelliSafe ไม่ว่าจะเป็น  เริ่มจาก
- Pilot Assist  ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติเวอร์ชั่นใหม่ ที่ไม่ต้องจับพวงมาลัยขณะขับรถทางไกลยาวๆ และการจราจรโล่งโดยช่วยบังคับควบคุมพวงมาลัยเพื่อให้รถวิ่งอยู่ในเส้นจราจร โดยจะทำงานที่ความเร็วสูงสุดถึง 130 กม./ชม.
- City Safety เป็นระบบที่ป้องกันก่อนการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งรวมความปลอดภัยย่อยไวทั้งหมด เช่น ระบบตรวจจับสัตว์ใหญ่กับระบบจับทำงานในตอนกลางคืน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลีกเลี่ยงการชนบริเวณทางแยก และระบบรัดตรึงเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ

- Run-Off Road Mitigationระบบบังคับทิศทางให้รถวิ่งอยู่ในช่องแบ่งจราจรโดยอัตโนมัติ
- Run-Off Road Protectionระบบป้องกันอันตรายจากกรณีรถตกถนน
- Park Assist Pilotระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ทั้งแบบถอยเข้าซอง และถอยจอดขนานฟุตบาท
- 360-degree Parking Cameraกล้องช่วยจอดให้มุม 360 องศา

ถึงผมอาจไม่ใช่คนหัวไฮเทคแต่ต้องยอมรับกับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามา สำหรับเทคโนโลยีที่บรรจุในคันนี้ ยอมรับว่าการทำงานของระบบ City Safety ทำงานได้แม่นยำฉับไว ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ในความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ป้องกันไม่ให้รถของคุณชนท้ายรถคันข้างหน้าด้วยเซนเซอร์ ซึ่งจะเจอระบบนี้แค่ครั้งสอง ส่วนระบบเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าที่รัดตรึงให้กระชับช่วยลดอาการสะบัดรุนแรงของร่างกาย ขอชื่นชมว่าทำงานได้แม่นยำเช่นกันขนาดกรณีลงจัมพ์คอสะพานช่วงถนนบางนา-ตราดยังจับสัญญาณที่ทำให้เข็มขัดนิรภัยรัดตรึงได้และคลายได้โดยอัตโนมัติ

ตลอดการครอบครองมาทดสอบเกือบอาทิตย์ Volvo S90 D4 Inscription ซีดานหรูพรีเมี่ยม สามารถเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆสำหรับผู้บริหาร ผู้นำที่กล้าคิกล้าตัดสินใจ ด้วยการออกแบบที่เฉียบคมมีสไตล์ ทำให้งานดีไซน์ในยุคหลังๆนี้ เริ่มเป็นที่ประจักษ์มากขึ้นในสายตาแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชมมายาวนาน ความสะดวกสบายของห้องโดยสารกับข้าวของที่ได้มานั้น ทันสมัยไม่แพ้ จุดหนึ่งที่นาชื่นชมระบบจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 9 นิ้ว สามารถยัดทุกสิ่งทุกอย่างของฟังก์ชั่นการใช้งานทุกอย่างมารวมไว้ในจอนี้จอเดียวช่วยขจัดความมึนงงได้เป็นปลิดทิ้ง แต่สำหรับช่องแอร์ด้านหลังนี้ขอติดติงที่ว่าไม่ควรย้ายไปอยู่ในเสา B ซึ่งจะชินกับช่องแอร์หลังกล่องคอนโซลกลาง

ขุมพลังดีเซล 2 ลิตร ต้องแบกน้ำหนักเกือบ 2 ตัน ฟังผิวเผินอาจมองว่า อืดไม่ไหว แต่ด้วยพลังทอร์โบชาร์จคู่ 190 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร นำพาความใหญ่โตของตัวรถ ให้รวดเร็วฉับไวตามใจสั่งมากขึ้น ช่วงล่างที่ออกแนวสองบุคลิกทั้งแข็งกระด้างยามขับในเมือง และนุ่มเฟริ์มยามขับทางไกล ก็ไม่ใช้ปัญหาแต่ดีเสียอีกที่ทำให้การขับขี่สนุกสนานมากขึ้น ถึงตัวตนรถอาจขัดแย้งกับบุคลิกช่วงล่างก็ตาม พร้อมระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มเทียบชั้นเจ้าใหญ่ได้สบายๆ

ด้วยค่าตัวเกือบ 4 ล้าน กับสิ่งที่ Volvo ให้มา สำหรับผมเองมมองว่าน่าสนใจเช่นกันแต่ถ้าอยากได้ออพชั่นมากกว่านี้ คาดว่าอาจมีเวอร์ชั่นประกอบมาเลเซียตามมาในอนาคต สำหรับ  Volvo S90 D4 Inscription

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตลอดจนพี่ต่าย ณัฏฐา ที่ให้ความอนุเคราะห์รถยนต์ Volvo S90 D4 มาทดสอบ

 

รถทดสอบ  Volvo S90 D4 รุ่น  Inscription (CBU จากสวีเดน)
ราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท

 

 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com