Full Review : Nissan X Trail Hybrid วิศวกรรมให้ประหยัดแถมขับสนุก
- โดย : Autodeft
- 16 ม.ค. 59 00:00
- 71,237 อ่าน
พบบทดสอบรถยนต์อเนกประสงค์รักษ์โลกที่หลายคนสนใจ Nissan X-Trail Hybrid คันนี้มีดีมากกว่าประหยัด ...เพราะสมรรถนะไม่เป็นสองรองใคร
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
รถแรงต้องซดน้ำมัน รถประหยัดต้องไม่ทันใจ ..ความคิดภายใต้ตรรกะนี้ ดูจะเป็นส่งที่ไม่น่าจะมีวันมาพบกันได้ ยิ่งในยุคก่อนนี้รถยนต์ขับสนุกสมรรถนะดี อาจจะเป็นรถยนต์ที่ต้องยอมรับเรื่องอัตราบริโภคน้ำมัน จนอาจพาคุณกระเป๋าแฟบ ทว่ายุคนี้ ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ....
ความเจริญก้าวหน้าของนวัตกรรมและเทคโนโลยี ทำให้ทุกวันนี้รถยนต์มีความสามารถมากขึ้น และด้วยการวิศวกรรมขั้นสูงในปัจจุบันสามารถคบหาได้ในราคาสมเหตุสมผล และหนึ่งในตัวอย่างที่ดี อันเกิดจากความตั้งใจจริงของผู้ผลิตรถยนต์ ก็คงไม่พ้น Nissan ซึ่งพวกเขาเพิ่งจะเขย่าตลาดด้วยนวัตกรรมเครื่องยนต์ไฮบริด
รถยนต์ไฮบริดอาจจะไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อีกต่อไป ด้วยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์หลายเจ้ามีความพยายามแนะนำรถยนต์ที่มาพร้อมระบบการทำงานผสมผสาน ระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้าสู่ตลาด เราได้เห็นรถมายหลายประเภท ที่หันมาใช้เครื่องยนต์แบบนี้มากขึ้น ตั้งแต่รถยนต์นั่งซีดานทั่วไป ยันรถสปอร์ต ลามไปถึงรถยนต์อเนกประสงค์ แต่ทั้งหมด ส่วนใหญ่ยังยากจะจับจองเป็นเจ้าของ
การเปลี่ยนตลาดหรือความคิดผู้บริโภค อาจจะต้องอาศัยมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ดี เนื่องจากปัจจุบันคู่แข่งในตลาดมีมากมาย และทำให้คนมองอะไรมากกว่าแค่มันน่าจะช่วยพวกเขาประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
“ราคา”...เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลการตัดสินใจซื้อสินค้ามาโดยตลอด และทันทีที่เปิดตัวทำตลาดเจ้ารถยนต์ Nissan X Trail Hybrid ก็ทำให้วงการยานยนต์ช๊อคด้วยราคาสมเหตุสมผล จนทำให้หลายคนฉุกคิดมองอเนกประสงค์คันนี้
..เจอหน้าค่าตา Nissan X Trail Hybrid ใหม่ ตั้งแต่งานเปิดตัวจนมาถึง ณ ตอนนี้ เราลั่นกุญแจรีโมท หนีบของเข้ารถ ..เจ้ารถยนต์อเนกประสงค์คันนี้ ดูดีมาสไตล์เป็นของตัวเองด้วยการออกแบบที่ลงตัวดั้งเดิม จากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา มันตอบโจทย์ความภูมิฐานของตัวรถ ตั้งแต่แรกเห็น
การเกิดใหม่เป็นรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ แม้ว่าจะได้ชื่อว่า “ไฮบริด” แล้วก็ตาม แต่เอาเข้าจริง Nissan ทำการบ้านเรื่องการตบแต่งภายนอกตัวรถน้อยมาก ทำให้ถ้ามองเผินๆ คุณจะไม่เห็นความแตกต่างของรถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริดรักษ์โลกคันนี้กับรุ่นธรรมดา ยกเว้นเพียงขลิปสีฟ้า แถมมาให้ดูรู้สึกพรีเมี่ยมขึ้นกว่าเดิม
น่าขันที่นิสสันคิดว่า พวกเขาใส่แถบสีฟ้ารอบคันแ ลัดตั้งแต่กระจังหน้า และ ฝาประตูหลัง ตลอดจน ตราสัญลักษณ์ Hybrid รวมถึงเสาอากาศแบบ คลีบฉลามแล้วจะทำให้รถดูดีมากขึ้น ...แค่ติดตราและแถบคาดก็ดูหรูเหมือนทหารติดยศเพิ่มเมื่อได้เลื่อนตำแหน่ง อาจจะสร้างความดูดีไม่น้อย แต่ถ้ามองในความรู้สึกของคนที่จะต้องจ่ายเงินแพงมากขึ้น ในรถยนต์ที่มีอะไรมากกว่า
ผมเชื่อว่า การตบแต่งแค่ขลิปสีฟ้า คงไม่พอ และ Nissan ควรตอบโจทย์มากกว่านี้ อย่างเช่นล้อลายใหม่ หรือ ไฟท้ายใหม่ที่ดูแตกต่างจากรุ่นธรรมดาทั่วไป เปลี่ยนลายกราฟฟิกให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะทำโคมไฟหน้าให้เป็นสีฟ้าก็น่าจะทำให้รถดูลงตัวไม่น้อยกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร Nissan X Trail Hybrid ไม่ได้ดูแตกต่างจากที่เคยสัมผัสไปก่อนหน้านี้ ทั้งที่เป็นรุ่นไฮบริด ด้วย Nissan คงคิดมาแล้วว่า รถไฮบริดก็ไม่ต้องพิเศษอะไรมามาย นั่นทำให้เราคุ้นเคยกับระบบต่างอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อม Lumbar Support เช่นเดียวกัน พวงมาลัยไฟฟ้าก็ปรับได้ 4 ทิศทาง
ฝั่งคนนั่งตอนหน้าเป็นเบาะปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งแถวสองเปลี่ยนใหมดูดีขึ้น ด้วยการปรับพับได้ในอัตรา 60/40 ไม่ใช่การปรับพับแยกสามส่วน 40/20/40 หมือนเดิมในรุ่นธรรมดา เรื่องการโดยสารตอนหลังถือว่ายังสามารถตอบสนองได้ดี ถึง แม้ว่าการทดลองนั่งเบาะตอนหลัง จะค้นพบว่า ที่นั่งค่อนข้างชันหลัง และ คุณไม่สามารถปรับเอนเบาะอะไรได้มากมายก็ตาม แต่การมีช่องแอร์ให้ผู้โดยสาร ได้หลับสบายวาร์ปถึงที่หมาย ก็ช่วยลดความไม่สบายตัวในยามเดินทาง และเช่นเคยด้านหน้าเป็นระบบปรับอากาศแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา ตามต้องการ
สิ่งเดียวดูเหมือนจะแตกต่างใน Nissan X-Trail Hybrid คงไม่พ้นการโยนเบาะแถวสามทิ้งไป เนื่องจากตำแหน่งติดตั้งเบาะเดิม กลายเป็นพื้นที่วางแบตเตอร์รี่ไฮบริดจนอาจจะต้องพาคุณขบคิด หากเป็นคนญาติเยอะเพื่อนรัก
ใต้ฝากระโปรง Nissan X-Trail Hybrid แนะนำสมรรถนะการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร บล็อกใหม่เดียวกับที่อยู่ใน Nissan X Trail 2.0 ลิตร มันเป็นกำลังหลักในการขับขี่ ยังคงให้กำลัง 144 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ตัวเครื่องยนต์ไม่มีข้อมูลในการปรับแต่งจากเดิมที่เรารู้จัก การทำงานของเครื่องยนต์ไม่ได้ปรับแต่งเป็นแบบAtkinson Cycle เริ่มทำเอาเราฉุกคิดบางอย่างเมื่ออ่านรายละเอียดทางเทคนิค
ถึงจะเริ่มตั้งแง่ในข้อสงสัย ทว่าเจ้า Nissan X Trail Hybrid ก็ยังพกมอเตอร์ไฟฟ้ามา 1 ตัว ขนาด 30 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากำลังสูงสุด 40 แรงม้า และกำลังแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ตัวมอเตอร์ถูกซุกไว้ในชุดเกียร์ ส่งกำลังด้วยแบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออน แบบชาร์จและปล่อยประจุเร็ว ฟังดูเริ่มคุ้นเคย แต่ Nissan พัฒนาระบบไฮบริดให้มีชุดคลัทช์ตัดต่อกำลัง 2 ชุด โดยชุดที่หนึ่งเอาไว้ตัดต่อกำลังจากเครื่องยนต์กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนอีกชุดต่อกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ไปยังเพลาขับส่งต่อไปยังชุดล้อ
แนวทางการวิศวกรรมดังกล่าวทำให้เรานึกถึงระบบไฮบริดในอดีต Honda IMA (Integrated Motor Assisted) แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไม่น่าแปลกที่รถยนต์ไฮบริดที่มีระบบคล้ายกัน อาจจะมีความสามารถในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง Nissan ได้นิยามระบบใหม่ของพวกเขาว่า เป็นระบบไฮบริดที่มีขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง แต่จะจริงหรือไม่ เดี๋ยวเราจะรู้กัน
ขยับรถออกตัว Nissan X-Trail Hybrid เริ่มแนะนำตัวด้วยการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า รับบทบาทเป็นผู้ช่วยในการขับขี่ที่สำคัญ ใช้ในยามที่คุณออกตัวจากการหยุดนิ่ง หรือเดินทางในความเร็วต่ำมอเตอร์ไฟฟ้าก็จะเข้ามามีบทบาทในทันที
การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้านั้น ทำให้ Nissan X-Trail Hybrid ลดการใช้เครื่องยนต์ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเดินทางในเมือง การจราจรทุกวันนี้วิกฤติสาหัสติดหนักมาทุกที ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณแทบจะนั่งอยู่กับที่เป็นชั่วโมงบนรถ หรือ ถ้าจะขยับตัวก็ไม่ใช้ความเร็วมากมาย นั่นทำให้มอเตอร์ไฟฟ้ากลายเป็นผู้ทำหน้าที่สำคัญพาคุณเดินทางในป่าคอนกรีต
รวมถึง เมื่อคุณปล่อยคันเร่ง ระบบไฮบริดนี้จะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ออกไป หยุดการทำงานของเครื่องยนต์และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าประคองความเร็ว และจังหวะเดียวกันถ้าคุณลดความเร็วมอเตอร์ไฟฟ้าก็จะชาร์จไฟกลับแบตเตอร์รี่ไฮบริด
การลดการทำงานของเครื่องยนต์ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะเห็นอัตราประหยัดมากขึ้น และท่ามกลางการจราจรติดหนักสาหัน เครื่องยนต์จะถูสตาร์ทขึ้นมา ภายใต้สองเงื่อนไข คือ 1.ประจุฟ้าแบตเตอร์รี่ไฮบริดเหลือน้อย และ 2 ห้องโดยสารเริ่มมีอุณหภูมิร้อนขึ้น จนทำให้ผู้โดยสารอาจจะไม่สบายในการเดินทาง
ท้ายสุดแล้ว Nissan X-Trail Hybrid ก็โชว์อัตราประหยัดสุดประทับใจ เมื่อเราออกนอกเมือง เราเติมน้ำมันคืนถัง สั่งเด็กปั้ม เต็มถังเลยน้อง!! แต่เพียงนาทีเด็กปั้มคล้อยหลัง หัวจ่ายตัดการจ่ายน้ำมัน
เราเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ไปเพียง 2.56 ลิตร ข่ายเงินไป และเราขับมาแล้วถึง 40 กิโลเมตร ในสภาพรถติด และ เคลื่อนตัวได้ช้าๆ เสียส่วนใหญ่ .... สรุปอัตราประหยัด Nissan X-Trail Hybrid อยู่ที่ 15.62 กิโลเมตร/ลิตร ...เฮ้ย นี่มันอเนกประสงค์ที่ประหยัดได้เท่ารถยนต์อีโค่คาร์
อัตราประหยัดในเมือง ค่อนข้างน่าประทับใจแต่ระบบไฮบริดของ Nissan X-Trail Hybrid ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อในบททดสอบนอกเมือง บนทางหลวงเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่ชะอำ เราเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า ระบบไฮบริดนั้นจะช่วยในการขับขี่หรือไม่
จริงอยู่...ที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีบทบาทหน้าที่มากหน่อยถ้าคุณขับในสภาพการใช้งานติดขัดสลับหยุดนิ่ง หรือการเคลื่อนตัวช้าๆ แต่บนถนนหลวงระบบไฮบริดก็มีดีไม่แพ้กัน เมื่อคุณใช้ความเร็วมากขึ้น เครื่องยนต์เข้ามารับบทาทสำคัญในการเป็นต้นกำลังการขับขี่ ขุมพลัง 4 สูบแถวเรียงขนาด 2.0 ลิตร บล็อกใหม่ล่าสุดมีดีอยู่แล้วเรื่องสมรรถนะการขับขี่ แต่เมื่อมันพ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า มันยิ่งมีดีมากกว่าเดิม
จินตนาการถึงพละกำลังที่มากขึ้นแต่คุณยังสามารถทำอัตราประหยัดได้เท่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรดั้งเดิม Nissan อ้างว่าระบบไฮบริดของพวกเขานั้นสามารถทำกำลังได้สูงเท่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร (ในรถยนต์ Nissan X-Trail) ซึ่งมันก็จริงเมื่อดูพละกำลังรวมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
ถึงมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานน้อยลง ทว่ามันก็ยังเป็นผู้ช่วยสำคัญ ในการขับขี่ทั่วไปที่คุณต้องใช้ความเร็วในการเดินทางเครื่องยนต์จะทำงานตลอดเวลา แต่เมื่อต้องการเร่งแซงเจ้ามอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยตอบสนองเพิ่มอัตราเร่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ได้อัตราเร่งที่ตอบสนองรวดเร็วและนุ่มนวล คุณจะได้ความรู้สึกคล้ายรถยนต์เครื่องเทอร์โบเพียงแต่ไม่ให้ความรู้สึกดิบกระชากหลังติดเบาะ มีเพียงความรู้สึกพุ่งทะยานไปข้างหน้า เมื่อคุณย่ำคันเร่งลงไป และพร้อมในทุกช่วงความเร็วไม่ว่าจะขับในความเร็วต่ำทั่วๆไป แบบคนแก่ใช้ถนน หรือถ้าต้องรีบร้อนด้วยอารมณ์วัยรุ่น ตัวตนสปอร์ตด้วยนวัตกรรมไฮบริดก็พร้อมสำหรับคุณ
ในบางจังหวะมอเตอร์ไฟฟ้ายังทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จไฟไปด้วยระหว่างการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อคุณปล่อยรถไหลกรอคันเร่งขับเรื่อย ๆ ระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ออกไปเข้าสู่โหมด EV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวคุณความเร็วและจังหวะเดียวกันจะใช้แรงหมุนของชุดเพลาในการชาร์จแบตเตอร์รี่ไปด้วยพร้อมกัน จากการขับขี่เราเห็นการทำงานแบบนี้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 130 ก.ม./ช.ม.
หากคุณเหยียบคันเร่งต่อเครื่องยนต์ก็จะกลับมาตอบสนองในทันที แต่กลับกันถ้าลดความเร็วไปจนหยุดนิ่ง ระบบจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าต่อเนื่องจนรถหยุดสนิท ลดการทำงานของเครื่องยนต์ และเหตุนี้แหละที่ทำให้ Nissan X-Trail Hybrid ประหยัดน้ำมันมากกว่า รถทั่วไป
การขับรถแข่งกับแสงตะวันยามบ่ายก่อนแดดร่มลตกตอนเย็น ทำให้ผมใช้ความเร็ว 130-140 ก.ม./ช.ม. ตลอดเส้นทาง และเมื่อถนนโล่งทางว่าง ก็ได้เวลาจัดหนักขับเต็ม แม้มันจะมีอัตราเร่งที่ดีขึ้น แต่อย่าคาดหวังกับความเร็วสูงสุดมากนัก เพราะมันถูกจำกัดด้วยความสามารถของเครื่องยนต์ ผมได้ความเร็วสูงสุดเพียง 190 กม/ช.ม. เท่ากับที่ได้ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรธรรมดา ครั้นย้อนไปตอนขับเที่ยวภูทับเบิก
ท้ายสุดแล้ว ด้วยการทำงานที่น้อยลงของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและการทำงานของเครื่องยนต์มากขึ้นบนทางหลวงแบบนี้ ทำให้อัตราประหยัดการขับขี่นอกเมือง สรุปได้เพียงแค่ 11. 4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งอัตราประหยัดดังกล่าวไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา ขนาด 2.0 ลิตรมากมายนัก ทว่า..คุณก็ได้สมรรถนะเร้าใจมากขึ้น...กว่าเดิม
Nissan X-Trail Hybrid ...ประหยัดขึ้นอีกนิด..แต่ที่ดีกว่าคือสมรรถนะ
“What if ...Performance elevated with intelligent?” วลีนี้ผมเห็นครั้งแรกในวีดีแนะนำรถยนต์ Nissan X-Trail Hybrid บน youtube น่าแปลกที่พวกเขาไม่ได้เอ่ยเรื่องคำว่าประหยัดเป็นสำคัญ
การใช้คำว่า .”ไฮบริด” คนไทยส่วนใหญ่มักจะตระหนักถึงความคิดในเรื่องความประหยัดมากกว่าสมรรถนะในการขับขี่ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนใหญ่จะหลงเชื่อแบบนั้น ด้วยการสร้างฐานความคิดจากค่ายรถยนต์บางเจ้าที่ปลูกฝังให้คนไทยเชื่อว่า ถ้าเขาจ่ายเงินซื้อรถยนต์ขึ้นชื่อว่า “ไฮบริด” เมื่อนั้นเขาจะได้รถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่ามีความประหยัดในระยะยาว ทั้งที่ความจริงมันให้มีอะไรมากกว่าแค่เรื่องของความประหยัด
อาจจะจริงที่เราอยากเก็บเงินที่ใช้เป้นค่าเดินทางไว้ใช้ทำอย่างอื่น คุณอาจไม่ใช่พวกบ้าชอบสะสมแต้มในบัตร PTT Blue card หรือ Shell Smart Card แบบผม แต่ก็ต้องเรียนตามตรงว่า ระบบไฮบริดยังมีส่วนสำคัญต่อการสร้างสมรรถนะการขับขี่ โดยอาศัยการทำงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้มันทีเมื่อควบรวมพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์ Nissan X-Trail Hybrid จะให้กำลังสูงสุดถึง 174 แรงม้า กำลังเทียบเท่ารุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แต่กลับกันแรงบิดสูงสุดนั้นกลับมากถึง 360 นิวตันเมตร เมื่อระบบทำงานพร้อมกัน (จากเครื่องยนต์ 200 นิวตันเมตร และจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 160 นิวตันเมตร)
แรงบิดดังมหาศาลเทียบเท่ารถกระบะ และมาทุกเมื่อตามแรงกดบนฝ่าเท้า ความเร้าใจของมันทำให้เพื่อนร่วมทางบางคันเกรงใจ ยามพวกเขาคิดจะปาดเลนออกมาเห็นคุณพุ่งฮ้อมาด้วยความเร็ว หรือคุณอาจจะทำให้รถคันข้างๆประหลาดใจ เมื่อออกตัวตอนติดไฟแดง พร้อมสติ๊กเกอร์หราว่า “Nissan X-Trail Hybrid” ด้วยเสียงยางปั่นฝีเท้า บดพื้นดังลั่นถนนแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว . ....พูดไปอาจจะไม่เชื่อ เราให้คณิตศาสตร์เป็นผู้ช่วยในการตัดสินดีกว่า
ตารางแสดงผลอัตราเร่งรถยนต์ Nissan X-Trail Hybrid และเปรียบเทียบอัตราเร่ง กับ Nissan X-Trail 2.0รุ่น 4WD
|
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. |
Nissan X-Trail Hybrid 4WD |
10.999 |
10.798 |
9.999 |
10.599 |
Nissan X-trail 2.0 4WD |
10.999 |
11.000 |
10.981 |
10.993 |
|
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. |
Nissan X-Trail Hybrid 4WD |
8.000 |
7.800 |
7.000 |
7.600 |
Nissan X-trail 2.0 4WD |
9.000 |
9.000 |
10.000 |
9.333 |
จากการทดลองอัตราเร่ง 3 ครั้ง ค้นพบว่าอัตราเร่งของรถดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับในรุ่น 2.0 ลิตร ด้วยการช่วยเหลือของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้รถออกตัวดีขึ้น แต่ด้วยแรงบิดมหาศาลขึ้นเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน ในหลายจังหวะ เมื่อออกตัวหวดคันเร่งเต็มแรง ล้อจะมีอาการฟรีเล็กน้อย ส่งผลต่อการทดสอบอัตราเร่ง แต่ในครั้งสุดท้ายเราสามารถออกตัวได้โดยที่ล้อไม่ฟรี และทำให้เราเห็นเลขตัวเดียวในอเนกประสงค์คันนี้
แม้การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งอาจจะไม่ดีนัก หากในอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. เจ้า Nissan X-Trail Hybrid สามารถทำอัตราเร่งได้อย่างน่าประทับใจ มันเร็วกว่ารุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาอย่างชัดเจน ยิ่งถ้าคุณบี้คันเร่งมันยิ่งตอบโจทย์ในความเร้าใจ ...หลายคนอาจจะถามว่า แล้วเรื่องความประหยัดล่ะ ... เป็นอย่างไร บ้าง
ตารางแสดงการเปรียบเทียบอัตราประหยัด Nissan X-Trail Hybrid และ รถยนต์ Nissan X Trail เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
|
อัตราประหยัด ในเมือง (ก.ม./ลิตร) |
อัตราประหยัดนอกเมือง (ก.ม./ลิตร) |
Nissan X-Trail 2.0 V 4WD |
5.5 |
9.82 |
Nissan X-Trail Hybrid 2.0 V 4WD |
15.6 |
11.4 |
หมายเหตุ ทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 วัดโดยการเติมคืนถัง
นิยามและเงือนไขการทดสอบ
อัตราประหยัดในเมือง หมายถึง สภาพการจราจรติดขัดสลับหยุดนิ่ง และเคลื่อนตัวตามสภาวะการจราจร
อัตราประหยัดนอกเมือง หมายถึง การขับขี่บนทางหลวง ด้วยความเร็ว 130-140 ก.ม./ช.ม.
จากตารางเปรียบจะเห็นชัดว่า ประสิทธิภาพในการทำงานของระบบไฮบริดจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อคุณใช้งานในเมือง แต่เมื่อวิ่งตามต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เครื่องยนต์จะเป็นต้นกำลังสำคัญมากกว่า ทำให้ระบบไฮบริดทำงานได้ดีไม่เทียบเท่าเมื่อใช้งานในเมือง ที่มีการติดขัดสลับหยุดนิ่งบ่อยครั้ง
แม้ว่าจะ Nissan X-Trail Hybrid ใหม่ จะพิสูจน์ตัวเองแล้วทั้งเรื่องสมรรถนะในการขับขี่และความประหยัดที่ดีกว่า แต่เบรก ของเจ้าอเนกประสงค์คันนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกแย่กับมัน เนื่องจากแป้นเบรกค่อนข้างแข็ง รวมถึงยังมีระยะเหยียบเบรกตื้นกว่ารถปกติทั่วไป และบางครั้งมันก็จะตอดหรือดีดแป้นกลับ จนหลายผู้ขับขี่อาจรู้สึกไม่ดี
แป้นเบรกตื้นและแข็งอาจจะเป็นสิ่งที่คุณต้องการเมื่อขับรถที่มีสมรรถนะสูง ต้องการอำนาจการขับขี่ที่ตอบสนองรวดเร็ว แต่ในรถยนต์อเนกประสงค์แบบ Nissan X-Trail คุณอาจจะต้อการความรู้สึกที่นิ่มนวลหนักแน่นมากกว่ารู้สึกว่าเหยียบแล้วแข็ง แต่ก็ตอบสนองดี
การทำงานของแป้นเบรกที่ค่อนข้างแข็งมันมาจากการติดตั้ง แม่ปั้มเบรกไฟฟ้า หรือ Electric Brake Servo ซึ่งแม่ปั้มเบรกแบบนี้ได้รับความนิยมในรถยนต์ไฮบริด เนื่องจากการถ่ายน้ำหนักเบรกลงไปยังชุดไฮโดรลิกที่ถูกต้อง ด้วยการสร้างระบบไฮดรอลิกไปดันไฮดรอลิก โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยทำงาน
อีกทั้งระบบนี้ยังถูกพัฒนาให้มีหน่วยประมวลผลทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าอื่นๆ อาทิระบบเกียร์ เพื่อผสานการทำงานของระบบเบรกหมุนวนพลังงานหรือ Regenerative Brake ที่ใช้ปั่นไฟฟ้าแปรพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอร์รี่ไฮบริด
นวัตกรรม...คือการใช้ของหรือสินค้าที่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี แต่หลายนวัตกรรมไม่เกิดก็เนื่องมาจากผู้ใช้อาจจะยังไม่มั่นใจ หรือไม่ มันก็มีราคาแพงเกินไป แต่การท้าทายตลาดของ Nissan ในครั้งนี้ ด้วยการส่งรถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริดในราคาที่จับต้องได้ออกวางจำหน่ายสู่ตลาด นับเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญ
หากคุณจะถามผมว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ที่จะตัดสินใจลองคบหารถยนต์อเนกประสงค์คันนี้ ผมเรียนตามตรงว่ามันคุ้มค่าจะจ่ายเงินซื้อมันอย่างแน่นอน ด้วยสมรรถนะที่ดีเทีบเท่ารุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แถมคุณประหยัดมากกว่าโดยเฉพาะถ้าต้องใช้รถในเมืองในบ่อยๆ เพียงแต่คุณต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่บางอย่าง ว่ารถไฮบริดไม่ได้มีดีเพียงความประหยัด และทำใจได้กับแป้นเบรกแอบแข็ง รวมถึงเบาะนั่งแถวที่สามที่หายไป....
ถ้าสามประการที่ผมกล่าวมาทั้งหมด...คุณทำใจได้ ....ผมเชื่อวาคุณพร้อมแล้ว ที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริดที่มีราคาถูกที่สุดและคุ้มค่าที่สุดในตลาด ณ ปัจจุบัน ที่สำคัญ ....จะลืมบอกไม่ได้ Nissan รับประกันแบตเตอรืรี่ไฮบริดให้นานถึง 10 ปี ...งานนี้ใช้กันยันลูกบวชเลยล่ะครับ ...
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
รถทดสอบ Nissan X-Trail Hybrid 2.0V 4WD
ราคาจำหน่าย 1,395,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> สมรรถนะความเร้าใจแบบตอบสนองฉับไวจากมอเตอร์ไฟฟ้า และความประหยัดอันน่าประทับใจเมื่อขับในเมืองของระบบไฮบริด ถือเป็นจุดเด่นี่ทำให้เรา ขอคาราวะนิสสัน
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> การใช้ Electric Brake Servo ทำให้ เบรกมีอาการแข้งจนคุณอาจจะต้องปรับตัว ต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายนักหรอก แต่อาจจะดีกว่าถ้าแป้นเบรกไม่แข็งขนาดนี้
สิ่งที่อยากให้มี >>> ระบบเรื่องความปลอดภัยผู้ช่วยการขับขี่รถคันนี้อาจจะมีเยอะมาก แต่เราคาดหวังที่จะเห็นมันมีอะไรมากกว่านี้อีก รวมถึงอยากให้พิจารณาเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่น่าจะมีองค์ประกอบทันสมัยมากกว่านี้ ทำให้มันดุต่างจากรุ่นธรรมดาอีกเถอะ ... ครับ
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> ด้วยสมรรถนะการขับขี่และความประหยัด ผมเรียนตามตรงว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับอเนกประสงค์คันนี้อย่างแน่นอน .. แต่คุณอาจจะไม่ต้องทำใจกับแป้นเบรกแข้งและรูปลักษณ์ที่เหมือนกันกับรุ่นธรรมดาเว้นเพียงขลิปสีฟ้า ถ้าคุณทำใจได้ ...บอกเลยว่า คุณจะไม่ผิดหวังจากมัน ..
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1898]