Full Review : Mitsubishi Pajero Sport 2016 GT-Premium ...... ที่สุดสายพันธ์สปอร์ตลุยครบในหนึ่งเดียว
- โดย : Autodeft
- 5 ก.ย. 58 00:00
- 122,239 อ่าน
เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว กับที่สุดอเนกประสงค์ที่หลายคนต่างเฝ้ารอคอย Mitsubishi Pajero Sport 2016 จะมีสมรรถนะเป็นอย่างไรติดตามได้ในบททดสอบนี้เลย
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
หมายเหตุบททดสอบนี้เป็นการทดสอบในสภาพขับจริงบนถนน ...
“ท่านประธานครับ เนื่องจาก Mitsubishi มีรถหรูและรถสปอร์ตในค่ายก็มาก มีโอกาสไหมครับ ที่จะนำมาขายในประเทศไทย” พี่มินนี่นักข่าวที่คร่ำหวอดในวงการ เปิดคำถามในระหว่าง การถาม-ตอบ หลังเปิดตัว รถยนต์ Mitsubishi Pajero Sport
แต่ทันใดนั้น คำถามที่ดูสุดแสนจะจริงจัง ก็กลายเป็นเรื่องฮา เมื่อ ท่านประธาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นาย โมะริคาซุ ชกคิ ตอบคำถามนี้ด้วยน้ำเสียงเรียบๆของท่าน ว่า “ก็เรามี Mitsubishi Pajero Sport ยังไงครับ” ...พลันก็ฮากันทั้งห้องประชุม
Mitsubishi Pajero Sport ถือเป็นรถยนต์ที่สร้างความสำเร็จให้กับค่ายทรีไดมอนด์ นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นที่แล้วในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์ที่ใช้พื้นฐานจากรถยนต์กระบะ หรือที่บางคนอาจจะเรียกรถยนต์กลุ่มนี้ว่ารถตรวจการณ์ หรือ PPV (Pick Up Passenger Vehicle) ซึ่งรถยนต์ประเภทนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ด้วยราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อม พื้นที่ใช้สอยที่ครบครัน ฟังชั่นการใช้งานที่เหมาะต่อการเดินทาง ทั้งในเมืองและนอกเมือง
ชื่อเสียงอันเลื่องลือของ Mitsubishi Pajero Sport ตั้งแต่รุ่นที่แล้วกลายเป็นที่สนใจมากขึ้น เมื่อทางค่ายทรีไดมอนด์ประกาศออกมาตั้งแต่สองปีก่อน ถึงแผนพัฒนารถรุ่นใหม่ จนมาถึงการเปิดตัวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมาในงาน Big Motor Sale
ตัวตนของ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ กล่าวได้อย่างเต็มปากว่าทางค่ายมิตซูฯ ขยำทุกอย่างทิ้งไป แล้วเริ่มทุกอย่างใหม่หมด ด้วยการสร้างสรรค์การออกแบบที่มีความโดนใจมากขึ้น จนประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ด้วยการออกแบบใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า “Dynamic Shield” สื่อสารความรู้สึกที่มั่นใจ ดูบึกบึนแข็งแรง และลงตัวในเรื่องความทันสมัย แถมดูปราดเปรียวในแบบรถสปอร์ตไปพร้อมกัน
มันเป็นการออกแบบที่ผสมผสานอย่างลงตัว และน่าประทับใจอย่างยิ่งตั้งแต่แรกเห็น ด้วยไฟหน้าใหม่ที่มีความปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตมากขึ้น ให้โคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ที่มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ ส่วนกลางวันภายในโคมยังมีไฟ Day Time Running Light ให้ความรู้สึกที่โดดเด่น ทันสมัยตั้งแต่แรกเห็น
ใบหน้าอันหล่อเหลา แต่งเติมด้วยมัดกล้ามที่ซุ้มล้อให้ความรู้สึกที่ดูเป็นรถพร้อมลุยมากขึ้น แต่ทีมออกแบบก็ยังใส่เส้นสายความเป็นเก๋งเข้ามา ด้วยเส้นช่วงไหล่ตัวถังตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านหลังทำแนวเข้ากับตัวไฟท้ายทางด้านหลัง ส่วนบนหลังคาในรุ่น GT Premium ติดตั้งชุดราวหลังคามาให้อย่างเสร็จสรรพ ดูดีกับล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว สีทูโทนพร้อมยาง 265/60/R18 ให้ความสปอร์ตในตัวตน
บั้นท้าย Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ที่ดูแปลกแตกต่างไปจากเดิม น่าสนใจมากที่ทางค่ายทรีไดมอนด์ตัดสินใจ ที่จะยูเทิร์นกลับมาใช้ไฟท้ายทรงตั้ง ฉีกแนวจากรุ่นเดิมซึ่งใช้ไฟท้ายแนวนอนให้ความรู้สึกเป็นเก๋งมากกว่า และเจ้าไฟท้ายอเนกประสงค์คันนี้ก็แต่งเติมความทันสมัย ด้วยชุดไฟท้าย Spectrum LED ที่ทั้งสวยงามและลงตัวมากขึ้นในยามค่ำคืน
น่าเสียดายที่ทาง Mitsubishi มาตกม้าตายในเรื่องของช่วงกันชนท้ายที่ดูจะสั้นเต่อไปเล็กน้อย ปกปิดยางอะไหล่ไม่มิดชิด สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเป้าโจรนักลักยางอะไหล่ในบ้านเราเหลือเกิน ตลอดจนฝาท้ายเทียบกับรุ่นท๊อปของคู่แข่ง ของค่ายทรีไดมอนด์ดันขาดในเรื่องของประตูหลังที่เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า และเรารู้สึกว่ามันน่าจะมีชุดสปอร์ยเลอร์หลังคา ทั้งเพื่อความสวยงามและความลงตัวในหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ไม่เช่นนั้น รถคันนี้จะเป็นรถอเนกประสงค์ที่ครบครัน
ด้วยการออกแบบตรงตามหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ทำให้ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่มีความโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม เจ้าหล่อคันนี้มีค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานต่ำลง 13% จากการออกแบบมุมกันชนและเสาเอให้โค้งมนมากขึ้น รวมถึงการออกแบบตัวตนให้ตรงตามวิชาแรงลมยังช่วยในการทรงตัวที่ดียามใช้ความเร็วสูง และยังให้การประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกด้วย
กุญแจรีโมท Keyless Entry ที่ใช้ตั้งแต่ Mitsubishi Mirage ยัน Mitsubishi Pajero Sport ดูแล้วรู้สึกด้อยค่ากับรถราคาระดับ 7 หลักลงไปเล็กน้อย แต่เมื่อจับข้างประตูกดเปิดเข้าสู่ห้องโดยสาร Mitsubishi Pajero Sport 2016 ใหม่ ก็สื่อสารตัวตนของความเป็นสปอร์ตทันสมัยถูกใจสาวกค่ายนี้ ด้วยการตบแต่งภายในห้องโดยสารผ่านโทนสีดำ ตัดกับสีเงิน ซิลเวอร์เดคอร์เรชั่น ตรงกลางช่วงแผงคอนโซลหน้า ใช้วัสดุดำเงาปกคลุมช่วงแผงเครื่องเสียง Mitsubishi Multi Entertainment system (จากค่ายเครื่องเสียงชั้นนำ Clarion) ไปยันช่วงปุ่มควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สามารถปรับแยกอิสระซ้าย-ขวา ให้ความดูดีและลงตัว
ช่วงตรงคอนโซลกลาง ทาง Mitsubishi ออกแบบยกตัวคอนโซลสูงขึ้นแบบ T Shape High Console เสริมภาพของความหรูหราและสะดวกสบาย แต่น่าเสียดายที่ทางญี่ปุ่นคงลืมคิดไปว่ามันน่าจะมีที่วางของ พวกโทรศัพท์มือถือมาให้บ้าง
ตรงหน้าคนขับ Mitsubishi จัดพวงมาลัยสี่ก้านมาให้ สามารถปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทางเหมาะกับความต้องการในท่านั่งของแต่ละบุคคล บนพวงมาลัยเองมีปุ่มควบคุมระบบต่างๆมาให้เสร็จสรรพ ไม่ว่าจะปุ่มควบคุมเครื่องเสียง, ปุ่มควบคุมระบบ Cruise Control ตลอดจน ปุ่มควบคุมจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะตรงกลางบนแผงหน้าปัด แต่กลับแปลกใจที่ดูเหมือนพวกเขาจะลืมปุ่มรับและวางสายสนทนาโทรศัพท์ ไปเสียสนิท ว่าควรจะมีมาให้ลูกค้า เนื่องจากเครื่องเสียงมีความสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้
เบาะนั่ง Ergo Design Seat เป็นสิ่งที่ดีงามที่สุดในรถยนต์อเนกประสงค์คันนี้ ด้วยการออกแบบตัวเบาะให้โอบกระชับคนนั่งมากขึ้น แต่ไม่ใช่สไตล์หนีบแน่นแบบเบาะ Bucket Seat ทรงสปอร์ตที่เราคุ้นเคย แถมตัวเบาะที่มีขนาดใหญ่พอตัวยังได้นำเอาแนวคิดสรีระศาสตร์มาใช้รองรับกระชับตั้งแต่ช่วงไหล่ แผ่นหลังให้ความสบายอย่างแท้จริง แถมยังให้ความหรูด้วยระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ทั้งฝั่งคนขับและคนนั่ง
ส่วนตอนที่สองตัวเบาะก็ยังได้หลักการออกแบบเดียวกัน ทั้งยังสามารถปรับเอนหลังได้ตามตามต้องการ และสามารถปรับพับแยกได้ในอัตรา 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้งานเก็บสัมภาระ จากการลองนั่งเบาะตอนหลังของผู้เขียน ตัวเบาะนั่งได้ค่อนข้างสบายท่านั่งอยู่ในจุดที่ดี เว้นเพียง ช่วงระยะวางขาหรือ Leg Room ค่อนข้างน้อยไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
แต่ถ้าคุณมีแขกหรือญาติเยอะ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ยังมีเบาะตอนสามสไตล์ Jump seat สำรองให้นั่ง เบาะนั่งชุดนี้แม้จะออกแบบมาอย่างดี แต่ก็ต้องยอมรับ ไม่เหมาะสำหรับชายชาตรีอย่างผู้เขียน ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างแคบ ดูแล้ว จะเดินทางด้วยเบาะแถวสามนี้แนะนำให้เป็นสตรีตัวเล็กหรือเด็กๆ จะดีกว่า
นอกจากนี้แอร์ตอนหลังยังแยกอิสระจากตอนหน้า มีปุ่มสวิทช์เปิด-ปิดบนหลังคา ตลอดจน ในรุ่นใหม่ยังมีชุดจอเพดานมาให้เบ็ดเสร็จกับ Roof Monitor แบบ Wide Screen ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มากพอจะให้ความบันเทิง แถมยังมอบหูฟังอินฟราเรดมาให้ 2 ชุด เพื่ออรรถรสในการชมโดยไม่กวนการขับขี่ของคนขับ ซึ่งทำงานแยกกับชุดเครื่องเสียงด้านหน้าอย่างอิสระ
ลองจริงชีวิตคนเมือง ใครจะคิดมันลงตัวกว่าที่เห็น
ใต้ฝากระโปรง Mitsubishi Pajero Sport ใหม่มาพร้อมเครื่องยนต์ที่เราเริ่มคุ้นหน้าตากันดี กับขุมพลัง Mivec Clean Diesel รหัส 4N15 ต้นกำลังอลูมิเนียมบล็อก ขนาด 2.4 ลิตร มาพร้อมกำลังอัตราส่วนกำลังอัดต่ำเพียง 15.5:1 ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า สูงสุดที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที แต่สิ่งที่เติมเข้ามานั้น คงหนีไม่พ้นไฮไลท์สำคัญกับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด จากผู้ผลิตชิ้นส่วน Aisin พร้อม Sport Mode และยังมีระบบ INC (Idle Neutral Control) ตลอดจนยังมีตัว G Sensor ซึ่ง Mitsubishi เผยว่าด้วยระบบส่งกำลังใหม่นี้จะมีความประหยัดกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มากถึง 17 %
จะเป็นอย่างไร... สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ...สิบตาเห็นไม่เท่าขับจริง ...ต้องยอมรับก่อนว่า กว่าจะเว้าวอนขอ Mitsubishi ขับ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย พวกเขาหวงรถคันนี้ยิ่งกว่าไข่ในหิน แต่จนแล้วจนรอด ท้ายที่สุดเราก็ได้ไฟเขียวให้นำรถคันนี้ไปขับทดสอบก่อนใคร แต่มีข้อแม้ว่าสามารถขับทดสอบได้วันเดียวเท่านั้น !!!!
ภารกิจทดสอบ Mitsubishi Pajero Sport วันนี้นอกจากผม และนายเต้ย ในฐานะทีมงาน Autodeft.com แล้ว ทางมิตซูบิชิยังส่งคุณขวัญ ทีมพีอาร์ มาร่วมการทดสอบไปกับเราตลอดเส้นทาง
เวลา 9.00 น. ณ Mitsubishi สำนักงานใหญ่ที่ทุ่งรังสิต เราเริ่มออกเดินทางกับ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ และเมื่อกวาดพวงมาลัยช่วงความเร็วต่ำ เราค้นพบสิ่งที่แตกต่างออกไป เมื่อครั้งตอนไป Proving Ground คุกลับทดสอบรถของ Mitsubishi
***หลายคนคงยังจำได้ว่าผมได้กล่าวถึงพวงมาลัยของ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ว่าค่อนข้างหนัก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่มาวันนี้ความรู้สึกเมื่อเริ่มออกถนนกับเจ้าอเนกประสงค์คันนี้กลับรู้สึกว่า พวงมาลัยของรถมีความลงตัวมากกว่าที่คาดเอาไว้
ส่วนหนึ่งอาจจะด้วยการทดสอบในสนามซึ่งทั้งหมดเป็นช่วงความเร็วต่ำ หรือไม่ก็รถที่เราขับทดสอบวันนี้เป็นคนละลอทกับที่ทดสอบในสนามวันนั้น อาการของพวงมาลัย Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ในวันนี้จึงออกมาค่อนข้างเบากว่าที่เคยสัมผัสมา เทียบกับไทรทันแล้ว เรารู้สีกว่าพวงมาลัยของ Mitsubishi Pajero Sport ค่อนข้างหนักมือกว่าเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็ด้วยล้อขอบ 18 นิ้วที่มาพร้อมยาง 265 มีหน้าสัมผัสกว้างมากกว่ากระบะ แต่กระนั้นเรื่องสัมผัสการควบคุมยังคงยืนถึงความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มุ่งเน้นเนื้อหาความสปอร์ตตัวจริง การบังคับทิศทางค่อนข้างแม่นยำ และค่อนข้างคล่องแคล่วพอสมควร คุณสามารถวาดพวงมาลัยไม่มากนักเพื่อที่จะเปลี่ยนเลน หรือเข้าโค้งต่างๆ
เข้าปั้มเติมน้ำมัน ..เต็มถัง น่าแปลกใจที่ทางค่าย Mitsubishi จัดการหั่นเปลี่ยนขนาดถังน้ำมันลดลงเหลือ 68 ลิตร จากกระบะที่ใช้ถังน้ำมันขนาด 80 ลิตร ทำให้มันมีขนาดความจุน้ำมันน้อยกว่าคู่แข่งอยู่ราวๆ 12 ลิตร อาจจะทำให้คุณต้องวางแผนการเดินทางให้รัดกุมยิ่งขึ้นเมื่อต้องเดินทางไกล
หลังเติมเสร็จเรากลับสู่ถนนอีกครั้ง ผมใช้ถนนวิภาดีรังสิตวิ่งด้านล่างในช่องทางด่วนจากแถวหน้าม. ธรรมศาสตร์รังสิตเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ระหว่างทางจากการจราจรที่บางตาเริ่มคลาคล่ำด้วยรถยนต์ของคนกรุงที่มีชีวิตอันเร่งรีบเจ้า Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ เดินทางอย่างสง่างาม
ด้วยเรือนร่างอันทันสมัย ทำให้เราตกเป็นเป้าสายตาของหลายคนจนพอจะรู้สึกได้ถึงความงามสง่าว่านี่มันรถอะไร ทำไมดูดีจัง แต่ในยามขับขี่แบบนี้ ดูเหมือนว่าชุดเกียร์ 8 สปีด อาจจะต้องมีการกลับไปโปรแกรมใหม่ เนื่องจากหลายครั้งหลายหน เราพบอาการกระตุกเบาๆ เหมือนพยายามจะเลือกอัตราทดที่เหมาะสมในการขับขี่ให้ แต่จังหวะอาจจะยังไม่ได้ ตรงนี้ Mitsubishi อาจจะต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องการโปรแกรมเกียร์ใหม่ แล้วกลับมาอัพเดทระบบให้ลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง
ช่วงระหว่างทางเรามีการมุดการแซงบ้างพอหอมปากหอมคอ ซึ่งพวงมาลัยที่มีสัมผัสเบาในระดับผู้หญิงขับได้สวยๆ ไปทำงาน ไม่ต้องเบ่งกล้ามโชว์แมนอีกต่อไป ก็ทำให้การควบคุมตัวรถค่อนข้างง่ายดายมากขึ้น แม้ว่าข้อจำกัดของ Mitsubishi Pajero Sport กับชีวิตคนเมืองจะอยู่ที่เรือนร่างของมัน ที่มีความยาว 4,785 มม. กว้าง 1,815 มม. และสูง 1,805 มม. ตลอดจนยังได้ฐานล้อ 2800 มม.ทำให้ช่วงจังหวะการเปลี่ยนเลนต่างๆ อาจจะต้องใช้วิชามาร หรือไม่ก็ความระมัดระวังในการขับขี่
แม้มันจะเป็นรถอเนกประสงค์ที่ดูเหมือนเกิดมาเพื่อให้คุณออกไปใช้ชีวิตตามต้องการ รถคันนี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความปลอดภัย คุ้มครองตลอดการขับขี่ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นที่ได้ใช้บ่อยๆ อย่าง Blind Spot Warning หรือว่าจะเป็นระบบป้องกันการชนทางด้านหน้า Forward Collision Mitigation System เป็นระบบที่ช่วยให้คุณขับในเมืองได้อย่างมั่นใจ แถมยังมีเบรกมือไฟฟ้า จะขาดก็พวกระบบ Brake Hold ที่ช่วยให้ไม่ต้องเมื่อยเท้าขวายามขับรถติดในเมือง
ตลอดเส้นทางการขับขี่ในเมือง เราเจอสภาวะการจราจรสุดหินแต่ยังไม่โหดสุดเท่าวันรถติดศุกร์สิ้นเดือนอะไรแบบนั้น เราเติมน้ำมัน ก่อนออกเดินทางสู่นอกเมือง ก็ต้องแปลกใจที่ค้นพบว่า แม้จะเจอรถติดมาพอสมควร แต่ Mitsubishi Pajero Sport กลับสร้างความประทับใจในเรื่องอัตราประหยัดด้วยระยะทางการทดสอบ 73.9 ก.ม. เรากลับเติมน้ำมันไปเพียง 6.99 ลิตร เป็นเงิน 160 บาท และเราสรุปอัตราประหยัดรถคันนี้ที่ 10.5 ก.ม./ลิตร
เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เดียวกันเมื่อครั้นอยู่ในร่าง Mitsubishi Triton ซึ่งเราเคยนำรุ่นเกียร์ธรรมดามาทดสอบในครั้งนั้นเราเจอสภาพรถติดสุดๆ เราได้อัตราประหยัด 10.36 ก.ม./ลิตร ซึ่งเมื่อเทียบกับ Mitsubishi Pajero Sport แล้ว ถือว่าเจ้าอเนกประสงค์คันนี้กลับประหยัดกว่า เนื่องจากตัวรถมีพิกัดน้ำหนักมากกว่า
หลายคนอาจจะไม่สงสัยเรื่องอัตราประหยัดที่ดีขึ้น แต่ใต้ร่างของ Mitsubishi Pajero Sport ในชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ของอเนกประสงค์คันนี้มันมาพร้อมกับระบบ INC (Idle Neutral Control) ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำการตัดกำลังที่ส่งไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบดังกล่าว Mitsubishi ให้ข้อมูลว่าเป็นระบบที่มีหัวใจสำคัญต่อเรื่องความประหยัด เนื่องจากระบบจะทำงานอย่างต่อเนื่องอยู่เบื้องหลัง (Background System) แม้ว่าจะไม่มีการโชว์สถานะการทำงาน แต่เมื่อจอดรถในตำแหน่งเกียร์ D ระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติ โดยผู้ขับขี่จะรู้สึกได้จากตอนออกตัวว่ารถจะไม่พุ่งไปข้างหน้าทันทีเมื่อกดคันเร่ง แต่จะออกตัวหน่วงๆ ก่อนจึงเร่งออกไป ...นั่นเป็นเพราะการทำงานของระบบ INC
ลองนอกเมืองขับไกล ตัวตนที่ลงตัวมากขึ้น
เราพ้นป่าคอนกรีตมาได้ ก็ถึงเวลาจับเจ้า Mitsubishi Pajero Sport ขับออกนอกเมือง หนนี้แม้จะมีเวลาแค่วันเดียวแต่ก็ต้องรู้ให้ชัดเจน ในเรื่องการขับขี่ เราเลือกปลายทางปราณบุรี เพื่อเดินทางในครั้งนี้
ผู้โดยสารสามคนพร้อมสัมภาระเล็กน้อย เราเดินทางด้วยความเร็ว ตั้งแต่ 100-140 ก.ม./ช.ม. เพื่อทำเวลาในการเดินทางเล็กน้อย เนื่องจากเกรงว่าสภาพอากาศอาจจะไม่เป็นใจ
ระหว่างทางเราค่อนข้างประทับใจระบบกันสะเทือนของ Mitsubishi Pajero Sport มันเป็นอเนกประสงค์ที่คุณรู้สึกดีมากในยามขับขี่ให้ความมั่นใจ ด้วยระบบกันสะเทือนทางด้านหน้าแบบ ดับเบิ้ลวิชโบน คอยย์สปริง และเหล็กกันโคลง ส่วนทางด้านหลังเซทให้เป็นแบบทรีลิงค์ ทอร์คอาร์มคอยย์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ตลอดช่วงเวลาการขับขี่เราสัมผัสได้ถึงความมั่นใจ โดยเฉพาะระบบกันสะเทือนที่ออกมาค่อนข้างแข็งแน่นหนึบ ชุดโช๊คดูค่อนข้างจะตอบสนองไวต่อการเก็บแรงกระแทก ให้ความรู้สึกสปอร์ต แต่ยังให้ความรู้สึกนุ่มนวลต่อการโดยสารไปพร้อมกัน ไม่ขาดอรรถรสสุนทรีย์แห่งการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้โดยสารหรือคนขับก็ตามที ส่วนพวงมาลัยยามขับขี่นอกเมืองไม่ได้มีการแปรผันน้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ด้วยจังหวะและน้ำหนักที่เซทมาให้ถือว่าค่อนข้างลงตัวดีอยู่แล้วพอสมควร
ระหว่างทางเราเจอสภาพฝนตกหนัก การขับขี่ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูตาอาจจะเป็นเรื่องอันตรายพอสมควร แต่ยังดีที่เราขับ Mitsubishi Pajero Sport รุ่น GT Premium ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II ซึ่งมีฟังชั่นให้เล่นมากมาย โดยเฉพาะโหมด 4H ซึ่งเหมาะมากที่คุณจะใช้ในยามขับขี่บนถนนที่มีความลื่นแบบนี้เนื่องจากรถจะกลายเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ แถมยังมีระบบ All Wheel Control ช่วยสนับสนุนการขับขี่
ตลอดจนในบรรดาระบบความปลอดภัยต่างๆ Mitsubishi Pajero Sport ยังให้ระบบ ควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว และระบบป้องกันการลื่นไถลและควบคุมการลื่นไถล ASTC (Active Stability & traction Control) โดยระบบจะทำงานเพื่อรักษาสมดุลรถและป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง นอกจากนี้ระบบยังคอยควบคุมการหมุนของล้อทั้งสี่ ซึ่งในสภาวะฝนตกหนักแบบนี้ ใครจะคิดว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะเข้ามามีประโยชน์อย่างมาก
ไหนๆ ก็กล่าวถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแล้ว หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อน แต่เราอยากบอกว่า Mitsubishi Pajero Sport มีของดีซ่อนอยู่ภายใน กับระบบ Terrain mode ซึ่งมีอยู่ในรถคันนี้แค่รอคุณจะค้นเจอเท่านั้น
Mitsubishi ได้อธิบายกับเราในระหว่างการทดสอบว่า ระบบ Terrain ใน Mitsubishi Pajero Sport จะใช้งานได้เมื่อเข้าสู่โหมดขับเคลื่อนสี่ล้อในตำแหน่ง 4HLC และ 4LLC โดยมีโหมดการทำงานสำคัญ สี่โหมด ได้แก่
- Gravel สำหรับสภาพถนนทางกรวดหรือทางลูกรัง
- Mud/Snow สภาพทางโคลนหรือที่ซึ่งมีหิมะหนา
- Sand สำหรับขับลุยในทรายละเอียด
- Rock สำหรับทางหิน และยังใช้ได้กับเส้นทางอุปสรรคซึ่งล้อมีโอกาสลอยจากพื้นสูง
โหมดต่างๆ ในการ terrain mode ของ Mitsubishi Pajero Sport
หมายเหตุ Rock Mode เข้าด้วยโหมด 4LLC
และแม้จะดูเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่ Mitsubishi เผยกับเราว่า พวกเขาอยากให้มองว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น ไม่ได้มีดีเพียงการลุยทางออฟโรดอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ทางด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะในการขับโหมด 4 H ที่มีดีเทียบเท่าการทำงานในแบบ Full Time 4WD
ด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลาทำให้ในวันนี้เรายังไม่มีโอกาสลองลุยในเส้นทางออฟโรด ในเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ แต่สิ่งที่ต้องติติงเล็กน้อยคือการเก็บเสียงในห้องโดยสารที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อขับที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. คุณจะเริ่มได้ยินเสียงลมเข้าสู่ห้องโดยสาร และจะชัดเจนเมื่อใช้ความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม.
ส่วนเครื่องยนต์ในยามขับขี่นอกเมืองด้วยเกียร์ 8 จะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำมากเพียง 1600 รอบต่อนาที ถ้าคุณขับด้วยความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. และที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. จะใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2,000 รอบต่อนาที ส่วนความเร็วสูงสุดเพื่อความปลอดภัย Mitsubishi Pajero Sport จึงถูกล็อคความเร็วไว้ที่ 185 ก.ม./ช.ม
และแล้วเราก็มีโอกาสได้ใช้ระบบ FCM เมื่อเราขับบนถนนมาเรื่อยๆ ปรากฏว่าเราเจอพวกช้าชิดขวา ..อีกแล้ว ด้วยความเร็วที่มา 160 ก.ม./ช.ม. ทำให้ระบบทำการแจ้งเตือนเรา ให้ระวัง โดย เตือนเป็นเสียงก่อนที่จะใช้สัญลักษณ์แสดงคำว่า Brake ที่หน้าจอแสดงข้อมูล ให้คนขับระวัง เสี้ยวนาทีนั้นเบรกมีการกดลง มีเสียงเบรกครืดๆ แต่ช่วงจังหวะเดียวกันผมฉีกออกซ้าย
ซึ่งภายหลังผมมีโอกาสคุยกับทีมทำให้ทราบว่า ระบบจะทำงานสองแบบคือหยุดให้อัตโนมัติที่ความเร็วไม่เกิน 30 ก.ม./ช.ม ในย่ายความเร็วต่ำเผื่อคุณเผลอในเขตเมือง แต่ถ้าใช้ความเร็วเกินกว่านั้นจะเป็นระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่แบบที่เราเจอ
การเดินทางนอกเมืองเรากับ Mitsubishi Pajero Sport จบลงเมื่อเรากลับมาถึงย่านมหาชัย ก่อนที่เราจะเลี้ยวกลับเข้าถนนกาญจนาภิเษก ตลอดการเดินทางเราขับไปทังสิ้น 441 ก.ม. และเหลือน้ำมันวิ่งได้อีก 270 ก.ม. สรุปอัตราประหยัดที่ 10.46 ก.ม./ลิตร ซึ่งถ้ามองจากการเดินทางที่ใช้ความเร็ว(100-160 ก.ม./ช.ม.) มาตลอดทาง ถือว่าไม่ซดน้ำมันอย่างที่คิด
จัดสั้นๆ สมรรถนะ อัตราเร่งเร้าใจ
ทุกอย่างน่าประทับใจ แต่สำหรับหลายคนที่ชอบสมรรถนะคงอยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้า Mitsubishi Pajero Sport จะมีอัตราเร่งเป็นอย่างไรบ้าง
ถนนโล่งสถานที่ลับที่เก่าเวลาเดิม ผมแอบให้พีอาร์มิตซูบิชิมาเป็นสักขีพยานในการทำอัตราเร่งรถคันนี้ (หวังว่าคงไม่กลับไปฟ้องนะว่า เราปู้ยี้ปู้ยำรถขนาดไหน) บนสภาพเส้นทางลาดยาง ทุกอย่างพร้อมผมทำอัตราเร่ง ในสภาวะนั่งสองคนเปิดแอร์เย็นเพลงเพราะในตำแหน่งเกียร์ D ในโหมด 2H โดยจับเวลาผ่านโปรแกรม Torque ในมือถือ ผ่านสัญญาณ GPS ได้เวลาที่ดีที่สุดดังนี้
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. |
12.99 |
12.99 |
13.00 |
12.99 |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. |
8.00 |
9.00 |
9.00 |
8.67 |
จากข้อมูลอัตราเร่ง เราค้นพบว่า มันช้ากว่า Mitsubishi Triton เล็กน้อย ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการทำงานของระบบ INC ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้ในการทดสอบว่า รถจะหน่วงในช่วงออกตัว เหมือนปล่อยรถไหลไปข้างหน้าเล็กน้อย แม้ว่าเราจะเหยียบคันเร่งมิดแล้ว แต่ในราวๆครึ่งวินาทีต่อมารถก็จะเร่งออกตัวอย่างรวดเร็ว
ความจริงผมได้บอกกับ Mitsubishi ไปว่า น่าจะทำไฟบอกสถานะระบบ INC ขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้ารู้แต่พวกเขาให้ความคิดเห็นว่า มันจะรบกวนผู้ใช้งานมากกว่า แต่เจออัตราเร่งที่ช้ากว่า 1 วินาที โดยประมาณในอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.แบบนี้ (Mitsubishi Triton 4WD M/T ทำอัตราเร่งเฉลี่ย 0-100 ก.ม./ช.ม. ไว้ที่ 11.05 และอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. ทำได้ 8.00 วินาที) ผมว่าบางครั้งทำปุ่มยกเลิกระบบ INC มาให้ก็ดีเผื่อใครที่ไม่ชอบก็ปิดไม่ใช้งานระบบไปได้
สรุป Mitsubishi Pajero Sport ผสมผสานอย่างลงตัว คันนี้คือของจริง DNA Mitsubishi
“The Spirit of competition” ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินวลีนี้จาก Ralliart ในฐานะสำนักแต่งจาก Mitsubishi แต่มันก็ชี้ให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของ Mitsubishi ว่าพวกเขาคือตัวจริงในเรื่องรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ และความคุ้มค่าในตัว
พวกเราหลายคนต่างรู้จัก Mitsubishi Pajero เป็นอย่างดีกับชื่อเสียงของมันในเรื่องความสามารถในการลุย แต่เมื่อ Mitsubishi Pajero เติมคำว่า sport เข้ามาเป็น Mitsubishi Pajero Sport มันน่าจะมีอะไรมากกว่าและพร้อมสรรพเรื่องลุยแต่ยังต้องขับสนุกอีกด้วย
ถึงทาง Mitsubishi Motor จะอนุญาตเราในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ตลอดกว่า 12 ชั่วโมง ที่ผมนั่งกุมบังเหียนหลังพวงมาลัยรถคันนี้ ขับมันไปในเมือง ขับมันไปทะเล รวมถึงยังต้องเจออุปสรรคฝ่าสายฝนในการเดินทาง ยอมรับว่า Mitsubishi Pajero Sport ใหม่คือรถที่เปี่ยมด้วยความลงตัวในการขับขี่
ตัวรถมีดีในหลายๆ ด้าน เริ่มจาก การออกแบบที่มีความทันสมัยลงตัว และยังแสดงถึงสองดีเอ็นเอที่อยู่บนรถคันนี้ ไม่ว่าจะเป็นความสปอร์ต รวมถึงลุคดูดีที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ แม้จะต้องยอมรับว่ายังขาดบางออพชั่น อย่างระบบเปิด-ปิดประตูหลังไฟฟ้า ที่ควรจะมีมาให้ แต่ก็พอรับได้เมื่อนับว่า คู่แข่งจะมีมาให้ก็เป็นรุ่นท๊อป
ทางด้านภายในห้องโดยสารการออกแบบมีความลงตัว สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ เบาะนั่งที่ออกแบบมาตามหลักสรีระศาสตร์มันเป็นเบาะที่นั่งสบาย ผมไร้ข้อติในเรื่องนี้ แต่ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือพวงมาลัยที่มีโครเมี่ยมบนตัววง ซึ่งค้นพบว่ามันอาจมีการสะท้อนเข้าตาคนขับบ้างเป็นบางเวลา เป็นเรื่องที่น่ากังวลเมื่อมองถึงความปลอดภัย
ส่วนเบาะนั่งแถวสองจัดท่านั่งมาดี แต่ยังติดว่าพื้นที่ช่วงขาค่อนข้างแคบไปเล็กน้อย น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ตลอดจนที่วางแก้วน้ำและขวดน้ำของเบาะตอนหลัง ก็ดูแปลกประหลาด วิธีใช้งานแอบโบราณเมื่อนึกว่ารถคันนี้ตีโจทย์เป็นอเนกประสงค์ทันสมัย
ด้านเบาะแถวสามยังแคบเหมือนเคย เช่นเดียวกับความวุ่นวายในการใช้งานเบาะนั่งแถวสาม ที่ต้องพับที่นั่งและพับพนักผิง ถ้าต้องการใช้พื้นที่สัมภาระจุดนี้ เห็นที Mitsubishi จะต้องกลับไปทำการบ้านมาอย่างหนัก ในการทำให้เบาะแถวที่สามใช้งานง่ายกว่านี้
ด้านสมรรถนะตัวรถ คำเดียวที่อยากนิยามให้ คือ สปอร์ตพร้อมลุย เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร อาจจะมีกำลังไม่มากมายเท่าคู่แข่ง แต่ทีเด็ดที่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ก็ทำให้มันกลายเป็นอเนกประสงค์หรู แถมยังมีความประหยัดน้ำมันในการขับขี่ เพียงแต่อาจจะต้องไปปรับเรื่องการตอบสนองชุดเกียร์ที่ความเร็วต่ำอีกสักหน่อย ส่วนระบบกันสะเทือนกล้าพูดว่าสำหรับคนชอบรถเร็วไม่เน้นความนุ่มนวลมากมายแบบลอยไปกับปุยเมฆ ช่วงล่าง Mitsubishi Pajero Sport ถือว่าลงตัว มันให้การควบคุมที่มั่นใจ และยังนั่งได้อย่างสบาย
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งครั้งนี้เราได้ลองแค่ 4H ยังไม่ได้ลองในเรื่องของการลุยเส้นทางออฟโรดก็ตอบการขับขี่ได้อย่างมั่นใจ แถมยังมีระบบ terrain mode น่าเสียดายที่ระบบนี้ไม่ได้ออกมาโชว์จะๆ แบบของ Ford แต่สมรรถนะท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร คงต้องรอโอกาสครั้งหน้า
เรื่องที่ดีที่สุด ซึ่งใน Mitsubishi Pajero Sport มีมาให้ คือระบบความปลอดภัยแบบ Active safety ต่างๆ ซึ่งระบบสำคัญๆ อย่าง FCM (Forward Collision Mitigation system) , Blind Spot Warning ตลอดจน Multi Around View Monitor ทำให้มันเหนือชั้นกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน
ระบบต่างๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะ 3 ตัวที่กล่าวมาข้างต้น คุณมีโอกาสได้ใช้อย่างแน่นอน ทั้งชีวิตในเมืองและนอกเมือง ทำให้รถคันนี้ค่อนข้างเข้าใกล้รถยนต์จากยุโรปมากขึ้น แต่อย่าคาดหวังว่ามันจะดีเท่าเทียมกันเสียทีเดียว
Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ คือรถที่ลงตัวในทุกสิ่ง Wording - Designed for Perfection มันไม่ได้เกินจริงจากที่พวกเขากล่าว เพียงแต่อาจจะยังขาดบางออพชั่นที่คู่แข่งมี ซึ่งทำให้พวกเขาจะต้องกลับไปทำการบ้านมาเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่ถ้าวันนี้คุณจองรถรุ่นนี้ไปแล้วหรือกำลังสนใจอยู่ ผมก็ยังยืนยันว่า Mitsubishi Pajero Sport ใหม่จัดเต็มความคุ้มค่า และเป็นอเนกประสงค์ที่ดีที่สุดในกลุ่มนี้ ซึ่งคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
เพราะนี่คือรถอเนกประสงค์ที่ผสานสองดีเอ็นเอของความเป็น Mitsubishi เข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะความสปอร์ตในตัวตน หรือจะพร้อมสำหรับเรื่องลุย Mitsubishi Pajero Sport ใหม่คือคันนั้นที่พร้อมตอบโจทย์ทุกข้อในการเดินทาง
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
ขอบคุณ คุณขวัญ คุณฝน และ คุณแตน จาก Mitsubishi Motor ประเทศไทยที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่มาให้ได้ทดสอบกัน
รถทดสอบ Mitsubishi Pajero Sport GT Premium 4WD
ราคาจำหน่าย 1,399,000 บาท (ราคาช่วงแนะนำถึง 30 กันยายนนี้)
สิ่งที่ชอบ >>> การออกแบบที่ลงตัว สมรรถนะการขับขี่ที่มั่นใจ รถออกมาในสไตล์สปอร์ตแต่เช่นเดียวกันก็ยังพร้อมลุย คือสิ่งที่สร้างความโดดเด่นที่สุดในการขับขี่ ตลอดจนตัวรถยังมีความลงตัวในเรื่องความทันสมัยจากการทำงานของระบบ Active Safety เหนือชั้นกว่าทุกค่ายในตลาดกลุ่มเดียวกัน
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> เบาะนั่งแถวสามยังคงเรื่องการใช้งานยาก ซึ่งทำให้รถคันนี้เสียคะแนนความชื่นชอบจากเราไปอย่างน่าเสียดาย ตลอดจนเสาอากาศสั้นน่าจะดีกว่านี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคลีบฉลาม แถมกันชนยังยื่นปิดยางอะไหล่ไม่มิดชิดอีกต่างหาก
สิ่งที่อยากให้มี >>> ปุ่มปรับพับเบาะแถวสามแบบ One Touch ที่ควรมีเพื่อให้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงน่าจะมีไฟแสดงการทำงานของระบบ INC และอาจจะดีกว่านี้ถ้าเครื่องยนต์มีกำลังมากกว่านี้จะสื่อสารได้ตรงใจกับคำว่าสปอร์ตมากขึ้น
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >>> ถ้าสนใจอยู่ จากการทดลองขับ ผมว่านี่คือรถที่คุ้มค่าน่าใช้ ราคาไม่ไกลเกินเอื้อมอีกคัน ซึ่งนาทีนี้ผมเก็บไว้ในรายการรถยนต์ที่อยากได้แล้วครับ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1616]