Full Review : MG3 Hatchback … เจ้าตัวเล็กเด็กอินดี้....
- โดย : Autodeft
- 15 ธ.ค. 58 00:00
- 45,321 อ่าน
มาแล้วครับ สำหรับบททดสอบรถยนต์ซิตี้คาร์ MG 3 ใหม่ ใครที่รอคอย หรือกำลังตัดสินใจจับจอง ควรอ่านอย่างยิ่ง ..
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เป็นอิสระทางความคิด คำพูดแบบนี้ไม่ว่าใครก็จะต้องนิยามคำว่า “อินดี้” อันหมายถึงแนวคิดทั้งหลายทั้งปวง ที่นำทาง และมีเส้นทางเป้นของตัวเองมีความคิดเป้นของตัวเอง ซึ่งเราหลายคนอาจจะคุ้นเคย แนวคิดต่างๆจนบางครั้งลืมไปว่า เรากำลังถูกปลูกฝังให้ฟังในสิ่งที่ทางค่ายรถยนต์บางกลุ่มต้องการ และเชื่อในสิ่งที่พวกเขานำเสนอ
ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา MG เป็นค่ายรถยนต์น้องใหม่ที่กลับมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการนำเสนอและวางตัวตนของแบรนด์ในแบบรถยุโรป แต่มาในราคารถญี่ปุ่นที่คุณสามารถจับต้องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอรถยนต์ซิตี้คาร์ร่างเล็กในนาม MG3 ที่ออกมาเขย่าตลาดวงการยานยนต์ ด้วยราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง แต่กระนั้นก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวตนการขับขี่ตามที่ผู้ใช้ต้องการ
ความแตกต่างไม่เหมือนใคร MG3 กลายเป็นรถยนต์ซิตี้คาร์ที่มีความเป็นปัจเจกในการออกแบบของตัวเอง ด้วยการนำเสนอการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความดูดีตามสไตล์ของแนวคิดจาดดารอกแบบจากประเทศอังกฤษ ที่ยังฝังดีเอ็นเอของความเป็นสปอร์ตเอาไว้ ทักทายมาตั้งแต่ใบหน้าที่มีเอลักษณ์ลงตัวของรถยนต์ MG ใหม่ ดูเข้าทีมากขึ้นกับกันชนหน้ามีไฟ Day Time Running Light มาให้ ลงกับไฟหน้าตามเอกลักษณ์ของเอ็มจี ให้ความดูดีในการออกแบบ
เส้นสายจากด้านหน้าเพิ่มความลงตัวสู่ด้านข้างที่ไม่ได้มีการออกแบบอะไรเป็นพิเศษมากมายนัก แต่กระนั้นเอ็มจีก็ยังชาญฉลาดด้วยการแนะนำสีทูโทนเข้ามาตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการความแตกต่างอย่างเข่นรถทดสอบเราที่มาในสไตล์โทนสีเหลืองตัดกับช่วงเสาและหลังคาสีดำ ดูมีเสน่ห์พลันให้นึกถึงรถที่มีราคาแพงอย่างตระกูล Citroen DS ไม่มากก็น้อย ลงตัวมากขึ้นกับล้ออัลลอยขอบ 15 นิ้ว มาพร้อมยาง185/65/15
ส่วนบั้นท้ายลงตัวกับการออกแบบเสริมลุคสปอร์ตพร้อมความดูดี นอกจากนี้รุ่นท๊อปยังให้รายละเอียดความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยการออกแบบปลายท่อไอเสียเป็นทรงเหลี่ยม และคุณยังได้หลังคาซันรูฟเข้ามาตอบโจทย์ ซึ่งในตลาดซิตี้คาร์ปัจจุบันไม่มีเจ้าไหนให้มาเหมือนกับเอ็มจี
เปิดประตูด้วยกุญแจรีโมทธรรมดา MG3 …..Say Hi!!! ด้วยห้องโดยสารเน้นความเรียบง่ายมากที่สุด แต่ในความเรียบง่ายที่เราเห็นนี้แฝงด้วยความดูดีและครบครันทุกออพชั่นการใช้งานยามขับขี่
น่าแปลกใจที่แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กแต่เรายังจำได้ว่า MG หยิบเอาแนวคิดการออกแบบรถคันนี้มาจากสนามแข่ง ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจน จากการออกแบบมาตรวัดที่ดูดีมีสไตล์คล้ายรถสปอร์ต พวงมาลัยสามก้านทรงกว้างอาจจะดูไม่คุ้นเคยในสายตาแต่ก็ดูดีเข้าทีอยู่พอสมควร บนพวงมาลัยให้ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง และเดินหน้าหรือย้อนแทร็คเพลงที่คุณชอบ ตามใจต้องการ
ตรงกลางมีช่องเก็บของบนคอนโซลหน้า ในช่องนี้ คุณจะพบช่องเสียบ AUX และสล็อท USB ถัดลงมาเป็นเครื่องเสียงแบบ Built In ทรวดทรงวงรี Oval ทางทีมออกแบบบอกว่า พวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากรูปแบบสนามแข่งรถ แต่กับเราแล้วมันทำให้เรานึกถึงวิทยุ Sony Xpolde ยุคเก่าไม่น้อย แต่ก็ลงตัวพอไปวัดไปวาได้ ถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ออกแบบได้แปลกตาเล็กน้อย การใช้งาน มีทั้งหมุนเพื่อเพิ่ม-ลดอุณหภูมิ และปุ่มกดเพื่อเพิ่ม-ลดความแรงของพัดลมแอร์ แต่ที่ทำให้เราแปลกใจที่สุดคือ แผงแอร์ตรงนี้ กลับมาปุ่มล็อคประตู มาซ่อนไว้ด้วย ... อย่าแปลกใจถ้าคุณที่หาที่ล็อคประตูไม่เจอในช่วงแรกๆ...
ด้วยมิติตัวถังที่มีความยาว 4,018 มม. กว้าง 1,728 มม. และสูง เ1,517 มม. รวมถึงฐานล้อที่มีความยาว 2,520 มม. MG3 อาจจะดูเล็กภายนอก แต่ภายในต้อนรับการเดินทางได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เบาะนั่ง MG3 เป็นหนึ่งในความลงตัวในการใช้งาน มันค่อนข้างใหญ่ในความรู้สึกของผู้เขียน ทำให้นั่งได้อย่างสบาย วัสดุหุ้มเบาะด้วยหนังสังเคราะห์ผสมหนังแท้ ฝั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง ทำงานง่ายๆด้วยการใช้มือโยกและจัดท่าทางเอาตามความถนัด น่าเสียดายที่บังแดดมาพร้อมกระจกแต่งหน้ายังทำหน้าที่ของมันได้ไม่ดีนัก ถ้าคุณเป็นผู้หญิงไทยไซส์ปกติ อาจจะรู้สึกว่า กระจกไม่มีจังหวะล็อก กึ่งกลางที่จะส่องคุณยามแต่งหน้าต้องคอยขยับมันไปๆมาๆ
ส่วนเบาะหลังก็ออกแบบมานั่งสบายในระดับหนึ่ง เหมาะกับการใช้งานในเมือง มันมีพื้นที่วางขามากพอตามฉบับซิตี้คาร์ และเมื่อต้องการใช้งานเพื่อความอเนกประสงค์เบาะสามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40 หรือถ้าใช้งานปกติก็มีพื้นที่สัมภาระท้ายก็ตอบโจทย์มากพอ สำหรับหนุ่มงานเยอะ หรือสาวนักช๊อปทั้งหลายได้สบายๆ
ใต้เรือนร่างลุคผู้ดี เจ้าอินดี้ MG3 มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 106 แรงม้า สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตรสูงสุดที่ 4,500 รอบต่อนาที
ความเจ๋งและแปลกใหม่ในการขับขี่ของ MG3 อยู่ที่การแนะนำการวิศวกรรมสุดแนวในรถยนต์ซิตี้คาร์ ด้วยระบบเกียร์ Selematic 5 สปีด พร้อมระบบปรับโหมดขับขี่ ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าจะขับสบายๆทำงานอัตโนมัติ หรือจะขับเอามันส์แบบเกียร์ธรรมดา
ด้วยระบบเกียร์ที่มีความแตกต่าง ทำให้ MG3 ถูกครหาในเรื่องความแนวสุดอินดี้ของมันเอง ไม่น่าแปลกที่หลายคนจะคิดว่าเจ้า Selematic นี้คือระบบเกียร์อัตโนมัติ เนื่องจากในตลาดกลุ่มซิตี้คาร์ส่วนใหญ่จะมีการแนะนำระบบเกียร์อัตโนมัติ หรือไม่ก็ชุดเกียร์ธรรมดาเข้ามาตอบโจทย์
ความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของระบบเกียร์ Selematic นี้เองทำให้ MG3 โดนค่อนขอดจากสังคมว่า มันขับไม่สบาย จะสนุกก็ไม่ได้เต็มประดา จะขับเอาประหยัดก็ไม่ได้ดั่งใจคิด แถมเกียร์ยังกระตุกสะดุด ตั้งแต่ออกตัว ซึ่งก็จริงในแง่หนึ่งของการขับขี่
ลืมทุกอย่าง!!! เกี่ยวกับเกียร์อัตโนมัติทั้งหมด .....เพราะ Selematic คือเกียร์ธรรมดา ที่สามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติ ..ถ้าคิดได้แบบนี้เมื่อไร ...ความคิดคุณกับเจ้าเกียร์ชุดนี้จะแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในทันที
สตาร์ทเครื่องยนต์หักพวกมาลัยออกจากขุมทรัพย์ลับรถยนต์ MG ในย่านสีลม MG3 เริ่มต้นการเดินทางด้วยความรู้สึกที่เรียบง่ายในการใช้งาน ตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ ถูกตั้งเป็นค่าเริ่มต้นในการใช้งาน สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป แต่ขับความเร็วต่ำแบบนี้เจ้าเกียร์ Selematic แอบพาเราพยักเพยิดหลายรอบ สะดุดตามจังหวะ ด้วยสไตล์คล้ายคุณลากรอบในเกียร์ธรรมดา การสะดุดแบบนี้อาจจะน่ารำคาญบ้างแต่ถ้าคุณเร่งต่อไปให้มันขึ้นเกียร์2 สำหรับการขับขี่ในเมืองทุกอย่างจะดีขึ้น ต้องอาศัยการเดินคันเร่ง หรือสับไปตำแหน่งเกียร์ 2 จะลดปัญหาดังกล่าวได้พอตัว
แม้อาการเกียร์จะชวนรำคาญบ้างถ้าขับขี่ท่ามกลางยามรถติด แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณเข้าขากับมันได้ อะไรก็หยุดคุณไม่อยู่ อย่างระหว่างการขับทดสอบ ณ ถนนราชพฤกษ์ ระหว่างที่ขับชิวไปเรื่อยก็มี Honda Jazz แต่งซิ่งมาขอท้าลองดี ว่า MG มันจะแน่สักแค่ไหน แน่นอน เราพิกัดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเท่ากัน สิ่งที่ต่างอย่างเดียวคือน้ำหนักตัว MG3 อาจจะมากกว่าสักหน่อย ถึง 1,220 กิโลกรัม
นั้นทำให้ เมื่อเกมท้าดวลบนถนนเริ่มต้นขึ้น MG3 เริ่มด้วยต้นได้ไม่ดีนัก เราต้องตามหลังคู่แข่งไปเรื่อย ถนนเริ่มจราจรคับคั่ง ผมจัดการเข้าโหมดขับด้วยตัวเอง เพียงผลักเกียร์ไปทางซ้าย เปลี่ยนจากโหมดออโต้ จากนั้นทำตามความรู้สึกนึกคิด มันสั่งได้เหมือนเกียร์ธรรมดาทุกอย่าง ไม่เพียงแค่ลดหรือเพิ่มเกียร์ อย่างที่คุณคิด อย่าง คุณอยากจะกระโดดข้ามเกียร์บางจังหวะ เช่น มาเกียร์ 5 หวดลงเกียร์ 3 เพื่อเอาอัตราเร่ง ก็ทำได้ ... หรือจะใช้มันเพื่อช่วยเบรกยามคับขันก็ได้ถ้าต้องการ
ข้อดีนี้เอง ทำให้หลายครั้งเราสามารถมุดแซง รถคันอื่น ตบซ้ายขวาได้ง่าย มีจังหวะทีดีกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป แถมพวงมาลัย MG 3 ที่เล่นเอาหนักเมื่อขับความเร็วต่ำถอยจอดในห้างไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มาถึงโหมดใช้ความเร็วต้องมุดซ้าย-ขวา ก็กระฉับกระเฉง การควบคุมทำได้อย่างมั่นใจ
ตัวรถเองที่มีน้ำหนักมากกว่าคู่แข่งมาถึงตรงนี้ ระบบช่วงล่างของมันเริ่มทำให้เราเห็นความดีความชอบของระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นระบบกันสะเทือนทอร์ชั่นบีมแบบ H Shape พร้อมคานขวางแบบ U Shape ให้บุคลิกหนักแน่นมากกว่า คุณรู้สึกได้ถึงการเกาะถนน แม้ว่าจะเหวี่ยงไปมาตลอดการขับขี่ เมื่อต้องมุดซ้าย-ขวา แต่ถ้าเทียบกับรถเล็กรุ่นอื่นที่วางจำหน่ายในตลาด MG3 ดูจะให้ความมั่นใจ หนักแน่นมากกว่ายิ่งใช้ความเร็ว และทำให้เรามีชัยเหนือเพื่อนนักซิ่ง ที่คงจะจดจำ MG ไปอีกนาน
แม้ว่าจะขับเจอรถติดในเมือง มาอัดเล่นบ้างพอหอมปากหอมคอ ตลอดจนเรายังใช้งานตามปกติ แต่ MG3 ตอบการขับขี่ในเมืองด้วยความประหยัด 9.85 ก.ม./ลิตร จากการขับขี่ด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E20 หลายคนอาจจะมองว่ามันซดน้ำมันพอประมาณ แต่ถ้าเราเอาน้ำหนักตัวรถของ MG 3 มาลองเปรียบกับคู่แข่งจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Honda Jazz ที่มีพิกัดรุ่นท๊อปอยู่ที่ 1,085 ก็จะพบว่า MG3 มีน้ำหนักมากกว่าถึง 135 กิโลกรัมเลยทีเดียว ..
และภายหลังจากการขับทดสอบในเมือง เราก็นำรถ MG3 ไปทดสอบอัตราประหยัดนอกเมืองของ MG3 ซึ่งมันได้ตอบโจทย์อัตราประหยัดที่ 11.2 ก.ม./ลิตร
สรุป MG3 ขับดีก็ทำได้ ถ้าคุณเข้าใจความอินดี้
หลังจากส่งเจ้า MG3 คืนอ้อมอกของ MG เรียบร้อย เรายอมรับข้อหนึ่งว่า MG3 เป็นรถที่น่าสนใจมากในแง่ของฟังชั่นการใช้งานที่ครบครันในระดับที่น่าพอใจกว่ารถอีโค่คาร์บางรุ่นด้วยซ้ำในราคาที่ไม่ได้หนีจากกันมากมายอะไรนัก จนหลายคนอาจจะเริ่มสนใจ โดยเฉพาะเจ้า Sunroof ที่ให้มาในรถราคาระดับนี้ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ แม้ว่าจะต้องยอมรับเรื่องการออกแบบที่หวือหวาเท่าค่ายญี่ปุ่นที่มีอยู่เกลื่อนตลาด
แต่ความอินดี้ของมันนี่เองที่ทำให้เจ้า MG3 ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง คุณจะจำมันได้ทุกครั้งที่เห็นมันบนถนน ซึ่งยิ่งดูยิ่งลงตัว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อย ในเจ้าตัวเล็กจากเกาะอังกฤษคันนี้
ด้านภายในออพชั่นการใช้งานถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะมากพอสมควร แต่ก็มีปัญหาบ้างยิ่งกับใครที่มนุษย์ไซส์เอเชีย ตัวเล็กอาจจะรู้สึกว่าบางอย่างไม่ลงตัว เช่น กระจกแต่งหน้าที่อาจจะไม่มีจังหวะสำหรับคุณถ้าเป็นคนตัวเล็ก หรือ เข็มขัดนิรภัย อาจจะรู้สึกอยู่ในตำแหน่งที่ขัดใจบ้างเล็กน้อย ตลอดจนบางออพชั่นตัวรถอาจจะยังไม่มากมายนัก เช่นการคาดพวกของเล่นจุกจิกหน้าจอสัมผัส แต่กลับกลายเป็น วิทยุ CD MP3 1 แผ่น ยังดีที่มันสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth และมีช่องเสียบ AUX และ USB มาให้
แต่ในหลายๆเรื่องที่ภายในห้องโดยสารดูจะไม่ลงตัว คงไม่พ้นการออกแบบที่ยังคงความเป็นอังกฤษมากไป อย่าแปลกใจถ้าแรกๆ คุณจะรู้สึกโลกสับสนวุ่นวายไปหมด เช่นตำแหน่งไฟฉุกเฉินที่มาอยู่ตรงกลาง หรือ ปุ่มล็อคประตูที่ดันถูกเบียดไปอยู่ในกลุ่มสวิทช์แอร์ ทำให้เราอาจจะหาไม่เจอในระยะแรกๆ แต่เมื่อเรียนรู้ตัวรถแล้วก็จะเริ่มใช้งานได้อย่างคล่องมากขึ้น
ด้านเครื่องยนต์ถือว่ามีความดีความชอบในการขับขี่ ยิ่งข่าวดีคือคุณสามารถใช้พลังงานได้ถึง E85 แต่จากการขับทดสอบด้วยน้ำมันพลังงานทางเลือก E20 เราก็เชื่อว่ามันน่าจะมีอัตราประหยัดไม่หวือหวามากนัก ยิ่งยุคนี้น้ำมันถูกลง E20 ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการเรื่องความประหยัด
ทว่าเรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือระบบเกียร์ Selematic ที่คุณต้องเข้าใจ และหัดใช้มันให้ชิน ที่สำคัญ นี่คือเกียร์ธรรมดาที่ทำงานระบบอัตโนมัติได้ ไม่ใช่ระบบเกียร์อัตโนมัติทั่วๆ ไป ..ดังนั้นวิธีขับมันได้ดี คือคุณควรจะขับแบบเกียร์ธรรมดา .... ซึ่งสามารถลดอาการกระตุกได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ต้องหัดและอาศัยการเรียนรู้ในการขับขี่กับมัน
อย่างไรก็ดี เรามีโอกาสลองทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ของ MG 3 ก็พบว่ามันไม่ได้มีอัตราเร่งที่ขี้เหร่อะไรนักอย่างที่หลายคนคิด
ตารางแสดงผลการทดสอบอัตราเร่งรถยนต์ MG3
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตรา 0-100 ก.ม./ช.ม. |
16.000 |
16.007 |
16.002 |
16.003 |
อัตรา 80-120 ก.ม./ช.ม. |
11.000 |
11.000 |
12.000 |
11.333 |
ถึงหลายคนจะมองว่า MG3 เป็นรถที่ไม่น่าสนใจจากคำวิจารณ์เรื่องระบบเกียร์เป็นหลัก แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจเจ้าอินดี้จากอังกฤษคันนี้ จนกว่าคุณจะมีโอกาสลองขับมันส์ ... เพราะนี่คือซิตี้คาร์ที่มีราคาตัวถูกกว่าคู่แข่ง ออพชั่นครบ ใช้งานได้อย่างมั่นใจ เสียอย่างเดียว .คือคุณต้องเรียนรู้มันก่อน .......
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
รถทดสอบ MG 3 Hatchback
ราคาจำหน่าย 559,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >> การออกแบบที่เรียบง่ายให้ความรู้สึกที่แตกต่างเรารู้สึกว่า เจ้า MG3 นั้น เป็นรถที่ออกแบบได้ไม่ดูแล้วรู้สึกเบื่อ แถมออพชั่นให้มาก็ไม่ขี้เหร่ มีอะไรให้เล่นมากกว่าที่คิด
สิ่งที่ไม่ชอบ >> ตัวรถที่หนักกว่าคู่แข่ง ทำให้ความรู้สึกมันดูเป็นผู้ดีไปนิด แต่ก็ลงตัวในการใช้งาน ตลอดจนเกียร์ต้องอาศัยการเรียนรู้มากไป ทำให้ไม่ลงตัวต่อการใช้งาน ดั่งที่ควรจะเป็น
สิ่งที่อยากให้มี >> เราหวังลึกว่า MG จะพิจารณาระบบเกียร์อัตโนมัติมาติดตั้งใน MG3 บ้าง เอาระบบธรรมดานะ ไม่ต้องคลัทช์คู่นะครับ
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> นี่คือรถยนต์ที่ครบครันด้วยออพชั่นการขับขี่ มีฟังชั่นการใช้งานที่ลงตัวมากกว่าคู่แข่ง และสมรรถนะการขับขี่ทีวางใจได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณพร้อมจะรับความอินดี้ของมัน โดยเฉพาะระบบเกียร์ และการจัดวางอุปกรณ์ภายในรถ ที่ไม่เหมือนกับรถญี่ปุ่นเลย ... ถ้ารับได้ ค่าสินสอดไม่แพง ติดต่อขอเป็นเจ้าของได้เลย !
เมื่อเทียบกับคู่แข่ง >>> มันหนักกว่าคู่แข่ง เกียร์ก็ต้องมานั่งเรียนรู้ ก่อนขับขี่ใช้งานได้อย่างคล่องตัว แต่เมื่อคุณเข้าใจ อะไรก็หยุดไม่อยู่
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1855]