Full Review Honda Civic 2016 2/2 : Honda Civic 1.8 EL เปลี่ยนลุคสวมความหรู ...
- โดย : Autodeft
- 25 พ.ค. 59 00:00
- 151,220 อ่าน
ตัวตนคนเรา...ถือเป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคล มันบอกได้หลายอย่าง ทั้งความคิด ความเป็นมา ฐานะ และสิ่งต่างๆ อันมากมายรอบตัวเขา .. หากว่าสิ่งต่างที่เรามองกับคนหนึ่งคนอาจจะเปลี่ยนไปทันที เมื่อเสื้อผ้า หน้า ผม เปลี่ยนไป...สำหรับรถยนต์มันก็คือการออกแบบและตบแต่งเพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่าง
หลังจากปล่อยบทความรีวิว Honda Civic 1.5 Turbo RS ออกไป เบื้องหลังผมถูกไถ่ถามเสมอในเรื่องความคุ้มค่าของการซื้อรถยนต์ Honda Civic คำถามสำคัญมักมาพร้อมการเปรียบเทียบกับรุ่น 1.8 ลิตร ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน ว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ที่จะคบหา ... สำหรับคนที่งบน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด
ระหว่างที่ผมขับ Honda Civic Turbo RS ผมปรึกษานายยอด จาก ฮอนด้าว่า น่าจะต้องยืมตัว 1.8 EL มาต่อเนื่องเพื่อทำให้ Full Review สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และมันตอบคำถามหลายประการ ทว่าผมออกปากช้าไปเล็กน้อย ทำให้ต้องรออีกกว่า 1 สัปดาห์
การเห็น Honda Civic ใหม่บนถนน และผมมักจะชี้ให้เดือนดูไม่ต่างจากการเล่นเกมหยิกเมื่อเจอรถเต่า กลายเป็นจริตของเรา 2 คน ไปโดยปริยาย อันที่จริงเราเห็นมันมากพอสมควรแล้ว แต่วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องใช้สุภาษิตไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลว่า “10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น” และสมัยนี้เพิ่มประโยคต่อไปว่า “10 ตาเห็นก็ไม่เท่ามือคลำ”
นี่นับเป็นครั้งแรกที่ผมมาอยู่ตัวต่อตัวกับเจ้า Honda Civic 1.8 EL เจ้ารถยนต์รุ่นท็อปของไลน์อัพเครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี ซึ่งเป็นขนาดเครื่องยนต์ที่คนส่วนใหญ่จะคบหาเมื่อพูดถึงรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์
การเปลี่ยนแปลงตัวตนเพื่อตอบโจทย์ความเป็นรถใช้งานชัดเจน ตั้งแต่ทางด้านหน้า Honda Civic 1.8 EL ยังคงมาพร้อมใบหน้าการออกแบบที่แลดูสดใหม่ มันได้การออกแบบ Honda Solid Wing Face เข้ามาตอบโจทย์ หากครั้งนี้ทางทีมออกแบบต้องการเปลี่ยนรถให้ดูหรูหรามีความพรีเมี่ยม พวกเขาเลือกใช้กระจังหน้าใหม่เป็นแบบโครเมี่ยม แลดูลงตัวเข้ากับโคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟ Day Time Running Light จนมีความคล้ายรถยนต์ยุโรปบางรุ่น น่าเสียดายฮอนด้ากลับมาตกม้าตายดันให้ไฟหน้าฮาโลเจน มาแทนไฟซีนอน เหมือนอยากจะบอกว่า “อยากได้ ก็เปลี่ยนเองดิ อะโธ่” ...ทำเอาลูกค้าคิดหนักไม่น้อย
ขยับมาทางด้านข้าง อย่างเดียวที่ดูมีการเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้เห็นทีจะเป็นล้อแม็ก เปลี่ยนลายเปลี่ยนความรู้สึก ...แถมงวดนี้ล้อแม็กยังลดเหลือเพียงขอบ 16 นิ้ว ยังให้หน้ากว้าง 7 นิ้ว เท่ารุ่นเทอร์โบจัดเข้าคู่กับยางขนาด 215/55/R16 เมื่อมองรวมๆ กับทรวดทรง Coupe Like Design ของรถ ก็พาลให้เรานึกถึงรถหรูพรีเมี่ยมอีกครั้ง อาจจะด้วยสีเทาโมเดิร์นสามารถบ่งเส้นสายการออกแบบทุกรายละเอียดทำให้ดูงดงามมากขึ้น
ส่วนด้านหลังแม้จ่ายเงินน้อยกว่า แต่การออกแบบไม่น้อยลง Honda Civic ยังคงมาพร้อมไฟท้ายแบบ LED ใช้เอกลักษณ์ใหม่รูปตัว C บางคนมองว่าถ้าจะทำให้พรีเมี่ยมต้องมีโครเมียมดูสปอร์ต แต่หลายครั้งผมเห็นรถที่ติดโครเมี่ยมมากมายแทนที่จะสวยกลับกลายเป็นดูลิเก นักออกแบบ Honda คงจะเห็นพ้องในความคิดเดียวกัน เลยจัดท้ายดูเรียบๆง่าย เน้นความทันสมัย เจ้าสปอร์ยเลอร์หลังหายไป เช่นเดียวกับสลับปลายท่อไอเสียเหลือเพียงทางเดียว
สัมผัสมือจับ Honda Civic 1.8 EL ตอบรับสัญญาณ Honda Smart Key ให้มาเป็นมาตรฐานทุกรุ่น ผมหย่อนตัวลงบนเบาะคนขับการออกแบบไม่แตกต่างจากรุ่น RS ที่ผ่านมือไปเมื่อสัปดาห์กว่าๆ ฝั่งนั่งคนขับเอาใจสุดๆ เหมือนเดิมให้ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางมาตอบโจทย์ แต่หากคุณเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีผู้สนับสนุนในการซื้อรถ เขาอาจจะไม่ปลื้มกับเบาะนั่งปรับอัตโนมือ แม้ว่าจะใช้งานง่ายก็ตามที
ด้านหน้าคนขับ เหมือนในรุ่น RS ราวกับแกะ เจ้า Honda Civic 1.8 EL สนองความทันสมัยในการขับขี่ดูสวยงามด้วยหน้าปัดเรือนไมล์แสดงผลผ่านจอ TFT เช่นเดิมมันมาพร้อมกับพวงมาลัย 3 ก้านปรับตั้งระดับตามต้องการดั่งใจได้ 4 ทิศทาง สบายง่ายดายไม่ต้องควาญหาท่านั่งให้วุ่นวาย
บนพวงมาลัยเพียบพร้อมกับปุ่มกดสั่งการระบบเครื่องเสียงติดตั้งทางด้านซ้าย แถมด้วย Swipe Key เน้นใช้รูดปรับลดหรือเพิ่มเสียงระหว่างขับขี่ หลังๆ ผมมาค้นพบว่า บางทีเจ้าปุ่มนี่ก็น่ารำคาญ เพราะหลายครั้ง คุณอาจจะเผลอไปโดนมันอย่างไม่ตั้งใจ เช่นเวลาจับพวงมาลัยหรือเลี้ยวรถ เล่นเสียงเพิ่มจนแก้วหูแทบระเบิด ก็มีบ่อยครั้งไป ต้องระวังให้ดี... ฝั่งขวาเป็นตำแหน่งของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ติดตั้งมาให้เบ็ดเสร็จ ช่วยสบายในยามขับทางไกล ติดเพียงรุ่นนี้น่าจะให้ระบบ Paddle Shift มาด้วย เพราะใน Honda HR-V ก็มี ทำไมจัดให้หน่อยไม่ได้อ่ะ ..เศร้าใจจริง!!
ตรงกลางคอนโซลหน้า ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากมายนัก Honda Civic 1.8 EL ยังมาพร้อมกับระบบเครื่องเสียง Advance Touch แสดงผลบนหน้าจอ 7 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อระบบ Apple Carplay ขับกล่อมผ่านลำโพงรอบทิศทางในห้องโดยสารมากถึง 8 จุด ถูกใจคนชอบฟังเพลงดังๆ สกัดความจำเจการจราจรบนถนน
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติยังคงกลับมาพบกันเช่นเคยในรุ่นนี้แตกต่างเล็กน้อยเพียงไม่สามารถ แยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา มาให้เหมือนรุ่นเทอร์โบ น่าแปลกที่ฮอนด้า ไม่ยกเลิกฟังชั่นควบคุมพัดลมแอร์ผ่านหน้าจอออกไป แม้นจะมีสวิทช์ควบคุมพัดลมแอร์มาให้แล้วก็ตาม
มองผ่านทางด้านหลังทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ลักษณะเบาะนั่งท่านั่ง รวมถึงเราอยากจะบอกว่า Honda Civic ใหม่ ไม่มีช่องแอร์สำหรับตอนหลังมาให้ ..ทำเอาหลายคนคิดหนัก แต่จากที่ผมขับรถมาตลอดท่ามกลางแสงแดดเดือนพฤษภาคม ต้องยอมรับว่า ระบบปรับอากาศของรถค่อนข้างทั่วถึงใช้ได้
จิ้มปุ่มสตาร์ท..เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียงขนาด 1.8 ลิตร เริ่มต้นการทำงาน ขุมพลังบล็อกนี้เป็นเครื่องยนต์ดั้งเดิมคู่บุญ ของ Honda Civic กับเครื่องยนต์ตระกูล R Series รหัส R18Z1
ต้นกำลังบล็อกนี้ ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า สูงสุดที่ 6,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 174 แรงม้า สูงสุดที่ 4,300 รอบต่อนาที ลงตัวในการขับขี่มากขึ้นไม่หน้าทิ่มหัวคะมำระหว่างต่อเกียร์ด้วยชุดเกียร์ CVT ลื่นไหลเป็นเนื้อเดียวตลอดทุกย่านความเร็ว
เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร พร้อมระบบเกียร์ CVT จากฮอนด้า ...อาจจะคุ้นเคยกันบ้าง ผมสงสัยมาตลอดตั้งแต่เปิดตัวว่า Honda คงจะเอาเครื่องยนต์และชุดเกียร์ของ Honda HR-V มาใช้ และดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อมองไปยังอัตราทดเกียร์ 2.526-0.408 ขับลงอัตราทดเฟืองท้าย 4.992 ผมฟันธงเลยว่า Honda Civic ใหม่ รุ่น 1.8 ลิตร ใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกัน
เหยียบออกถนนสัมผัสบอกได้เลยว่าความรู้สึกการขับขี่ไม่ต่างจาก HR-V มากนัก คุณพอจะได้ความรู้สึกความสปอร์ตยามแต้มคันเร่งออกตัวกันบ้าง จากอัตราทดเฟืองท้ายเซทมา เน้นรอบจัดปั่นฝีเท้าเร่งแรงชิงไฟแดงออกตัวรีบไปจ่ายกับข้าวทันใจ
การเซทแบบนี้ช่วยให้รถออกตัวดี ที่สำคัญลดอาการกระเด้าเกียร์ที่เจอใน CVT หลายรุ่นหายเป็นปลิดทิ้ง อัตราเร่งแบบหลังจมเบาะเล็กๆ พอให้ได้ฟีลความสปอร์ตเร้าใจ ทุกอย่างดูดีในภาพรวมเว้นเพียงยามคุณตะบันคันเร่งติดพื้นอย่างต่อเนื่อง เจ้า CVT ชาญฉลาด จะเทกำลังหมดหน้าตัก จัดการฟาดแส้ลงดาบเฆี่ยนเครื่องยนต์สุดฤทธิ์ จนวัดรอบชี้เด่ ที่ 6,000 รอบต่อนาที รีดกำลังแรงม้าสูงสุด และค้างอยู่อย่างงั้นจนกว่าคุณจะสาแก่ใจ
การเร่งรอบเครื่องสูงๆ ค้างนานๆ อาจจะถูกใจโจ๋ขาซิ่งทั้งหลาย กลับกันยามคุณได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทรมานครางฮือๆ ตลอดเวลา อาจจะรู้สึกเสียวไส้บ้างแหละว่า ลูกสูบมันจะกระเด็นออกมาแสยะยิ้มให้คุณเห็นผลงานทีนโหดของคุณหรือไม่
ข่าวดีคือช่วงล่างระหว่างรุ่น RS และ 1.8 ลิตร แตกต่างกัน อย่างชัดเจนในความรู้สึก สัมผัสของ 1.8 ลิตร ออกมานิ่มนวลกว่าอย่างชัดเจน การซับแรงกระแทกจากถนนไม่ตึงตังเท่าเจ้าตัวเทอร์โบหรือรุ่น RS มันขับได้สบายกว่ามาก แม้เวลาคุณใช้ความเร็วก็ยังมั่นใจได้ แต่อย่าขับห่ามๆ แบบว่ารูดขวาปาดซ้ายในความเร็วสูง รถจะเริ่มออกอาการเสียวไว้ให้ สาวเข้ากรี๊ดแตกในรถบ้าง
การเซทติ้งที่เปลี่ยนไป ผมมาเจอข้อมูลจากรีวิวของพี่ Pan Headlightmag เล่าถึงข้อคำถามของเขากับทีมวิศวกรญี่ปุ่น ในเรื่องความแตกต่างของระบบกันสะเทือน จนพอสรุปตามคำบอกเล่าของวิศวกรว่า (อ้างอิง Review Civic)
Honda Civic ทั้ง 2 รุ่น ใช้ชุดโช๊คแบบเดียวกัน แต่ในตัวเทอร์โบจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องค่าสปริงโช๊คอัพทางด้านหน้า เพื่อรองรับน้ำหนักตกลงบนคานหน้าเพิ่มอีก 20 กิโลกรัม ส่วนโช๊คและสปริงหลังปรับให้หนืดกว่า เพื่อตอบสนองในการขับขี่ นอกจากนี้ในรุ่น RS ยังได้บุชช่วงล่างหลังพิเศษกว่าตัวเทอร์โบธรรมดา และท้ายสุดวิศวกรอาศัยหน้าสัมผัสของล้อและยางหรือ Tread Width มาสร้างความแตกต่างในสัมผัสของช่วงล่าง
จะว่าไปช่วงล่างของ Honda Civic 1.8 ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ถ้าคุณใช้งานทั่วไป และในทางตรงความเร็วสูงๆ ก็ยังมั่นใจได้เหมือนกัน ความนิ่มนวลถือเป็นเอกลักษณ์อันดีงามของ Honda Civic 1.8 มันอาจนุ่มนิ่มกว่า RS หรือเวอร์ชั่นเทอร์โบ แต่ลึกๆ แล้วก็แอบหนึบโดยอาศัยความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถัง คุณรู้สึกได้ทุกครั้งที่กระโดดคอสะพานอย่างการเดินทางบนทางหลวงมอเตอร์เวย์
ด้านระบบเบรกยังตอบสนองได้ดี หยุดทันใจมั่นใจไร้ปัญหา การเซทจังหวะและน้ำหนักแป้นเบรกทำออกมาได้สมความเป็นรถสำหรับใช้งานทั่วไป เน้นความนิ่มนวลถ้าคุณชอบเบรกช้าๆ คลึงเบรกๆ เบาๆ เพื่อหยุด หรือจะเหยียบกระแทกให้หยุดเลยก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน .... แต่ผมคาดว่าผ้าเบรกคงจะคนละตัวกับรุ่น RS อย่างแน่นอน
ส่วนการตอบสนองพวงมาลัยในตัว 1.8 ลิตร มีระยะฟรีเข้ามาเล็กน้อยเน้นความสบายในการใช้งาน จริงๆ การมีระยะฟรีทำให้มันได้สัมผัสความนิ่มนวลในการขับขี่ คุณจะคุมพวงมาลัยได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม มีสมาธิในการขับขี่มากขึ้น น้ำหนักพวงมาลัย เบากว่าตัว RS นิดหน่อย เพื่อให้การใช้งานง่ายดายขึ้น สังเกตได้ทันทีตอนถอยเข้าออกที่จอดรถ เรื่องเปลี่ยนทิศทางระยะทดพวงมาลัยไม่แตกต่างกัน แค่คมน้อยกว่า
สรุป Honda Civic 1.8 EL สวยคุ้มค่า ถ้าเน้นหล่ออย่างเดียว
ผมใช้เวลากับเจ้า Honda Civic 1.8 EL เงียบๆ หลายวัน ขับมันใช้งานจริงในทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ในเมือง รถติดสะบัด ไปจนถึงขับออกต่างจังหวัด และขับทำความเร็ว ลองสมรรถนะบ้างพอหอมปากหอมคอ ..
น่าแปลก Honda Civic 1.8 EL กลายเป็นรถที่ผมหลงรักในเรื่องความสบายมันได้ความหรูหรามากพอตัว เหมาะสมต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ตามภาษารถบ้านเพื่อใช้งาน เรื่องอัตราประหยัดผมถือว่าทำได้ดีกว่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร บล็อกเดิมจากการเข้ามาประจำการของระบบเกียร์ CVT
ตารางแสดงอัตราประหยัด Honda Civic 1.8 EL
|
อัตราประหยัด (ก.ม./ลิตร) |
ในเมือง |
10.73 |
นอกเมือง |
11.84 |
Bonn Test Mode |
17.54 |
หมายเหตุทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 นั่ง 2 คน
แม้นเราอาจจะค่อนขอด Honda เล็กน้อยว่า เครื่องยนต์บล็อกนี้เล่นง่ายเหมือนจับยำใหญ่จาก Honda HR-V มาสู่ตัวถัง Civic มันตรงกับสุภาษิตว่า “เหล้าเก่าในขวดใหม่” แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหล้าเก่าที่บ่มเอาไว้นานบางครั้งมันกลมกล่อมมากกว่าเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ ตรงใจผู้บริโภคและด้วยน้ำหนักตัวรถเบากว่าในรุ่นเทอร์โบตัว RS กว่า 75 กิโลกรัม หากคุณเป็นนักขับมือเก๋ามากประสบการณ์บางครั้งคนที่ขับรถเทอร์โบก็คงอาจจะต้องมองบ้างล่ะ ...เอ้ย!! เราเทอร์โบนะ
ตารางแสดงอัตราเร่งของ Honda Civic 1.8 EL
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. |
10.817 |
10.902 |
11.253 |
10.991 |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. |
6.900 |
7.300 |
7.000 |
7.067 |
หมายเหตุทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอลล 95
จากการทดสอบของเรา ใน Performance Mode ตามมาตรฐาน Full Review ของผม พบว่าอัตราเร่งของ Honda Civic 1.8 EL ไม่ขี้เหร่อย่างที่เราคิดถึงมันจะช้ากว่ารุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ ก็ไม่ถึงขนาดว่าทิ้งกันจนจำป้ายทะเบียนไม่ได้ จากการทดสอบเจ้าน้องพันแปด ทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.เฉลี่ยอยู่ที่ 10.991 วินาที และ ทำอัตราเร่ง 80-120 ก.ม/ช.ม อยู่ที่ 7.067 วินาที
ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า ก็คงไม่พ้นความเร็วสูงสุดที่มีหนาวไส้สำหรับใครที่จะซื้อเทอร์โบแล้วรู้ว่ามันล็อคเอาไว้ที่ 207 ก.ม./ช.ม. เราเชื่อว่าด้วยเหตุผลของความทนทานของเครื่องยนต์ หากในรุ่น 1.8 ลิตร Honda ไม่ได้ล็อคความเร็วเอาไว้ ผมลองเหยียบท่ามกลางทางตรงแถวบ้านยาว 3 กิโลเมตร กล้าพูดตรงนี้ว่า เทอร์โบยกเมื่อไรมีโดน 1.8 บ้านๆ สวนด้วยเท่าที่ลองความเร็วสูงสุดผมทำได้ 209 ก.ม./ช.ม. และยังไปต่อได้อีกถ้ามีถนนที่ตรงยาวๆ กว่านี้ ... ว้าว+++ สุโค่ย!! จริงๆ
จนต้องกล่าวว่า แม้กายภายนอกจะดูเป็นรถใช้งานขับสบายๆชิวๆ แต่เมื่อเอาจริงเอาจังขึ้นมา Honda Civic ตัว 1.8 ลิตร ก็ไม่เป็นสองรองจากรุ่นเทอร์โบ เพียงแต่คุณต้องรู้จังหวะจับจุดให้ถูกในระหว่างการขับขี่ และต้องรู้ข้อเสียเปรียบในยามทำความเร็วสูง ซึ่งก็คือช่วงล่างนั่นเอง
การทดสอบทำในสถานที่เหมาะสมและทำโดยผู้ชำนาญการขับ ห้ามลอกเลียนแบบ
เปรียบมวยสักนิด ... คันไหนลงตัวกว่า
ตลอดเวลาในช่วงเวลาที่ผ่านมา คำถามที่ผมเชื่อว่าทุกคนอยากทราบคำตอบคงไม่พ้น ... เลือก Honda Civic รุ่นไหนคุ้มกว่ากัน...ความจริง ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้ไปแล้วครั้นย้อนกลับไปช่วงที่นำตัวเทอร์โบมาขับ และวันนี้จะมาสรุปอีกครั้งว่าหลังขับเป็นอย่างไรบ้าง
ลองจินตนาการถึงหนุ่มหล่อในดวงใจของคุณสองคน คนหนึ่งเป็นนักกีฬามาดเข้ม เป็นนักวิ่งลมกรดระดับมหาลัยหล่อเท่สมาร์ท ครบเครื่อง ... ไปไหนด้วยดี แต่เหมาะกว่าถ้าคุณจะชวนฮี. .ไปวิ่งที่สวนลุม หรือวิ่งมาราธอนอะไรแบบนี้ ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มหล่อมาดผู้ดี ราศีจับชวนไปไหนก็ไป เอาใจเก่ง พบพ่อตาแม่ยายเป็นปลื้ม ...คุณว่าแบบไหนจะเหมาะกับความจริงในชีวิตประจำวันของคุณ
ทั้งสองคนที่ผมพูดถึง คือตัวตนที่ผมรู้สึกจาก Honda Civic ใหม่ ทั้งคู่ต่างดูเท่ห์ลงตัวในแบบของพวกมันเอง ...ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่าง Honda Civic 1.8 และ 1.5 เทอร์โบ ถามผม..ผมว่ารถตอบความเป็นตัวมันอยู่แล้ว .. งานนี้ผมคงยกรุ่น RS ขึ้นหิ้งไป เพราะราคามันโดดมากไป จนคุณคงอยากรู้สึกว่าอยากจะหนีไปเล่น Honda Accord มากกว่า เว้นแต่ว่าใจมันรักฮอนด้าจริงๆ จะคบ RS ก็ไม่ว่ากัน มันไม่ต่างจากดาราเกาหลีหน้าหล่อพ่อเนื้อทอง ที่ใครก็อยากจะไขว่คว้ามาขี่ แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถครอบครองได้
เมื่อเปรียบเทียบกัน ระหว่างรุ่น 1.8 EL และ 1.5 Turbo เวอร์ชั่นธรรมดา ผมว่าออพชั่นโดยรวมจะแตกต่างกันไม่มากจนเป็นจุดสังเกต มีเพียงล้ออัลลอยขนาดใหญ่กว่า ปลายท่อไอเสียคู่ และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ตลอดจนในในห้องโดยสาร คุณก็จะได้เบาะฝั่งคนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง และ ระบบปรับอากาศแยกอิสระซ้าย-ขวาเข้ามา นอกนั้นไม่ได้ต่างจากตัว 1.8 EL เลยแม้แต่น้อย หากไม่นับเครื่องยนต์
อย่างไรก็ดีการได้ขุมพลังใหม่ 1.5 เทอร์โบ คงถูกใจคนที่ชอบสมรรถนะในการขับขี่ เราต้องยอมรับมันเร้าใจมากกว่า และระบบกันสะเทือนตลอดช่วงล่างถูกปรับให้เข้ากับคุณลักษณะของเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงและเน้นทำความเร็วเป็นสำคัญ และยังประหยัดเท่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
ตารางแสดงอัตราประหยัดเปรียบเทียบระหว่าง Honda Civic 1.8EL และ Honda Civic 1.5 Turbo RS
|
อัตราประหยัด (ก.ม./ลิตร) |
|
|
|
Honda Civic 1.8 EL |
Honda Civic 1.5 Turbo RS |
ความแตกต่าง |
ในเมือง |
10.73 |
10.73 |
ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะ |
นอกเมือง |
11.84 |
12.29 |
Honda Civic 1.5 Turbo ทำอัตราประหยัดนอกเมืองดีกว่า 3.66% |
Bonn Test Mode |
17.54 |
16.11 |
Honda Civic 1.8 EL ทำอัตราประหยัดเฉลี่ยรวมดีกว่า 8.15% |
ตารางแสดงเปรียบเทียบ อัตราเร่งจากผลเฉลี่ยรวม ระหว่าง Honda Civic 1.8EL และ Honda Civic 1.5 Turbo RS
|
Honda Civic 1.8 EL |
Honda Civic 1.5 Turbo RS |
ความแตกต่าง |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. |
10.991 |
9.033 |
Honda Civic 1.5 Turbo เร็วกว่า 17.81% |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. |
7.067 |
5.700 |
Honda Civic 1.5 Turbo เร็วกว่า 19.34% |
ตารางเปรียบเทียบรอบเครื่องยนต์ ระหว่าง Honda Civic 1.8EL และ Honda Civic 1.5 Turbo RS
Honda Civic 1.8 EL | Honda Civic 1.5 Turbo RS | |
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็ว 100 กม./ช.ม. | 1700 | 1900 |
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็ว 110 กม./ช.ม | 1900 | 2100 |
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็ว 120 กม./ช.ม | 2100 | 2300 |
ถึงแม้โชว์ออฟดีกว่า แต่ Honda Civic 1.5 Turbo มันมีจุดบอดเพียง 2 เรื่องสำคัญ คือ 1. มันไม่รองรับพลังงานทางเลือก E85 เหมือน รุ่น 1.8 ลิตร และ 2. คุณจะเซ็งที่ Honda ล็อกความเร็วไว้ 207 กม./ช.ม. ขณะที่เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรไมได้ล็อกเอาไว้
ถ้าถามผม.. บอกเลยว่า Honda Civic 1.8 EL เป็นรถที่เหมาะแก่การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน มันพร้อมตอบเรื่องอัตราประหยัดในการขับขี่ ซิ่งได้บ้างพอหอมปากหอมคอ อาจไม่มากมายขนาดที่คุณจะใช้วัดกับใครต่อใครบนถนนตลอดเวลา
ส่วนทางด้านรุ่นเทอร์โบ มันครบเครื่องคุ้มค่าคำว่า All – New ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ ความเร้าใจไม่ต่างจากเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ทั้งยังประหยัดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร แถมช่วงล่างก็เซทมาพร้อมซิ่งตอบสนองได้ดีสำหรับขาโหด ถ้าชอบทำตัวเป็นนัดมุดบนท้องถนน หรือ ใบสั่งจากกล้องจับความเร็วไม่มีผลต่อตังค์ในกระเป๋าของคุณ
ผมเหยียบใช้ความเร็วทิ้งทวนก่อนเอา Honda Civic 1.8 EL กลับสู่อ้อมอก Honda และพยายามคิดคำถามเดียวกัน กับทุกคน ตกลงรุ่นไหนคุ้มกว่า ... ถ้างบไม่ใช่ปัญหา ผมเรียนตามตรงว่า รุ่นเทอร์โบยังไงก็คุ้มค่าคุ้มราคา ทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป
แต่สำหรับเจ้า Honda Civic 1.8 EL แล้ว มันก็มีดีในแบบที่มันเป็น มันคือรถยนต์คอมแพ็คคาร์สะท้อนความภูมิฐานออกมาอย่างสง่างาม ถึงเครื่องยนต์จะไม่ใหม่หมด แต่สมรรถนะของมันก็ไม่ได้เป็นรองจากตัวเทอร์โบมากมาย แถมยังขับสบายกว่า เหมาะกับคนที่มองหารถที่ดูดี เน้นความประหยัดในการขับขี่ ใช้งานง่ายๆ สบายๆ ซึ่งนี่คือโจทย์ที่คนส่วนใหญ่คิด เมื่อต้องการซื้อรถยนต์ไว้ใช้สักคัน...จริงไหมครับทุกท่าน
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog ส่วนตัว
รถทดสอบ Honda Civic 1.8 EL
ราคาจำหน่าย 959,000 บาท
สิ่งที่ชอบ :การออกแบบที่เปลี่ยนไปในแนวทางความหรูหราทำให้รถดูดีแตกต่างจากเดิม รวมถึงการเซทรถให้นุ่มนวลขับง่ายและสบายกว่ารุ่น เทอร์โบ
สิ่งที่ไม่ชอบ : การให้ออพชั่นบางอย่างยังไม่ครบถ้วน ทั้งที่ควรจะมีมาให้ใช้งาน อย่างเช่นปรับน้ำฝนอัตโนมัติ น่าจะให้มาเป็นมาตรฐานได้แล้วนะครับ
สิ่งที่อยากให้มี : ฟังชั่นบางอย่างก็ไม่ควรจะกั้กไว้ อาทิ Paddle Shift และปัดน้ำฝันอัตโนมัติ
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ : ตัว 1.8 ลิตร ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิด มันอาจจะเร่งไม่เร้าใจเท่ากับเทอร์โบ แต่ความสามารถของมันในการเป็นรถยนต์ให้คุณขับใช้งานได้ทุกวันถือว่า ทำออกมาได้ไม่เลวเลย รถมีความนุ่มนวล สบายในการขับขี่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันน่าจะให้ฟังชั่นต่างๆมากกว่านี้
สิ่งที่ไม่ได้ทดสอบครั้งนี้ : อัตราประหยัด E85
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com