Full Drive : Foton Tunland 2.8 S Double Cab 4WD กระบะลุยแดนมังกร....หัวใจอินเตอร์
- โดย : Autodeft
- 25 ก.ย. 60 00:00
- 62,394 อ่าน
ถ้าจะกล่าวถึง Foton อาจจะเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาดในรถยนต์เมืองไทย แต่รู้ไหมว่าแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จมากมายในฐานะผู้นำรถเพื่อการพาณิชย์อันดับต้นๆของจีน ด้วยผลิตภัณฑ์ทั้งรถบรรทุกขนาดเล็กจนถึงหัวลาก รถตู้ ฯลฯ จนสามารถผลิตรถยนต์ป้อนตลาดทั่วโลกไปมากกว่า 8 ล้านคันและถูกจัดเป็น 1 ใน 10 อันดับผู้ผลิตรถยนต์ของโลกที่ทรงอิทธิพลของโลก
พร้อมในอีก 3 ปี ข้างหน้า โฟตอน วาดฝันมุ่งมันเป็นผู้ผลิตระดับนานาชาติที่มีตัวสินค้าครอบคลุมทำให้ เล็งเห็นถึงศักยภาพตลาดรถยนต์ในเมืองไทย ก่อเกิดเป็น โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) พร้อมเปิดโรงงานประกอบรถยนต์แถวบางชัน เพื่อผลิตและส่งออกไปยังอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆที่ใช้รถยนต์พวงมาลัยขวา
ดาวเด่นประจำค่ายคงจะไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นกระบะหนึ่งเดียวในนาม Foton Tunland โดยมีจำหน่ายทั้งรุ่นตอนเดียว Single Cab และสี่ประตู Double Cab เกียร์ธรรมดา (เกียร์อัตโนมัติมาเร็วๆนี้) ความหล่อฉกาจมองทั่วไปอาจมีความคล้ายคลึงกับคู่แข่งเจ้าใหญ่ๆ พอสมควร แต่ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่กระจังหน้าโครเมี่ยมรูปทรงตัว Y พร้อมโลโก้ Foton ขนาดใหญ่ กลมกลืนทรงพลังด้วยไฟหน้า Projector รับกับกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ ถัดลงมาไฟกลมๆซ้าย-ขวา ที่คิดว่าอาจติดตั้งไฟตัดหมอกหน้าแต่ความจริงกลับกลายเป็นไฟส่องสว่างเวลากลางวันหรือ Daytime Running Lights นั่นเอง ด้านข้างหรูหราแบบรถ SUV ด้วยกระจกมองข้างโครเมี่ยมพร้อมไฟเลี้ยวในตัว (ไม่มีพับไฟฟ้า) ถัดลงมาเป็นล้ออัลลอยลายสวยขนาด 17 นิ้วพร้อมยางขนาด 265/65 R17จากค่าย Ling Long พร้อมคิ้วขอบล้อขึ้นรูป บันไดข้างติดตั้งจากโรงงานขึ้นรูปสีดำ แต่การขึ้น-ลงนั้นอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เนื่องด้วยความกว้างของตัวบันไดข้างอาจแคบไปนั่นเอง
ด้านท้ายออกแบบมาอยู่ในเกณฑ์รับได้ถึงบางจุดอาจคล้ายกับกระบะเจ้าดังๆ โดยเฉพาะขอบฝากระบะท้ายที่มีสปอยเลอร์แบบ Built-In ในตัว ดึงดูดให้มีเสน่ห์ขึ้นทันทีพร้อมใจดีติดตั้งที่เปิดฝาเปิดกระบะท้ายแบบ Single Touch กึ่งโครมี่ยม ติดตั้งพื้นปูกระบะไลเนอร์เป็นออพชั่นมาตรฐาน ที่งานนี้ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มหรือเป็นของแถมจากเซลล์ขายรถอีกต่อไป กันชนหลังดีไซน์ตัว U หรือ U-Shape สีเดียวกับตัวรถติดไฟตัดหมอกหลังมาให้และมีสัญญาณกะระยะถอยหลัง Parking Sensor 2 จุด มาให้อย่างลงตัวแต่ที่ขาดคือน่าจะกล้องมองหลังติดมาให้
มิติตัวรถกระบะรุ่น 4 ประตูเทียบเท่าคู่แข่งระดับหัวกะทิ ตั้งแต่ความยาว 5,310 มม. ความกว้าง 1,880 มม. ความสูง 1,870 มม.ระยะฐานล้อ 3,105 มม.ระยะความสูงจากพื้น 210 มม. น้ำหนักรถ 1,950 กก. มิติกระบะภายใน เริ่มที่ความยาว 1,520 มม. ความกว้าง 1,580 มม. ความสูง 440 มม. และความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร
เมืองไทยอาจเป็นหนึ่งเดียวที่ส่งแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่หมดพร้อมการจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆให้สวยงามและหยิบจับสะดวกขึ้น มาตรวัดทั้งความเร็ว และรอบเครื่องยนต์มาในโทนสีเขียว รู้สึกสีของมาตรวัดจะโบราณหน่อยแต่ยังอ่านง่ายสบายตา พร้อมจอแสดงผลขนาดเล็ก ที่บอกทั้งบันทึกระยะทาง จอแสดงอัตราสิ้นเปลือง และพิเศษยิ่งขึ้นด้วย จอแสดงตรวจสอบแรงดันลมยาง ดูแล้วเข้าท่าเลยทีเดียว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์สามก้าน ควบคุมทั้งปุ่มวิทยุและปุ่มระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ปรับสูงต่ำได้ แต่ไม่มีปรับยืด-หดเข้าหาตัว คอนโซลกลางดีไซน์คล้ายกับรถเก๋งกลางญี่ปุ่นระดับหรู แต่มองชัดเจนด้วยชุดเครื่องเล่น DVD จอมสัมผัส ที่ให้ลำโพงมากถึง 4 ตัว ฟังแล้วเสียงจัดอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ แต่เสียดายไม่มีระบบนำทางกับกล้องมองหลังให้ ซ้ำร้ายจอสัมผัสตัวนี้กับไม่มีตั้งค่าภาษาเป็นภาษาไทยด้วยอีก ซึ่งจุดนี้อยากให้ปรับปรุง
ถ้าไม่ให้จะถือว่าตกเทรนด์ด้วยกระจกไฟฟ้าแบบ One –Touch ทั้ง 4 บาน กับ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติที่บางทีเสียงคอมแอร์อาจดังไปหน่อยแต่ยังดีที่เย็นถึงใจ คันเกียร์ออกแบบให้จับง่ายใช้งานคล่อง ข้างๆคอนโซลเกียร์ จะมีสวิตช์ เปิด-ปิด การทำงานระบบป้องกันลื่นไถลและควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และปุ่มการทำงานระบบ 4WD ถือว่าสะดวกใช้งานง่าย พร้อมที่เก็บของพร้อมฝาปิดและที่วางแก้วขนาดใหญ่สองตำแหน่ง กุญแจที่ติดรถมานั้นกลายเป็นแบบพับเก็บได้ทรง Jack Knife Type แม้จะล้าสมัยไปหน่อยที่ยุคนี้ใช้กุญแจรีโมทใหม่แบบใส่ในกระเป๋าเสื้อและสั่งปลดล็อคด้วยสวิตช์เล็กๆฝั่งก้านเปิดประตู นอกจากนี้ยังสามารถสั่งปลดล็อค ได้ทั้งแบบปลดล็อคจังหวะเดียว(ฝั่งคนขับ)และสองจังหวะ (ทั้ง 4 บาน) หรือปลดล็อคทีเดียวทั้ง 4 บาน ได้เช่นกันซึ่งสามารถเซตตั้งค่าได้ตามต้องการของเจ้าของรถที่แผงมาตรวัดได้เลย
สบายไม่แพ้เจ้าดังๆ กับ เบาะนั่งหน้า-หลังหุ้มด้วยวัสดุหนังด้วยโครงสร้างของตัวเบาะที่ออกแบบให้นั่งสบาย โดยตำแหน่งคนขับปรับสูง-ต่ำได้ 6 ทิศทาง แต่ก็อย่างที่บอกละครับสำหรับเบาะคนนั่งกลับวางตำแหน่งเบาะสูงเกินไป ควรจะปรับให้ลดลงมาสักนิด ส่วนเบาะนั่งหลังตัวเบาะมีตำแหน่งที่เอนลงมาทำให้สบายบวกกับหมอนรองศีรษะที่ใหญ่ช่วยให้ตลอดการเดินทาง เสียดายให้หมอนมาแค่ 2 ใบอยากให้เพิ่มตรงกลางและที่พักแขนตรงกลาง ช่วยให้ไม่เมื่อยล้าในการเดินทาง
เมื่อ Foton ต้องการสื่อสารถึงลูกค้าที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน กับการเป็น รถยนต์ ตัวแกร่งรวบรวมเทคโนโลยีจากซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกมาอยู่ในคันเดียว ดังนั้นขุมพลังจึงทันสมัยทัดเทียมค่ายใหญ่ ค่ายรอง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ รหัส ISF2.8s4161P จาก Cummins ผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลระดับโลก ขนาด 2.8 ลิตร 4 สูบ High-Power โดยให้พละกำลังมากสุด 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,000 รอบต่อนาที ให้ค่าอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 197 กรัม/กม.
สมรรถนะของเครื่อง 2.8 ลิตร 163 แรงม้าที่ได้จากผู้ผลิต Cummins ตอบสนองอย่างทรงพลังตั้งแต่ตีนต้นยันตีนปลายความว่องไวมีให้เหลือเฟือ เร่งแซงทันใจ ถึงแม้เทอร์โบทำงานตั้งแต่ 2,000 รอบ แถมรอบจะสูงไปพอสมควร ด้านการเก็บเสียงยังเหมือนกับตอนที่ไปทดสอบกลุ่มที่ชลบุรี นั่นคือ เงียบอยู่ในระดับพอสมควรยังเพลิดเพลินสนทนา ฟังเพลงกันได้และการบุเสียงทำได้ดีสมน้ำสมเนื้อกับเจ้าดังๆ และดีกว่าค่ายรถแดนภารตะ แต่ในช่วงความเร็วสูงๆมีเสียงเครื่องยนต์เล็ดลอดมาพอสมควร
รอบการทำงานของเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร
ความเร็วที่ขับขี่ (กม./ชม.) |
รอบเครื่องยนต์ (รอบ/นาที) |
90 |
1,700 |
100 |
1,950 |
110 |
2,100 |
120 |
2,350 |
ระบบส่งกำลังเป็นแบบธรรมดา 5 สปีด ที่คนทั่วไปมองแล้วอาจไม่ทันสมัยเพราะเขาไปถึง 6 สปีด กันแล้วแต่อย่างน้อยเกียร์ลูกนี้ได้ซัพพลายเออร์ชั้นดีจากเยอรมนีอย่าง Getrag รุ่น JC538 เข้ามาประจำการให้ดูดีมีภาษี พร้อมอัตราทดเกียร์ตามตารางดังนี้
เกียร์ 5 สปีด Getrag รุ่น JC538 |
อัตราทดเกียร์ |
1 |
4.016 |
2 |
2.318 |
3 |
1.401 |
4 |
1.000 |
5 |
0.723 |
เกียร์ถอยหลัง |
3.549 |
อัตราทดเฟืองท้าย |
3.91 |
ด้านการทำงานของเกียร์ลูกนี้ช่วงเกียร์ 1-4 มีกำลังที่ต่อเนื่อง ฉับไว แต่ถ้าหากจากเกียร์ 4 เข้าเกียร์ 5 ผลออกมาคือ รอบตก ออกอาการอืดๆ เป็นเพราะอัตราทดเกียร์ออกแบบมาไม่ค่อยลงตัว และถ้าอยู่ในช่วงเร่งแซงต้องตบลงมาที่เกียร์ 4 จึงสามารถเร่งแซงได้ โดยจุดนี้อยากให้พัฒนาอัตราทดใหม่ให้สมดุลมากที่สุด ส่วนชุดคลัตช์ค่อนข้างสูงและไวในตอนปล่อยแต่ลึกนิดๆตอนเหยียบ ถ้าขับรถเกียร์ธรรมดาคันประจำแล้วถ้ามาขับคันนี้ต้องเรียนรู้กันสักนิดในการใข้งาน นอกจากระบบส่งกำลังเดินหน้า 5 สปีด ยังได้ชุดทรานเฟอร์ จากค่าย Borg Warner ที่สามารถปรับเปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H ในความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และมี Limited Slip Differential (LSD) และ เพลากับเฟืองขับต่างๆจาก Dana เป็นมาตรฐานประจำรุ่น
ขับแล้วไม่ผิดหวังจริงๆโดย เจ้ากระบะแดนมังกรรายนี้ ทำผลงานดีในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ด้วยตัวเลขสิ้นแปลือง จากโปรแกรม Save Mode ทำได้ 14.95 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 63.5 กม.และจัดน้ำมันดีเซลเต็มถังจากปั๊มแถวบางใหญ่ 4.248 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามสภาพการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ด้านการใช้งานในเมืองทีมีการจราจรคับคั่งได้ตัวเลข 6.94 กม./ลิตร ปิดท้ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองนอกเมือง ว้าวแน่นอนเพราะตัวเลขที่ออกมานั้นใกล้เคียงกับเจ้าใหญ่ยอดขายดี ด้วยตัวเลข 15.69 กม./ลิตร จากระยะทาง 124 กม. เส้นทางจากปั้มน้ำมันใน อ.เมือง ชลบุรี ถึง ปั้มย่านบรมราชชนนี กรุงเทพฯ และเติมเข้าไปเต็มถัง 7.90 ลิตร นับว่าเป็นตัวเลขสิ้นเปลืองที่ถือว่าน่าประหลาดใจจริงๆและไม่คิดว่าปิกอัพแดนมังกรกล้าทำได้ขนาดนี้ต้องยกนิ้วให้เลย
ตารางแสดงอัตราประหยัด Foton Tunland 2.8 S Double Cab 4WD
โหมดการขับขี่ |
อัตราประหยัด (กม./ลิตร) |
ในเมือง |
6.94 |
Save Mode |
14.95 |
นอกเมือง |
15.69 |
คราวก่อนที่ได้ไปทดสอบกลุ่ม เคยบอกไปแล้วว่าช่วงล่างของเจ้ากระบะรุ่นนี้ มีทั้งความแข็งและดีดเด้ง ทั้งในช่วงความเร็วกลางๆจนความเร็วสูงแต่พอกลับมาขับอีกครั้ง ก็ยังพบอาการนี้อยู่เช่นเดิมแทบไม่แตกต่างกัน และการเข้าโค้งยังสอบผ่าน ไปวัดไปวาได้ระดับหนึ่ง โดยช่วงล่างหน้าเป็นแบบ แบบอิสระปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อน ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการปรับปรุงให้ถูกจริต ถูกใจคนไทยมากที่สุด
ด้านการบังคับเลี้ยวยังเป็นระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบธรรมดา ไร้ไฟฟ้า ที่น้ำหนักยังคงเส้นคงวาเช่นเดิม กำลังดี แต่ทว่าในช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. กลับมีอาการสั่นๆชนิดเจ้าเข้า ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยกับรถกระบะยุคนี้ แต่ความเร็วต่ำกว่า หรือ สูงกว่า 120 กม./ชม. อาการดังกล่าวไม่ปรากฎ หายปลิดทั้งทันที
ไฮไลต์เด็ดอยู่ตรงที่ระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ ครั้งแรกในวงการรถกระบะเมืองไทย เมื่อเหยียบเบรกไปราว 30-40 % ตอบสนองช้าไม่ฉับไว จึงต้องเหยียบเพิ่มไปอีกเป็น 50 % ตัวรถจึงเริ่มหยุด ถึงนวัตกรรมนี้จะพึ่งลงในกระบะจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง แต่ประสิทธิภาพที่ออกมาครั้งนี้ ยังต้องปรับปรุงให้ทันใจมากขึ้น ถึงแม้จะมีระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD จาก Bosch เยอรมนี เข้ามาเสริมทัพในการห้ามล้อก็ตาม
ถึงจะเป็นน้องใหม่ในวงการสำหรับ Foton Tunland แต่ต้องเจองานช้าง เพราะมีทั้งบรรดาค่ายใหญ่ค่ายรองช่วงชิงแย่งตลาดกันทำให้ต้องเข็น โปรโมทมากขึ้น และที่สำคัญต้องผ่านด่านค่ายรถแดนโรตีให้ได้ แต่ด้วยตัวรถที่ดีไซน์ดูดีมีเสน่ห์ ยังทำให้คนมาเหลียวมองมากขึ้น อีกจุดที่นายกย่องนั่นคือภายในที่หรู ครับครัน ทันสมัย และความดีของกระบะรุ่นนี้ ยังให้ความประหยัดแบบ อึง ทึ่ง กันยกใหญ่ จากเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ค่าย Cummins ที่แรงเหลือเฟือ ไม่ซดน้ำมัน
ด้วยรถที่ได้รับมาทดสอบนั้นเป็นรถ Pre-Production ความประณีตในการประกอบ อาจไม่เรียบร้อย เช่น ช่องไฟการประกอบ รวมถึง กระจกไฟฟ้าคู่หน้า ที่เปิด-ปิดกลับมีเสียงดัง เบาะนั่งหน้าฝั่งคนนั่งที่ตำแหน่งสูงไปหน่อยพร้อมช่วงล่างที่แข็งผสมเด้ง พวงมาลัยสั่นๆ อัตราทดเกียร์ช่วง 4-5 ที่ไม่สมดุล เบรกลึก ฯลฯ ล้วนเป็นจุดที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น
และค่าตัวที่ใกล้เคียงกับค่ายใหญ่ ค่ายรอง การมาครั้งนี้จึงเข้ามาเป็นตัวเลือกสำหรับสิงห์รถกระบะที่ต้องการความต่างไม่ซ้ำใคร กับ Foton Tunland 2.8 S Double Cab 4WD ในราคา 826,200 บาท
เรื่องและขับทดสอบโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)
ขอขอบคุณ บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความอนุเคราะห์รถกระบะ Foton Tunland มาทดสอบ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com