Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Ford Ranger พิชิตความแกร่งกว่า 3,000 โค้ง ออฟโรดสุดท้าทาย กับทริป Mission Possible จ.ตาก

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 17 มิ.ย. 62 00:00
  • 11,384 อ่าน

หนึ่งการเดินทางพิสูจน์ความแกร่งพร้อมทำภารกิจสุดท้าทายอีกครั้ง กับ ฟอร์ด ประเทศไทย ครั้งล่าสุดนี้กับภารกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนเขตวัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง บ้านเลตองคุ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ที่นอกจากจะได้นำสิ่งของและร่วมกันพัฒนาชุมชนแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่ทีมงานได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ Ford Ranger Limited บนเส้นทางอุปสรรคหลากหลาย ทั้งทางโค้งไปกลับกว่า 3,000 โค้ง รวมไปถึงเส้นทางอ

สำหรับทริปการเดินทางเข้าไปที่ บ้านเลตองคุ จังหวัดตาก ในครั้งนี้ ทางทีมงานได้ใช้ Ford Ranger Limited รุ่น 4 ประตู ที่มาพร้อมระบบเกียร์ 10 สปีดใหม่ล่าสุด ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน TDCI ให้กำลังสูงสุด180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้เพียงการหมุนที่บริเวณฐานคันเกียร์ โดยระยะทางรวมการเดินทางไปกลับในครั้งนี้รวมแล้วกว่า 500 กิโลเมตร ที่มีการแบ่งออกเป็นถนนปกติเลนสวนในลักษณะเส้นทางบนเขา ที่มีโค้งซ้ายขวาสลับไปมาอยู่ตลอด และเส้นทางช่วงสุดท้ายก่อนถึงจุดหมายประมาณ 17 กิโลเมตร กับเส้นทางแบบออฟโรดที่ต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง ในการขับขี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร่องน้ำขนาดใหญ่ สภาพเส้นทางที่เปียกและลื่นจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เส้นทางแคบผ่านช่องเขา รวมไปถึงการขับขี่ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหินก้อนเล็กก้อนใหญ่มากมายบนพื้น

Ford Ranger

Ford Ranger

เริ่มต้นการเดินทางในวันแรกจากสนามบินแม่สอด รับภารกิจเพื่อนำสิ่งของ อุปกรณ์ต่างๆ ไปยังบ้านเลตองคุ โดยทีมงานได้รับภารกิจในการบรรทุกแท้งก์น้ำ รวมไปถึงในคณะที่จะต้องบรรทุกทั้ง เครื่องปั่นไฟ โซลาร์เซลล์ และวัสดุก่อสร้างเพื่อใช้ในการบูรณะโรงเรียนและสถานที่สาธารณะในชุมชน ทั้งหมดล้วนมีน้ำหนักมาก ซึ่งสำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ นั้นได้ถูกออกแบบให้สามารถรองรับการบรรทุกได้กว่า 961 กิโลกรัม และลากจูงได้สูงถึง 3,500 กิโลกรัม สำหรับรุ่นไวล์ดแทรค และรุ่นลิมิเต็ด ที่ใช้ในภารกิจครั้งนี้ ตลอดเส้นทางกว่า 200 กิโลเมตร จากอำเภอแม่สอดไปยังอำเภออุ้มผาง เส้นทางที่เป็นแบบเลนสวน และแคบลงเมื่ออยู่บนเขาที่มีทางโค้งไปมาตลอดเส้นทางนับพันๆ โค้ง ที่ถูกเพิ่มความท้าทายมากยิ่งขึ้นด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเกือบตลอดเส้นทาง ทำให้การขับขี่วันนี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากกับสภาพถนนที่ลื่น และนับเป็นอีกบทพิสูจน์สมรรถนะช่วงล่างของรถในการเกาะถนน รวมทั้งระบบพวงมาลัยไฟฟ้าและระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ที่ช่วยให้การควบคุมรถและการทรงตัวผ่านโค้งผ่านไปได้อย่างมั่นใจ จนในที่สุดก็เดินทางมาถึงยังที่พักในคืนแรก ก่อนที่วันพรุ่งนี้คณะจะเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตองคุ อันเป็นจุดหมายการเดินทางในการทำภารกิจสำคัญในครั้งนี้

Ford Ranger

Ford Ranger

วันถัดมาพร้อมออกเดินทางสู่บ้านเลตองคุ พื้นที่วัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงฤาษีที่มีประวัติศาสตร์นานกว่า 200 ปี ที่ยังคงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลก โดยวิถีชีวิตของกระเหรี่ยงเลตองคุ คือการปลูกพืชสวน พืชไร่ โดยยังคงรักษาวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อแบบดั้งเดิมไว้ เช่น การห้ามตัดผม โดยผู้ชายจะมวยผมไว้ตรงกลางหัว ส่วนผู้หญิงจะมวยผมไว้ที่ท้ายทอย ชาวเลตองคุจะไม่เลี้ยงและไม่กินเนื้อสัตว์เลี้ยงทุกชนิด เช่น หมู เป็ด ไก่ สัตว์ที่เลี้ยงเช่น ช้าง วัว และควาย ซึ่งจะเอาไว้ใช้งานเท่านั้น ห้ามกินเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ มีบุญคุณ และถ้าสัตว์เหล่านี้ตายไปจะต้องทำพิธีเผาให้ด้วย ส่วนสัตว์ที่ชาว เลตองคุกินคือปลาและสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงไว้ นอกจากนี้ยังห้ามดื่มเหล้าด้วย หมู่บ้านเลตองคุเคร่งครัดเรื่องประเพณี ความเชื่อ และมีกฎระเบียบเป็นอย่างมาก

Ford Ranger

Ford Ranger

ในการเดินทางเข้าถึงบ้านเลตองคุ ซึ่งตั้งอยู่กลางหุบเขาบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ต้องเดินทางผ่านแนวเขาทางโค้งและขึ้นลงทางลาดชันนับไม่ถ้วน ที่มีทั้งเส้นทางที่แคบและขรุขระ เป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ของ Ford Ranger Limited 180 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร ก็ทำให้การเดินทางบนเส้นทางที่ยากลำบากและทุรกันดารนี้ผ่านไปได้อย่างมั่นใจ และมีระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (HDC) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดแบบสมบุกสมบัน

Ford Ranger

Ford Ranger

ซึ่งในช่วงเส้นทางสุดท้ายประมาณ 17 กิโลเมตร คณะต้องพบกับสภาพเส้นทางที่อาจเรียกได้ไม่เต็มปากว่านี่คือถนนที่ใช้สัญจรไปมาของชาวบ้านในพื้นที่ บวกกับสภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้สภาพเส้นทางในช่วงนี้ไม่ง่ายที่จะขับขี่ผ่านไปได้ จึงนับเป็นช่วงที่ทีมงานได้โอกาสในการใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีอยู่ Ford Ranger Limited มาเพื่อการผ่านอุปสรรคต่างๆ ทั้งการขับขี่บนเส้นทางที่ลื่นราวกับหนังหมู หินกรวด ทางลาดชันทั้งขึ้นและลง ที่ต่อเนื่องไปด้วยทางโค้งอับสายตาในหลายช่วง และร่องน้ำลึกขนาดใหญ่ที่หากพลาดท่าตกลงไปแล้วนั้นก็ยากที่จะกลับขึ้นมาได้ การขับขี่ในช่วงนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ต้องขับขี่ด้วยความเร็วที่ต่ำ ต้องมีการประเมิณสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นให้เลวร้ายที่สุด เพื่อการผ่านอุปสรรคไปอย่างปลอดภัย การใช้เกียร์รวมไปถึงรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมในการไต่ระดับ เพราะหากใช้รอบเครื่องที่มากเกินไปกำลังที่ถูกส่งไปยังล้ออาจสูญเปล่า และทำให้ไม่สามารถผ่านอุปสรรคไปได้

Ford Ranger

Ford Ranger

การเดินทางเข้ามาในครั้งนี้ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง บนระยะทางเพียง 17 กิโลเมตร เมื่อเดินทางถึงบ้านเลตองคุ ก็จะพบได้กับบรรยากาศสองข้างทางที่เริ่มมีบ้านให้ได้เห็นกันจนไปถึงยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตองคุ ที่มีนักเรียนราว 400 คนเรียนที่นี่ รวมกันทั้งเด็กๆ ในพื้นที่และนอกพื้นที่ มีเด็กๆ จากพม่าเข้ามาเรียนที่นี่อีกด้วย ไม่รอช้าเมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายคณะก็ได้ร่วมแรงร่วมใจทำภารกิจ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนเขตวัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ทั้งการบูรณะสะพานไม้ที่ชำรุดที่ใช้เป็นทางเข้าออกหลักระหว่างหมู่บ้านกับชุมชนภายนอก ปรับปรุงและฟื้นฟูโรงเรียน ตชด. บ้านเลตองคุ โดยเปลี่ยนหลังคาโรงอาหารที่ชำรุดทรุดโทรม ปรับปรุงพื้นกระเบื้องยางในห้องเรียนเพื่อให้เด็กๆ เรียนหนังสือได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทาสีอาคารเรียนใหม่ ติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มแสงสว่าง ติดตั้งเครื่องกรองน้ำและแท้งก์น้ำเพื่อให้ชุมชนมีน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภค และปรับปรุงระบบแสงสว่างให้สุขศาลาประจำหมู่บ้าน โดยอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดได้บรรทุกเข้ามาโดยฟอร์ด เรนเจอร์ทั้ง 10 คัน ก่อนที่ภารกิจจะสำเร็จลุล่วง และพวกเราก็ได้ตั้งแคมป์พักแรม รับประทานอาหารพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยงฤาษี พร้อมชมการแสดงพื้นบ้าน รำตง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน

Ford Ranger

Ford Ranger

วันรุ่งขึ้นพร้อมเดินทางกลับล้อหมุน 7 โมงเช้า เนื่องจากเกรงว่าฝนที่ตกลงมาหนักอาจทำให้การเดินทางล่าช้าและกำหนดการในการเดินทางกลับไปยังสนามบินไม่ทัน ทางคณะจีงได้เผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะผ่านอุปสรรคในช่วง 17 กิโลเมตรไปให้ได้ก่อนที่ฝนจะตกหนักลงมาอีก เพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านเปิ่งเคลิ่ง สุดเขตชายแดนประเทศไทย ติดบ้านห้วยแดนทางฝั่งพม่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่สำคัญและมีประวัติความเป็นมามากว่า 100 ปี 

Ford Ranger

Ford Ranger

แน่นอนว่าระหว่างการเดินทางนี้ เส้นทางย้อนกลับที่เข้าออกทางเดียว เป็นอีกครั้งที่ได้ทดสอบการขับขี่แบบออพโรดรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการใช้ระบบ 4x4 Low ตัวช่วยในการขับขี่แบบออฟโรดเมื่อต้องเผชิญกับเส้นทางสุดโหด ซึ่งในช่วงขากลับนี้สภาพเส้นทางค่อนข้างที่จะยากลำบากกว่าขาเข้ามาไม่น้อย เนื่องจากฝนที่ตกตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงในช่วงที่กำลังเดินทางออกมาก็มีฝนโปรยปรายและหนักขึ้นตลอดทาง ทำให้การผ่านเส้นทางออฟโรดในแต่ละช่วงจึงต้องใช้เวลาไม่น้อย ผู้ขับขี่ที่ต่อคิวรอขับผ่านอุปสรรคในแต่ละจุด จำเป็นที่จะต้องลงมาดูเส้นทางที่คันด้านหน้าๆ กำลังขับผ่านไป รวมไปถึงไลน์การวิ่ง ตำแหน่งของล้อที่จะต้องบังคับไป เพราะหากไม่รู้เส้นทางและเกิดการหลงล้อ หรือเข้าใจผิดว่าในขณะขับผ่านอุปสรรคนั้นล้อตรงแล้ว แต่ที่จริงล้อกำลังเลี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่งอยู่ นั้นอาจทำให้ไม่สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ หรือในสถานการณ์ที่ต้องเจอกับร่องน้ำลึกขนาดใหญ่ ก็อาจทำให้รถตกไปในร่องได้นั้นเอง 

Ford Ranger

และในหลายๆ ช่วงที่ต้องขับชิดด้านใดด้านหนึ่งของเส้นทาง การขับชิดเกินไปและมีการไต่ของล้อเข้าไปมากเกิน ก็อาจทำให้รถพลิกเอาได้ เรียกได้ว่าการขับขี่ออฟโรดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยทั้งทักษะของผู้ขับในการควบคุมทิศทาง การเดินคันเร่ง การใช้เกียร์ การดูไลน์ที่ถูกต้อง และปฎิบัติตามคนบอกไลน์ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้ เรียกได้ว่าเส้นทางออฟโรดในครั้งนี้กับสมรรถนะของรถ Ford Ranger ที่แม้จะรัดด้วยยางแบบ H/T ก็สามารถที่จะขับขี่ผ่านอุปสรรคมาได้อย่างปลอดภัย

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ภารกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้มาจากตัวรถเพียงอย่างเดียว หากคือจิตใจที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจร่วมกัน และพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรคและความยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่อันห่างไกล นับเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ทาง ฟอร์ด ประเทศไทย ได้มอบโอกาสให้ในครั้งนี้

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ