Hands On : Ford Everest 2.2 Titanium Plus ...แค่เปลี่ยนออพชั่น ก็ลงตัวมากขึ้น
- โดย : Autodeft
- 29 ม.ค. 60 00:00
- 32,759 อ่าน
อยู่วงการรถยนต์มายาวนาน สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนเป็นประจำ คือหลายครั้งบริษัทรถยนต์ต้องปรับกลยุทธ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ... จะว่า “ลูกค้า คือพระเจ้า” ก็คงไม่ผิดนัก
แต่หากการเดินตามความต้องการลูกค้า อาจจะทำให้มันดูน่าใช้มากขึ้น และวันนี้หนึ่งในรถที่เรากำลังสัมผัสก็มาจากค่ายวงรีสีน้ำเงินจากประเทศสหรัฐอเมริกา
“Ford Everest” เป็นรถที่ขายดีมายาวนาน มันเป็นรถยนต์ที่ทำให้บริษัทอร์ดได้รับการกล่าวถึงในเรื่องดีๆของค่าย จนผลิตขายเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ไม่ทัน การอัพเดทในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เปิดตัววางจำหน่ายมาตั้งแต่ปีก่อนหน้านั้น คือการแนะนำรุ่นใหม่ออกมาด้วยออพชั่นที่ลงตัวมากขึ้นในรุ่น 2.2 ลิตร
การเปิดตัว Ford Everest 2.2 Titanium Plus เป็นทางออกที่ใช่ สำหรับค่ายวงรีสีน้ำเงอน หลังลูกค้าส่งเสียงบ่นมาสักระยะว่าอยากได้ออพชั่นจัดเต็มในรุ่น 2.2 หลังจากทางบริษัทเล่นเน้นเต็มอัดออพชั่นในรุ่นเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร แล้วปล่อยให้ลูกค้าที่มองเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ต้องชีช้ำกะหล่ำปลีกับออพชั่นธรรมดาทั่วไปไม่มีอะไรหวือหวา ทำให้รถรุ่นย่อยรุ่นนี้เป็นหมากเดินเกมชั้นดี แม้จะมีราคาจำหน่ายที่แพงขึ้น จนขี่กับรุ่น 3.2 ธรรมเดิม จนบริษัทต้องตัดออกจากการขายในประเทศไทย
แรกเริ่มเดมที ผมไม่คืดจะเอารถคันนี้มาขับ ด้วยความที่มันก็เป็นรถใหม่เปลี่ยนออพชั่นที่เราก็พูดกันตามตรงว่า ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามันเป็นอย่างไร
หากคำถามจากคนอ่านรวมถึงผมเองก็ยังสงสัย คือเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร จะลากรถที่มีพิกัดออพชั่นจัดเต็มต่างๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเครื่องยนต์ของมีขนาดเล็กและมีแนวโน้มที่อาจจะอืดเป็นเรือเกลือ...
ผมเองต้องการตอบคำถามนี้ จึงใช้เวลาอย่างรวดเร็วโทรหา อ้อม พีอาร์ของค่ายวงรีสีน้ำเงิน จัดรถคันนี้มาดูตัวเป็นๆ สัมผัสจริงจัง ว่ามันจะอืดอย่างที่เราคิดหรือไม่ ... และที่จริงแล้วมันเป็นอย่างไรกัน
เจอกันครั้งแรกเจ้า Ford Everest 2.2 Titanium Plus บอกความแตกต่างด้วยการออกแบบที่ถอดรูปมาจากตัวท็อปทุกประการ ไม่ว่าจะไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมะบบไฟหน้า HID ปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำ ในโคมมาพร้อมไฟ Day Time Running Light รถได้ล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้ว ดูสง่าลงตัว รวมถึงยังมาพร้อมหลังคามูนรูฟเพิ่มเสน่ห์น่าใช้ยิ่งขึ้น
อย่างเดียวที่บอกคุณได้ว่าเจ้ารถคันนี้คือรุ่น 2.2 ลิตร คือ ครีบข้างของมันเท่านั้น นี่ถ้าเปลี่ยนออกไม่มีใครรู้หรอกว่า คันนี้เครื่องยนต์อะไร
ในห้องโดยสาร ออพชั่นทั้งหมดยกมาจาก 3.2 ลิตร รถดูน่าใช้มากตั้งแต่เข้ามาสัมผัสไม่ว่า ประตูหลังเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า ฝั่งคนขับปรับ 8 ทิศทาง เบาะแถว 3 พับไฟฟ้า รวมถึงระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และแยกอุณหภูมิตอนหลัง ครบครันด้วยปลั้กไฟบ้านมีมาให้เสียบใช้งานถ้าต้องการ และไม่ขาดเรื่องระบบความปลอดภัยต่างและอำนวยความสะดวกในการขบัขี่ที่มาอย่างครบครัน
ไม่ว่าจะระบบช่วยจอดรถ Active Park Assisted ,ระบบ Sync 3 , ระบบ เตือนการใชนทางด้านหน้า , ระบบเตือนหลุดเลน
อย่างที่ผมบอก สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปในรถคันนี้คือ เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง ช่วงปีที่ผ่านมาทางค่ายรถยนต์แดนลุงแซม ทำการปรับจูนขุนพลังเครื่องยนต์ขึ้นมาอีก 10 แรงม้าเทียบกับเวอร์ชั่นก่อน จนมีกำลังทั้งสิ้น 160 แรงม้า สูงสุด ที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุดเป็น 385 นิวตันเมตร รีดมาเร็วเต็มเหนี่ยวความต้องการตั้งแต่ 1,600-2500 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเหมือนเคย แต่ไม่เปิดเผยอัตราทด
มันจะอืดหรือไม่เห็นเครื่อง 2.2 จับคู่กับล้อขนาด 20 นิ้ว ที่มาพร้อมยาง 265/50/R20 หลายคนก็คงต้องหวั่นใจอย่างแน่นอน
เดิมทีที่ผมเคยผ่านมือเครื่องยนต์ 2.2 ลิตรใน Ford Everest มันออกตัวอิดๆเนือยๆ ขับอล้วไปเรื่อยไม่รีบแบบฉบับคุณปู่คุณน่า แต่งวดนี้ มันออกตัวดีกว่า ถีบตัวเร็วกว่า อาจจะเพราะกำลังแรงม้าแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจากการอัพเกรดเครื่องยนต์ แต่ส่วนตัวคิดว่าตัวระบบส่งกำลังเองก็มีส่วน
ผมพยายามค้นหาอัตราทดเกียร์ Ford Everest 2.2 Titanium Plus แต่ดูเหมือนจะติดตรงเป็นความลับทางการค้า แต่ผมยืนยันว่ามันขับได้ดีกว่าออกตัวได้ยอดเยี่ยม แม้จะไม่พุ่งปรู๊ดออกไปทันทีแบบเจ้าพี่ใหญ่ 3.2 ลิตร ที่พกกำลัง 200 แรงม้า จนยากจะหาคู่ปรับในยุคนี้
แต่เจ้า Ford Everest 2.2 Titanium Plus กลับออกตัวได้ดี ความรู้สึกส่วนตัวผมบอกว่ามันดีกว่า 2.2 รุ่นธรรมดา ที่ออกมาก่อนน้านี้ และยังขายอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากการตอบสนองของรถตอนออกตัวที่ดีกว่าแล้ว ในช่วงขับเร่งแซงหรืออะไรก็ดูจะดีกว่ามาก ผมเข้าใจว่าน่าจะมีการปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่อย่างแน่นอน รถสนองตอบได้ดีกว่าเดิมพอตัว ส่วนระบบกันสะเทือนเองก็ตอบสนองต่อโจทย์การใช้งานได้ถูกต้อง
มันอาจจะไม่ใช่รถที่นิ่มนวลในการขับขี่แบบรุ่นล้อขอบ 18 แต่อาการช่วงล่างของ Ford Everest 2.2 Titanium Plus ไม่กระด้างมากเท่ารุ่น 3.2 ลิตร
ผมลองพาแม่นั่งไปทำธุระใกล้ๆ แม้ภายนอกจะยางแก้มบางๆ แต่ก็ไม่ทำให้การโดยสารนั่งกันขนเป็นม้ากระโดไม่ถูกใจอย่างที่หลายคนอาจจะคิดไว้ล่วงหน้าจากล้อขนาดใหญ่ยางแมบาง น่าจะนั่งเป็นเกวียนในการเดินทาง
สรุป ... Ford Everest 2.2 Titanium Plus ออพชั่นดีขึ้นมาถูกทางแล้ว...Ford
ยอมรับว่าไม่มีโอกาสขับทดสอบเจ้า Ford Everest 2.2 Titanium Plus มากนัก เนื่องจากขอยืมขับสั้นเพ่อจะตอบว่าสรุปมันอืดหรือเปล่า
ผมบอกตามตรงว่ามันเร่งดีขึ้น ..แม้ว่าจะไม่ได้จับอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. มาบอกท่านๆ ว่า มันเร็วกว่าเดิมเท่าไร ด้อยกว่ารุ่น 3.2 Titanium Plus เท่าไร ก็ตามที
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้ คือขับรวมๆ ไปๆ มาๆ โดยเฉลี่ย เจ้า Ford Everest 2.2 Titanium Plus ดูเหมือนจะยังคงสิ่งหนึ่งที่หลายคนต้องการ นั่นคือความประหยัด ตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับมัน ผมขับไป 180 กิโลเมตร และเมื่อหยอดน้ำมันคืนถัง ผมเติมไป 13.86 ลิตร ลองดีดตัวเลขอัตราประหยัด ได้13.00 กิโลเมตร/ลิตรพอดี
ส่วนที่ดีในเจ้าอเนกประสงค์ Ford Everest 2.2 Titanium Plus คงต้องยอมรับว่าออพชั่นต่างที่ยกมาจากรุ่น 3.2 ลิตร ทำเอารถน่าใช้มากๆ ความเหมือนที่ตกต่างเพียงเครื่องยนต์ ทำให้ขาลุยคันนี้เหมาะสมต่อการใช้งานในเมือง สำหรับคนที่ต้องการรถคันใหญ่บอกฐานะ ไว้ใช้เที่ยววันหยุด แตไม่ประสงค์ในการลุยเลอะเทอะเปอะเปื้อน เจ้านี่คือรถที่ควรมองหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคามันถูกกว่า 2 แสนบาท จากรุ่นท๊อปขับสี่ คุณก็คงจะต้องเก็บไปคิดบ้างไม่มากก็น้อย
Ford Everest 2.2 Titanium Plus อาจจะเป็นเพียงรถยนต์รุ่นย่อยใหม่ และมาพร้อมออพชั่นที่หอบหิ้วมาจากรุ่นท๊อปเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร แต่วันนี้มันพิสูจน์กับ บอนน์แล้วว่า รถคันนี้มีดีกว่าที่ตาเห้น มันไม่ใช่เพียงแค่รูปหล่อ หากยังคงความประหยัด และมีความสะดกสบายในการเดินทางมากขึ้น ..ด้วยครับ
ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และความรู้ รถยนต์ได้กับพวกเรา ได้ที่ www.Autodeft.com
หรือผ่านทาง Fanpage Facebook กดไลค์และ Follow ได้ที่ www.facebook.com/autodeft
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com