Test Drive : ทดลองขับ New Ford Ranger ปี 2018 รถกระบะขุมกำลังเทอร์โบคู่ และเกียร์ใหม่ 10 สปีด ที่ต้องลอง...
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 6 ส.ค. 61 00:00
- 24,842 อ่าน
เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์ฟอร์ดได้แนะนำรถกระบะใหม่จากค่าย กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นปี 2018 ที่ชูเด่นในเรื่องของขุมกำลังใหม่ ทั้งเครื่องยนต์ 2.0L Bi-Turbo เทอร์โบคู่ และ 2.0L Turbo รวมไปถึงระบบเกียร์อัตโนมัติในการส่งกำลังใหม่ล่าสุดถึง 10 สปีด ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรถยนต์ขับหลังโดยเฉพาะ มีการใช้งานแล้วในรถยนต์จากค่ายอย่างกระบะ F-150 หรือแม้แต่รถสปอร์ตสองประตูอย่าง Ford Mustang ท
โดยการทดลองขับรถกระบะใหม่ New Ford Ranger ในครั้งนี้ ทาง ฟอร์ด ประเทศไทย ได้พาทีมงาน AUTODEFT ไปกันที่ จ.เชียงราย กับรูปแบบเส้นทางนอกเมืองที่มีทั้งทางตรงยาว สลับโค้งไปมา และเส้นทางขึ้นเขาลงเขา ซึ่งในครั้งนี้ทีมงานจะได้สัมผัสกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ทั้งรุ่นย่อย เครื่องยนต์ใหม่ 2.0 ลิตร Wildtrak HR 10AT ขับสอง และรุ่นย่อย เครื่องยนต์ใหม่ 2.0 ลิตร Wildtrak 4X4 10AT Bi-Turbo ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้นั้น มีความแตกต่างกันในเรื่องของออพชั่น ระบบขับเคลื่อน และหลักสำคัญคือเครื่องยนต์เทอร์โบที่แตกต่างกัน
สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ตามสเปคนั้นให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที และในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Bi-Turbo เทอร์โบคู่นั้น ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที โดยที่มีเทอร์โบ 2 ตัว เทอร์โบแรงดันสูง HP ขนาดเล็ก ที่จะเป็นแบบแปรผัน และเทอร์โบแรงดันต่ำ LP ขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเทอร์โบทั้ง 2 ตัวนี้จะแบ่งช่วงการทำงาน โดยตั้งแต่เริ่มออกตัว จนไปถึงรอบเครื่องยนต์ 1,800 รอบ/นาที เทอร์โบ HP ขนาดเล็ก ก็จะทำงาน และตั้งแต่ช่วง 1,800 – 3,000 รอบ/นาที เทอร์โบทั้งสองลูกก็จะช่วยกันทำงาน จนตั้งแต่ 3,000 รอบ/นาที ขึ้นไป ก็จะเป็นหน้าที่ของเทอร์โบแรงดันต่ำ LP เพื่อตอบสนองการขับขี่ได้ตั้งแต่รอบต่ำไปจนรอบสูง
และทั้งหมดจับคู่ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดใหม่ ที่เป็นแบบ Torque Converter พร้อมโหมด SelectShift ที่บริเวณหัวเกียร์ สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้กับปุ่มบวกลบ ซึ่งจากเดิมนั้นเป็นการโยกที่คันเกียร์ จากการใช้งานจริงนั้น อาจจะต้องอาศัยความเคยชินในตำแหน่งการกดทั้งบวกและลบก่อนเล็กน้อย
แรกเริ่มการทดสอบทีมงานได้ลองนั่งที่ด้านหลังกันก่อนจะได้ทดลองขับกัน ต้องบอกเลยว่าสัมผัสจากการนั่งในการเดินทางด้านหลังของ New Ford Ranger รุ่นสี่ประตูไม่รู้สึกถึงความกระด้าง กลับให้ความรู้สึกที่นุ่มผิดไปจากภาพลักษณ์ความเป็นรถกระบะ ทั้งหมดเป็นผลจากการปรับปรุงช่วงล่างใหม่ทั้งหมดด้วยเช่นกัน ซึ่งสร้างความประทับใจได้อย่างมากเลยทีเดียว
เมื่อเปลี่ยนมาเป็นผู้ขับ กับ Ford Ranger Wildtrak เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ขับสอง บนช่วงเส้นทางที่เป็นถนนเลนสวน และทางโค้งไปมา แรกสัมผัสประทับใจกับการตกแต่งภายในของรุ่น Wildtrak ที่เน้นตกแต่งสไตล์สปอร์ต ภายในโทนเข้มสีดำ ที่สลับกับการเดินตะเข็บสีส้มทั้งส่วนของคอนโซลหน้า พวงมาลัย และเบาะที่นั่ง สัมผัสนุ่มจับกระชับกับพวงมาลัยหุ้มหนังที่เต็มไปด้วยปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น สามารถสั่งการระบบเครื่องเสียง และระบบ Infotainment SYNC 3 พัฒนาใหม่ที่มีเมนูภาษไทย และสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งโทรออก เล่นเพลงจากสื่อต่างๆ บอกตัวเลขคลื่นวิทยุ สั่งเล่นเพลงจาก USB ค้นหาเพลง รวมไปถึงการปรับอุณหภูมิโดยบอกเป็นตัวเลของศาได้เลย
พร้อมออกตัวสัมผัสได้กับพวงมาลัยที่น้ำหนักเบากำลังดี ซึ่งเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (EPAS) ที่แปรผันตามน้ำหนักให้เหมาะสมกับความเร็ว เติมคันเร่งพร้อมออกตัวบนเส้นทางแบบเลนสวน การขับขี่เป็นไปอย่างลื่นไหล ด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีดใหม่ ให้ความรู้สึกเนียนต่อเนื่องในการขับขี่แบบรถเกียร์ CVT ซึ่งการจะจับว่าเกียร์ได้เปลี่ยนไปแล้วหรือกำลังขับอยู่ในช่วงเกียร์ใดนั้นแทบไม่อาจรู้ได้ แต่เมื่อเราขับขี่ในโหมด D ปกติ เราสามารถที่จะกดปุ่ม + หรือ – ที่หัวเกียร์ เพื่อให้หน้าจอแสดงตำแหน่งของเกียร์ได้ และอีกหนึ่งความสามารถก็คือการกำหนดจำนวนเกียร์ที่เราต้องการ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราขับขี่ในช่วงขึ้นเขาลงเขา เราต้องการที่จะใช้กำลังจากเครื่องยนต์ นั่นเองเราสามารถที่จะกำหนดจำนวนเกียร์ไว้เพียง 4 เกียร์ เพื่อเป็นการบังคับไม่ให้ระบบเกียร์เปลี่ยนขึ้นไปสูงกว่านี้ได้ ซึ่งสามารถปรับลดลงมาได้เหลือเพียงที่เกียร์ 1 ได้ และการกดยกเลิกการจำกัดจำนวนเกียร์ก็เพียงกดปุ่ม + ที่หัวเกียร์ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที
และเมื่อเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว 180 แรงม้า ทำงานส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีดใหม่ การขับขี่สัมผัสได้ถึงความสมูทและต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีช่วงการเติมคันเร่งในการออกตัว หรือขณะขับขี่ที่อาจรู้สึกถึงอาการหน่วงรอรอบอยู่เล็กน้อย จากการกดเติมคันเร่งเพื่อจะแซงขึ้นไป ก่อนที่ตัวรถจะพร้อมเคลื่อนออกไปแบบไหลๆ โดยเฉพาะช่วงที่ขับอยู่บนเส้นทางที่สามารถทำความเร็วกันได้ คุณอาจต้องเผลอทำความเร็วขึ้นไปแบบไม่รู้ตัว จากทั้งกำลังเครื่องยนต์ที่เติมคันเร่งไม่ต้องมากตัวรถก็พร้อมเคลื่อนที่ไปอย่างมีกำลัง ระบบเกียร์ที่เปลี่ยนได้อย่างไร้รอยต่อ พวงมาลัยที่ให้น้ำหนักที่มั่นใจ และช่วงล่างที่นุ่มนวลและหนึบ ทั้งหมดนี้ก็จะทำให้ความเร็วบนหน้าปัดนั้นกวาดขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว
ก่อนที่อีกวันเราจะได้ทดสอบกับ New Ford Ranger เครื่องยนต์ใหม่ 2.0 ลิตร Bi-Turbo รุ่น Wildtrak ขับสี่ ที่หลังจากขับแล้วความรู้สึกที่แตกต่างกับรุ่นเครื่องเทอร์โบเดี่ยวนั้น ในรุ่น Bi-Turbo ค่อนข้างที่จะให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงกว่าตั้งแต่ช่วงออกตัว รวมไปถึงช่วงจังหวะการชู้ตแซงคันหน้าและเพิ่มความเร็ว ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการความคล่องตัวที่มากกว่า อัตราเร่งที่ทันใจกว่า คงต้องชอบรุ่นที่เป็น Bi-Turbo มากกว่าเทอร์โบเดี่ยว แต่ใครที่ไม่ได้ต้องการอัตราเร่งที่เร้าใจติดเท้ามากมายนัก เพียงพอกับการใช้งานปกติ มีกำลังเหลือเฟือในการขับขี่ รุ่น เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ก็พร้อมที่จะตอบโจทย์ได้แบบเหลือๆ ทีเดียว
ทั้งนี้รถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ใหม่ ยังได้ใส่ระบบตัวช่วยมาในรุ่น 4x4 ที่เราได้ทดสอบกัน กับระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) เป็นการผสานระบบเบรกแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งหลังจากได้ทดลองกันกับการใช้ความเร็วที่ระดับ 30 กม./ชม. และปล่อยให้รถวิ่งเข้าหารถจำลองทางด้านหน้าที่ถูกวางไว้ บวกกับการเลี้ยงคันเร่งเติมความเร็วเข้าไปขณะใกล้รถที่กีดขวาง เมื่อถึงระยะที่ระบบเตือนแล้วยังไม่มีการเบรกจากผู้ขับขี่เกิดขึ้น ระบบก็ได้ทำการเบรกฉุกเฉินให้ตัวรถไม่ชนกับรถทางด้านหน้าได้อย่างมั่นใจเลยทีเดียว แต่ถ้าหากเรามีการแตะเบรกก่อนนั้นระบบก็จะไม่ได้เบรกอัตโนมัติแบบฉุกเฉินให้ เสมือนเป็นการยกเลิกระบบตัวช่วยนี้นั้นเอง
และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ที่เพิ่มเข้ามา ช่วยให้การจอดรถง่ายขึ้น เพียงผู้ขับขี่เปิดใช้งานและคอยควบคุมเบรกและเกียร์เท่านั้น ระบบจะทำหน้าที่ควบคุมพวงมาลัยรถให้เข้าจอดในพื้นที่จอดโดยอัตโนมัติ ซึ่งสลับใครที่ไม่ค่อยถนัดกับการจอดรูปแบบนี้ น่าจะชื่นชอบและเพิ่มความมั่นใจได้ดีเลยทีเดียว หลังจากการทดลองระบบสามารถทำงานและจอดเทียบข้างได้ชิดขอบทางด้านในเลยทีเดียว และระบบอื่นๆ มากมายอย่างเช่น ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control) เรียกได้ว่าตัวช่วยมาแบบจัดเต็ม
และส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกนั้นอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมายนัก แต่ก็ยังมีการปรับดีไซน์ของกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เปลี่ยนเป็นเส้นแนวนนอนให้เป็นสองเส้นโดยที่ขอบกระจังหน้าปั้มชื่อ Ranger เช่นเดิม ไฟหน้า Projector แบบ HID พร้อมไฟ LED daytime ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกออกแบบใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60 R18 ลายเดิมสีทูโทน ในรุ่น Wildtrak และสีเงินในรุ่น Limited กับขนาด 17 นิ้วลายใหม่พร้อมยางขนาด 265/65R17 ในรุ่น XLT และขนาด 16 นิ้ว ทั้งแบบล้ออัลลอยพร้อมยาง 255/70 R16 กับล้อเหล็กพร้อมยาง 215/70 R16 ในรุ่น XLS ,XL+, XL ส่วนด้านท้ายยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ กับฝาท้าย Easy Lift ทำให้การเปิดและปิดกระบะท้ายง่ายและสะดวกขึ้นลดน้ำหนักถึง 70% ในรุ่น Limited และ Wildtrak
ทั้งหมดนี้กับการรีวิวและบอกเล่าสัมผัสแรก ของรถกระบะ New Ford Ranger ที่มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่ ช่วงล่างใหม่ ระบบความปลอดภัยและความบันเทิงที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาใหม่ ทั้งหมดได้ถูกอัดแน่นอยู่ในรถกระบะที่ฉีกการรับรู้และความรู้สึกที่เรามีกับรถกระบะ ว่ารถกระบะนั้นขับยาก นั่งไม่สบาย ระบบตัวช่วยน้อย เมื่อคุณได้ลองสัมผัสด้วยตัวคุณเองแล้ว คุณเท่านั้นที่จะรับรู้ประสบการณ์ใหม่ทั้งหมดได้จาก ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นปี 2018
รายละเอียดราคาแต่ละรุ่นของรถกระบะ Ford www.autodeft.com/buyingguide/ford-price-2018
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com