Test Drive: ทดลองขับ Chevrolet Colorado Midnight Edition ดำ คม เข้ม เติมเต็มความหล่อ
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 25 ก.พ. 62 00:00
- 12,329 อ่าน
ถอยหลังกลับไปเมื่อปี 2011 ทางเชฟโรเลตได้ส่งรถกระบะโฉมใหม่ของตัวเองลงสู่ตลาด โดยจะเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ไม่ได้ใช้การออกแบบเดียวกับ Isuzu อีกต่อไป ซึ่งก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาในตลาดได้มากพอสมควร เพราะรูปทรงนั้นได้ออกไปทางแนวอเมริกันมากขึ้น ดูบึกบึน แข็งแกร่ง แถมยังเปิดตัวในช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยอีกด้วย ทำให้ช่วงนั้น ความนิยมในตัวรถกระบะจากค่าย GM ก็เพิ่มขึ้นสู้กับคู่แข่งในตลาดได้แบบไม่อายใคร
แต่ผ่านไปกว่า 7 ปีแล้ว รถกระบะตัวแกร่ง กลับยังไม่มีการเปลี่ยนโฉมใหม่ ยังคงใช้ตัวโฉมเดิม แล้วปรับเปลี่ยนโน่นนั่นนี่ ให้กลายเป็นรูปแบบสารพัดอิดิชั่น เรียกกระแสออกมาได้เป็นพัก ๆ แต่โดยสุดท้ายแล้ว พื้นฐานทั้งหมด ก็ยังคงเป็นตัวเดิมอยู่นั่นเอง เผาตามจริง ผมขอสารภาพเลยว่า ในการปรับเปลี่ยนมาทั้งหมด ที่เสริมอันนั้นบ้าง อันนี้หน่อย ยังไม่ได้โดนใจผมอย่างจริงจัง เพราะมันแค่การเสริมด้วยอุปกรณ์บางอย่าง และแปะสติ๊กเกอร์ลงไปให้ลายมันแตกต่างเท่านั้นเอง ถึงแม้จะมีสีสันสดใสอย่างสีส้ม Orange Crush เข้ามาเพิ่มด้วยก็ตาม
แต่เมื่อผ่านมาถึงช่วงปลายปีที่แล้ว ทางเชฟโรเลตก็ได้ทำการส่งหมายเชิญเพื่อมาร่วมเปิดตัวรุ่นใหม่ โดยไม่ได้บอกว่าเป็นรุ่นอะไร แถมยังทำพิธีเปิดกันในช่วงค่ำอีก ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ตกลงแล้ว ทางเชฟโรเลตจะมาไม้ไหนอีก สรุปแล้วก็ได้ทำการเปิดตัว Chevrolet Colorado Midnight Edition ออกมา โดยมาในมาดเข้มด้วยสีดำสนิทตลอดทั้งคัน และบอกว่าเป็น Limited Edition ที่มีเพียง 100 คันเท่านั้น ผมได้เห็นแล้วก็บอกไว้ในใจเลยว่า อันนี้แหล่ะ ที่ออกแบบมาได้ตรงใจผมเสียที
หลังจากงานเปิดตัว ผมเองก็ได้รีบติดต่อน้องมุก PR ที่สวยที่สุดในแผนก (เพราะมีคนเดียว) ว่าจะขอยืมมาทดสอบได้หรือไม่ น้องบอกว่า ได้เลยค่ะพี่ แต่รอนิดนึงนะ กำลังทำเรื่องให้อยู่ ผมเลยตั้งตารอเพื่อจะยืมรถมาทดสอบกัน จนในที่สุดแล้ว ก็ได้รับการอนุเคราะห์เพื่อเอามาทดสอบกันได้เสียที เพราะอยากลองดูว่า การปรับเปลี่ยนออพชั่นต่าง ๆ ให้แตกต่างจากที่ผ่านมา จะช่วยให้ Chevrolet Colorado Midnight Edition เตะตาคนอื่นได้อย่างที่เราเองคาดไว้ได้หรือเปล่า
Chevrolet Colorado Midnight Edition มี 2 รุ่นให้เลือกก็คือ รุ่น 2.5L VGT 2WD C-Cab AT Z71 และ 2.5L VGT 4WD C-Cab AT Z71 มีพื้นฐานจากรุ่นท็อปของตัวขับ 2 และขับ 4 โดยการทดสอบของผมในวันนี้จะเป็นการจับเอารุ่น 4x2 มาทดสอบกัน โดยตัวเครื่องยนต์นั้น ยังคงเป็นเครื่องยนต์ดีเซลดูราแมกซ์ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบแปรผัน (VGT - Variable Geometry Turbocharger) และอินเตอร์คูลเลอร์ 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สามาเปลี่ยนเป็นเกียร์ Manual สไตล์ Sequential Shift ได้
มิติของตัวรถก็ยังเท่าเดิม นั่นคือขนาด 1,874 x 5,408 x 1,859 มม. (ความกว้าง x ความยาว x ความสูง) ระยะฐานล้อ 3,096 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 236 มม. พวงมาลัยแบบแรคแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) ช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบอิสระ ปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริง และโช้คอัพแก๊ส ส่วนด้านหลังเป็นแบบลิฟสปริง แป้นรูปครึ่งวงรี พร้อมโช้คอัพแก๊ส เบรกหน้าเป็นแบบ ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ขนาด 300 มม. ด้านหลังเป็นดรัมเบรก ล้ออัลลอย สีดำด้าน 18" พร้อมยางขนาด 265/60 R18 เหมือนเดิมทุกประการ
สิ่งที่โดดเด่นตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันของ Chevrolet Colorado ก็คือเรื่องของระบบความปลอดภัย ที่ในเวอร์ชั่นของ Midnight Edition ก็ยังคงมีอยู่เช่นเคย ไม่ว่าอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบมาตรฐาน ทั้งถุงลมนิรภัย 3 จุด, ABS, EBD, BA เสริมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกหลายอย่าง ทั้ง ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert), ระบบช่วยเตือนเมื่อขับขี่รถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning), เซ็นเซอร์หน้า-หลัง ช่วยในการนำรถเข้าจอด (Front & Rear Park Assist), กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Rear Vision Camera), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC - Electronic Stability Control), ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSC - Trailer Sway Control), ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP - Anti Rolling Protection), ระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี (TCS - Traction Control System), ระบบช่วยการออกตัว ขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HSA - Hill Start Assist), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขณะรถลงทางลาดชัน (HDC - Hill Descent Control), ระบบช่วยเบรกกะทันหัน (PBA - Panic Brake Assist)
อุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบาย ก็มีเยอะเช่นกัน ทั้ง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) สั่งการทำงานได้จากสวิตช์บนพวงมาลัย, การทำงานของเครื่องเสียง และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ควบคุมได้จากสวิตช์บนพวงมาลัย (พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน), Chevrolet MyLink ระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร และความบันเทิง พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8" และรองรับ Apple CarPlay™, ระบบเสียงแบบพรีเมียม พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง, ระบบนำทาง (Navigation system), กระจกหน้าต่างปรับขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 4 บาน ควบคุมการทำงานได้จากรีโมท คอนโทรล พร้อมระบบการทำงานแบบวันทัช และจะหยุดการทำงานเมื่อมีสิ่งกีดขวาง, กระจกหน้าต่างคู่หน้า เลื่อนลงอัตโนมัติเมื่อเปิดประตู และเลื่อนขึ้นอัตโนมัติเมื่อปิดประตู แถมด้วยกุญแจรีโมท ที่นอกจากจะสั่งล็อก-ปลดล็อกประตูได้แล้ว ยังสามารถใช้สั่งการเพื่อสตาร์ทรถและเปิดเครื่องปรับอากาศให้ก่อนถึงตัวรถได้อีกด้วย
แต่สิ่งที่ Midnight Edition แตกต่างไปจาก Colorado รุ่นปกติ ที่ทำให้งวดนี้ออกมาหล่อถูกใจผมเสียเหลือเกิน นั่นก็มีทั้ง กระจังด้านหน้าสีดำเงา พร้อมตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ ซึ่งโดยปกติแล้ว ในรุ่นทั่วไปอย่าง Colorado High Country Strom หรือ Tornado Edition หรือรุ่นพื้นฐานทั่วไปนั้น ตัวกระจังจะเป็นสีเงิน และตัวสัญลักษณ์โบว์ไทน์ จะเป็นสีทองขอบเงิน ซึ่งถ้าเราไปถามคนที่เอารถรุ่นนี้มาแต่งกัน สิ่งที่เราจะเห็นได้เป็นประจำก็คือการที่กระจังหน้าและตราโบว์ไทน์ถูกถอดออกมาพ่นสีใหม่ ให้กลายเป็นสีดำ เพิ่มความดุดันให้มากขึ้น แต่สำหรับ Midnight Edition นั้น เป็นสีดำออกมาจากโรงงานให้เลย
ส่วนด้านนอกที่ถูกปรับเป็นสีดำใหม่ทั้งหมด ก็มีทั้งมือจับเปิดประตู และกระจกมองข้างสีดำ ที่ถูกถอดออกมาจาก Colorado High Country Strom เอามาใส่ และเพิ่มความเข้มด้านหน้าด้วยกรอบไฟหน้าสีดำ เพิ่มความสปอร์ต ซึ่งพอมันเอามาอยู่กับกระจังหน้าสีดำ มันก็ทำให้ตัวรถนั้นดูหน้าดุขึ้นมาได้จริง ๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในยามค่ำคืนแล้วเปิดไฟหน้า จะยิ่งทำให้เห็นความเข้ม ดุดันที่เพิ่มขึ้นมาได้ทันที เสริมเพิ่มด้วยสปอร์ตบาร์ด้านท้าย ที่เป็นสีดำ ให้เข้ากันตลอดคันตั้งแต่หน้าจรดท้าย
อีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาแล้วโคตรชอบเลย ก็คือในส่วนของไฟท้าย ที่ถูกปรับให้เป็นแบบ LED แล้ว ลายไฟเป็นรูปตัว C และเมื่อกดเบรกแล้ว จะมีไฟ LED สว่างขึ้นมาอีก 9 จุด อยู่ภายในกรอบตัว C เห็นแล้วฟิน นี่ถ้าไฟหน้ากลายเป็นแบบ LED ได้เหมือนด้านท้าย คงจะฟินไปมากกว่านี้ได้อีก
ล้อนั้น ถึงแม้แม็กซ์อัลลอย 18 นิ้ว สีดำ จะยกมาจาก Colorado High Country Strom และตัวยางนั้น ก็เป็นขนาด 265/60 R18 ก็ตาม แต่สิ่งที่แปลกไปจากเดิมก็คือ แทนที่จะได้ลายดอกยางแบบ Highway Terrain (HT) มา ก็ใส่เป็นแบบที่ลุยเพิ่มได้มากขึ้นแบบ All-Terrain (AT) มาแทน ถามว่า การขับขี่เปลี่ยนไปไหม ก็คงต้องบอกว่า มันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงเหมือนเดิม เพียงแค่ว่า ตัวดอกยางเป็นลายที่สามารถสะบัดตัวดินออกจากร่องยางได้มากกว่าปกติก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีผลต่อการทรงตัวดีหรือแย่ลงแต่อย่างใด
อีกส่วนที่ให้มาแตกต่างจากรุ่นปกติ และเห็นได้ชัดเจนมากก็คือ Privacy Glass 3 บาน คือที่กระจกข้างด้านที่นั่งแถว 2 ซ้าย-ขวา และกระจกด้านหลังบานใหญ่ บางคนอาจะสงสัยว่า แล้วไอ้ Privacy Glass เนี่ย มันคืออะไร มันก็คือกระจกที่ถูกเคลือบสีให้มีความเข้มมาจากโรงงานแล้ว มองดูแล้วเหมือนติดฟิล์มกันแสงเอาไว้ที่ราว 40% เพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง แม้จะไม่ได้ติดฟิล์มก็ตาม แต่ก็เชื่อว่า สุดท้ายทุกคนที่ซื้อไป ก็จะเอาไปติดฟิล์มเพิ่มกันอยู่ดี
ภายในของ Chevrolet Colorado Midnight Edition นั้น ก็เข้มไม่แพ้ภายนอก เพราะด้านในจะถูกใช้วัสดุที่เป็นสีดำเป็นส่วนใหญ่ จะมีตัดด้วยสีเงินในบางจุดเท่านั้น โดยเฉพาะตัวเพดานเอง ก็ถูกทำให้เป็นสีดำเช่นกัน เป็นรุ่นเดียวที่ใช้สีนี้ เพราะรุ่นอื่นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสีครีม เพิ่มความดุ เข็ม เต็มรถทั้งภายนอกและภายในอย่างแท้จริง
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็คือสิ่งที่ถูกเสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มความหล่อ ดุดัน เข้มเต็มรสกันอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการขับขี่นั้น ดีอย่างไร ก็ยังดีอย่างนั้นอยู่เช่นเดิม ทั้งเรื่องการทรงตัว ที่ยังคงนิ่ง วิ่งได้อย่างเต็มที่โดยรถไม่โคลง เข้าโค้งก็เอาอยู่ ถึงแม้จะเข้าด้วยความเร็วก็ตาม เครื่องยนต์ก็ตอบสนองเท้าเราได้อย่างดี ม้า 180 ตัวที่อัดอยู่ในเครื่องยนต์นั้นทำงานได้ดีไม่มีงอแง อาจจะมีรอรอบบ้างในช่วงกดแรงๆ แต่ก็ไม่ได้นานอะไรมากมาย ทันต่อการเร่งแซงได้อย่างสบาย พวงมาลัยก็เบามือ สามารถหมุนซ้ายขวา เปลี่ยนเลนได้อย่างสบาย
ช่วงที่กำลังถ่ายรูปรถอยู่นั้น ก็มีพี่คนนึงเดินมาหา แล้วถามผมว่า "แต่งรถไปเท่าไหร่เนี่ย สวยจัง" ผมก็ตอบกลับไปว่า ไม่ได้แต่งเลยครับพี่ อันนี้เป็นตัวมาตรฐานมาจากโรงงานเลย ผมยืมมาถ่ายรูป พี่เขาก็งงไปนิดนึง แล้วบอกว่า ทำไมมันดูสวยกว่ารถข้างบ้านผมล่ะ รถออกห้างเหมือนกัน ก็เลยอธิบายให้เขาฟัง พี่เขาเลยบอกว่า ดีจัง ถ้ามีเงินคงจะซื้อแบบนี้มั่ง ออกมาก็สวยเลย ไม่ต้องแต่ง ก็ถือว่า เป็นรุ่นที่หลายคนชอบตั้งแต่แรกเห็นเลยครับ
Chevrolet Colorado Midnight Edition ถือเป็นอีกเวอร์ชั่นของรถกระบะ ที่เรียกได้ว่า ซื้อมาแล้วแทบไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย โดยเฉพาะคนชอบสีดำอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นรถกระบะ ที่มีอายุยาวนานเกือบจะ 10 ปีแล้วก็ตาม แต่ Colorado ก็ยังคงเป็นรถกระบะที่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ให้มามากเป็นอันดับต้น ๆ ของตลาด ใครที่ชื่นชอบกระบะ และชอบสีดำเป็นพิเศษ ไม่น่าจะพลาดในการเอาคันนี้เป็นตัวเลือกในการซื้อรถคันต่อไป ด้วยราคา 1,028,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก เสียดายที่มีเพียง 100 คันเท่านั้น แต่เชื่อว่า ถ้ายอดขายดี และมีกระแสในการอยากได้เพิ่มขึ้น ทาง เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) ก็คงไม่น่าจะรีรอในการผลิตเพิ่มเพื่อเติมเต็มความต้องการของทุกคนอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com