Hands On : BMW X5 Xdrive40e MSport หรูลงตัว เพิ่มเติมคือความประหยัด

จะมองหารถยนต์สักคันในวันนี้ คงจะเห็นได้ชัดเลยว่า เราหลายคนต่างมองปัจจัยต่างๆมากมายเพิ่มขึ้น ทั้งราคา ค่าใช้จ่าย ความทันสมัย ฟังชั่น ตลอดจน ความประหยัด และสมรรถนะการขับขี่ หลายสิ่งมากมายที่ผมสาธยายนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในปัจจัยการซื้อรถยนต์ปัจจุบัน ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

ถึงเรื่องราวการซื้อรถยนต์ของพวกเราจะดูน่าเวียนหัวมากเพียงไหน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เรากลับยอมสิโรราป แต่โดยดีทุกครั้งที่เราพบว่ารถมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามานำเสนอ พวกมันให้ความสนุกสนานในการใช้งาน เพิ่มเจิมจากอำนาจในการขับขี่ที่ได้รับ แลกับรถยนต์หรูของผู้ที่มีงบประมาณในการซื้อรถยนต์ เชื่อเลยว่ารถยนต์สักคันที่พวกเขาจะเลือกต้องเป็นยนตรกรรมที่วางใจได้ และสอดรับกับการใช้งานหลายๆสิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องสมรรถนะการขับขี่และประหยัดน้ำมัน

BMW   เป็นค่ายรถยนต์ที่เรามองว่าพวกเขามอบสมรรถนะการขับขี่เป็นสำคัญ ชื่อเสียงของค่ายรถยนต์จากเมืองบาวาเรี่ยน ได้รับการขนานนามาตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก และวันนี้ คงไม่น่าจะแปลกในนัก ถ้าพวกเขาสามารถบรรจบคำว่าสมรรนถะและความประหยัดเข้ามาไว้ด้วยกันในรถยนต์อเนกประสงค์ชั้นนำ ที่อาจจะทำให้หลายคนอยากจะจับของเป็นเจ้าของ

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา   BMW X5  ถือว่าเป็นรถยนต์ที่สร้างให้  BMW   ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในรถยนต์อเนกประสงค์แก่ค่ายตราพัดฟ้า โครงการพัฒนารถยนต์อเนกประสงค์รุ่นนี้เริ่มขึ้นในช่วงปี  1998   เมื่อ  BMW  เข้าไปควบคุมกิจการของ   Land Rover   แต่ไหนๆก็เข้าคุมกิจการแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะนำเทคโนโลยีทางด้านการลุยของ   Land Rover   มาใส่ไว้ในรถยนต์ของพวกเสียเลย และนั่นเป็นจุดที่ทำให้  BMW X5   เกิดขึ้น โดยมันใช้เทคโนโลยีเดียวกับ   Range Rover   ทุก ประการ ไม่ว่าจะระบบควบคุมในการลุย หรือ ระบบควบคุมการลงตัวจากทางลาดชัน ในบางเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในต่างประเทศ ยังมีระบบนำทาง และ ระบบความบันเทิงเดียวกันทั้งมด ... แต่เรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์และการขับขี่ยังคงออกมาเป็น   BMW

หน้าตาที่ดูเหมือน   BMW 5 Series  ยกสูงต่อตูดแวนจนเป็นเอกลักษณ์ ในรุ่นต่อมาทาง   BMW  จึงจัดการ ขลับความเป้นสปอร์ตอเนกประสงค์มากขึ้น  อลังการความเป็นตัวหรูตามยุคสมัยมากขึ้น เมื่อตอนเปิดตัวออกมาวางจำหน่ายในปี 2009  และที่สำคัญ เจ้ารถยนต์   BMW  รุ่นนี้ยังเป็นรถยนต์ทีผสานความทรงพลังด้วยการแนะนำเครื่องยนต์แบบ   V8   ขนาด  4.4  ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่มากเป็นพระเอกหลักประจำรุ่น  มันมีกำลังถึง   555  แรงม้าจากโรงงานและมีแรงบิดสูงสุด 680   นิวตันเมตร ในรุ่น  X5 M   จนกลายเป็น  M   รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์จาก  V8  ในรถยนต์ที่ไม่ใช่เพื่อการแข่งขัน

ก่อนในเวลาต่อรถยนต์   BMW X5   จะกลายเป็นรถยนต์รุ่นแรก ที่มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ  8   สปีด เข้ามาประจำการ ระหว่างเปลี่ยนรุ่น และในปี   2011   จากกระแสความนิยมอเนกประสงค์ที่เริ่มสูงขึ้นในตลาดรถยนต์ทั่วโลก  BMW   พบว่า   BMW X5  กลายเป็นรถยนต์ที่ขายดี ติดเป็นอันดับที่  3  ของบริษัท เป็นรองเพียง  BMW Series 3 E90   และ   BMW Series 5 F 10   ที่วางจำหน่ายในยุคนั้น

กระแสที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง   BMW   ไม่รอช้า ที่จะเปิดตัว   BMW X5  ใหม่ ที่มาพร้อมการอัพเดทความทันสมัยในการขับขี่ให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยการเปิดตัว เจนเนอร์เรชั่นที่  3  ของอเนกประสงค์มีขึ้นในวันที่   30   พฤษภาคม  2013   แต่กว่าจะเผยโฉมออกมาวางขายจริงๆในต่างประเทศ ก็เป็นในเดือนพฤศจิกายน  2013  โดยช่วงแรกเปิดตัวออกมาเฉพาะเครื่องยนต์สมรรถนะสูงและรุ่นปกติที่วางจำหน่าย ก่อนจะปรับรุ่นเครื่องยนต์ต่างให้มีความสอดคล้องต่อตลาดมาดขึ้น จนปัจจุบัน มีรุ่นเครื่องยนต์มากถึง  6   รุ่น รวมถึง  รุ่น  BMW X5 Sdrive25d   เวอร์ชั่นดีเซล ขับเคลื่อนสองล้อที่วางจำหน่ายในประเทศไทยเราด้วย

ถึงหลายคนอาจจะคิดว่ารถยนต์หรูขาลุยจะไปกับนวัตกรรมในการขับขี่ได้อย่างไร แต่  BMW   ทำให้ก็ฉายภาพว่าเรื่องดังกล่าวสามารถเป็นไปได้ โดยเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี   2015   ทาง   BMW   เปิดตัวรถยนต์   BMW X4 Xdrive 40e  ออกมาเขย่าวงการรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วโลก ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบไฮบริดเสียบปลั้กคันแรกในกลุ่มรถยนต์นั่งสุดหรูจากเยอรมัน ก่อนจะตามมาด้วยค่ายรถยนต์คู่แข่งจากสวีเดนและเยอรมัน แต่ด้วยความเป็น   BMW   นั่นทำให้พวกเขาน่าจะต้องซ่อนความไม่ธรรมดาอยู่ข้างใน

เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เป็นข้อมูลในหัวที่ผมสาธยายมาตลาด  1  หน้า A4  ก็ต้องยอมรับว่า   BMW X5 Xdrive 40e  ใหม่มีความน่าสนใจไม่น้อย ยิ่งรัฐบาลเปิดโอกาสให้รถยนต์ที่มีการปล่อยไอเสียน้อยก็ยิ่งเสียภาษีสรรพสามิตน้อยลงเข้ามาทำตลาด ยิ่งทำให้  BMW  เดินหน้าเต็มตัวทำตลาดรถยนต์คันนี้ อย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นเวลาเพียงปีเดียวหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต่างประเทศ

เจอหน้าค่าตาวันนี้เป็น   Driving Event  พิเศษ จัดโดยตัวแทนจำหน่าย   BMW  , Performance Motor   ที่อยากจะให้เราเห็นสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของ   BMW  X5 Xdrive 40 e  ว่ามันไม่ธรรมดา และเหนือชั้นกว่ารถยนต์อเนกประสงค์รุ่นอื่นที่มีในตลาด

พวกเขาจัดเตรียมเจ้า   BMW X5 Xdrive40e  ไว้ให้เราได้สัมผัส มันคือเรือธงความหวังของ   BMW  ซึ่งวันนี้พร้อมที่จะพาเราไปยังปลายทางไม่ไกลไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก

กายภายนอก เจ้าเสียบปลั้กดูเผินๆ ก็ไม่ต่างจาก  X5   ทั่วไป แต่อยากแปลกใจถ้าคุณจะค้นพบว่ารถยนต์คันนี้มันหล่อกว่ามากมาย ด้วยขุดแต่ง   M Sport   ตลอดรอบคัน ลงตัวกับล้ออัลลอยขนาด 20  นิ้วเบ็ดเสร็จไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มจากโรงงานพร้อมยางขนาด 275/40/R20   ทางด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นยางขนาด   315/30/R20 ช่วยเพิ่มความลงตัวของสรีระในการขับขี่

สอดคล้องกับการออกแบบที่คงความหรูหราดุดันในแบบฉบับรถยนต์อเนกประสงค์ ตระกูล   X   ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น คงเสน่ห์ด้วยกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ และ ไฟหน้าแบบ   LED Adaptive  ปรับเลี้ยวตามพวงมาลัย  พร้อมไฟ   Daytime Running Light สี่ตาที่ดุทันสมัยมากขึ้นตามยุค น่าแปลกที่ผมรู้สึกว่ามันตลกที่ ไฟตัดหมอกถูกหิ้วมาไว้ตรงกลางรถ และท้ายสุดกลมกลืนอย่างมีเสน่ห์ด้วยไฟท้ายทรงเขี้ยวยักษ์ที่ทำให้ท้ายรถรุ่นนี้ดูมีความดุดันในตัว

เปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร   BMW X5 Xdrive40e   อัดแน่นพร้อมสรรพด้วยความหรูหรา ผสานการออกแบบที่อยากให้รถดูมีความสปอร์ตในการออกแบบ สัมผัสได้ถึงการลดความหรูหราอลังการลงไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งไปหาความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น  ตรงหน้าคนขับให้พวงมาลัยสามก้านคล้ายทรงซาลาเปายอฮิตของชาว  BMW  ทั้งหลายเมื่อในอดีต ส่วนตรงหน้าคนขับยังเป็นชุดจอเรือนไมล์ปกติ ยังไม่เน้นความทันสมัยอลังการ ตรงกลางคอนโซลหน้าเฉกเชนพี่น้องของมันกับ   BMW Connected  ใช้นำทางเข้าเน็ต ฟังเพลง หรืออะไรก็ตามรวมศูนย์ไว้อยู่ที่นี่

ด้านการตบแต่งด้านหลังเองก็เปี่ยมด้วยความลงตัวครบครันในการใช้งานตลอดคัน เบาะนั่งทั้งหมดตบแต่ง ด้วยชุดหนังพิเศษ   Dakota   ด้านคนขับที่ผมประจำการนั้นมาพร้อมปรับไฟฟ้าและหน่วยความจำในการใช้งานของผู้ขับขี่ ทางด้านตอนหลังเบาะนั่งสามารถ ปรับแยกพับอิสระในอัตรา   40/20/40  สุนทรีย์ในการเดินทางด้วยระบบความบันเทิงที่จัดมาให้ลงตัวเฉพาะ รวมถึงเรื่องความสบายยังมั่นใจได้ กับระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกได้  4 โซนอิสระในการใช้งาน

ใต้เรือนร่างหรูหราทันสมัย  BMW X5 Xdrive40e   ใหม่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุด ล้ำสุดๆ ด้วยการแนะนำตัวตนแบบรถยนต์เวอร์ชั่นไฮบริดเสียบปลั้กเข้ามาใจคนกระเป๋าหนักงบประมาณไม่จำกัดที่ต้องการมากกว่าแค่รถยนต์ที่ขับขี่สมรรถนะดี

ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดเสียบปลั้กนี้ทำงานสอดผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินแบบ  4 สูบแถวเรียงเทอร์โบ พร้อมเทคโนโลยี   BMW Twin Turbo   ขนาด  2.0   ลิตร ให้กำลังได้มากถึง   245   แรงม้า สูงสุด ที่  5,000-6,500  รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด  350   นิวตันเมตรตั้งแต่  1,250-4,800  รอบต่อนาที สอดผสานเข้ากับชุดมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด    83  กิโลวัตต์ เทียบเท่ากำลังเครื่องยนต์   113  แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุด   250   นิวตันเมตร

เมื่อระบบทำงานพร้อมกัน เจ้า   BMWW X5 Xdrive 40e  ก็แรงเอาเรื่อง ด้วยพละกำลังสูงสุดรวมกัน   313 แรงม้า จนเจ้ายักษ์ใหญ่ ยาว   4,886  มม. กว้าง  1,938 มม. (รวมกระจกมองข้าง)และสูง 1,762  มม. พิกัดตัวเปล่า  2,305 กก.  สามารถจะ เร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.  ได้ในเวลา  6.8   วินาที

ฟังรายละเอียดทางเทคนิคดูเร้าใจ แต่วันนี้เขาเชิญเรามาไม่ได้จะมาให้เหยียบสะบัดสนั่นถนนแบบนั้น แต่ต้องการให้เรารู้จักคำว่าประหยัดอย่างเหนือชั้นของเทคโนโลยีในรถคันนี้ ด้วยความเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั้กชาร์จไฟฟ้าที่บ้านคุณได้ ทำให้   BMW X5 Xdrive 40e  ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟน คุณเสียบไฟไว้ใช้ก่อนในยามค่ำคืนตอนนอน และถอดที่ชาร์จออกมาเมื่อต้องการ โดยในการชาร์จไฟจะเต็มด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มากับรถใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง   48   นาที และ ถ้าคุณมีงบประมาณเพิ่มเติมซื้ออุปกรณ์ชาร์จเร็วจาก   BMW  ที่เรียกว่า   Wall Box   จะใช้เวลาชาร์จเพียง  2  ชั่วโมง   48   นาที และยิ่งกว่านั้น ค่าใช้จ่ายในการชาร์จพี่บึกจนเต็มคิดเป็นเงินเพียง   36   บาท ท่านั้น จากอัตราค่าใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน

การท้าพิสูจน์วันนี้   BMW  ให้เราทำการลองขับด้วยโหมดไฟฟ้าจากย่านจรัญสนิทวงศ์ไปยังร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ตามอัธยาศัย

โดยใน   BMW X5 Xdrive 40e   จะมีโหมดการขับขี่ที่สำคัญอยู่ 3  โหมด ได้แก่   

 

Auto eDrive -  ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่สั่งเครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าเลือกการขับขี่เองตามความเหมาะสมในการใช้งาน

Max eDrive -  โหมดรีดพลังงานไฟฟ้าล้วนออกมาเพื่อใช้ในการขับขี่ให้ได้ระยะทางมากทีสุด และประหยัดที่สุด

และท้ายสุด Save Battery    - โหมดใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟฟ้าระหว่างขับเพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ในการขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าต่อไป

 

เป้าหมายคือร้านอาหารที่มีระยะทาง   30   กิโลเมตร จากจุดเริ่มต้น โดยเรากดปุ่ม   Max e Drive   ใช้ในการเดินทางตลอดเส้นทาง สัมผัสแรกทันที่ที่ขับออกมาคงต้องยอมรับว่า เรารู้สึกว่ามันได้ฟีลลิ่งการขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วโดยอาศัยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ คุณจะรู้สึกถึงความเงียบได้ และไร้แรงสั่นสะท้านในการขับขี่ มันเปลี่ยนนิยามการขับรถจนหมดสิ้น และที่สำคัญระบบปรับอากาศยังเย็น เพลงจากวิทยุยังเพราะ เหมือนรถที่เรารู้จักกันดี

เลี้ยวขวาที่แยกซังฮี้ เริ่มเป็นเส้นทางนอกเมืองเรามุ่งหน้าสู่นครชัยศรี   BMW X5 Xdrive 40e  ให้อัตราเร่งออกรสชาติทางด้านความสปอร์ตพอสมควร เมื่อใช้ความเร็วแบบนี้การล็อกมันไว้ในโหมด   Max eDrive   ทำให้ระบบเครื่องยนต์ไม่ทะลึงสตารืทติดตื่นขึ้นมาทำงานขมีขมัน แต่มันจะใช้ระบบไฟฟ้าไปเรื่อย ซึ่งระหว่างทางช่วงแรกรถยังเยอะอยู่ ผมขับด้วยความเร็ว   80-90 ก.ม./ช.ม. ก็รู้สึกแล้วว่า โอเค ...แต่พอผ่านช่วงพุทธมณฑลไปแล้ว ทางโล่ง ผมลองเร่งขึ้นไป มอเตอร์ไฟฟ้าให้ความจัดจ้ามากขึ้น มันทำความเร็วสูงสุด   120   ก.ม./ช.ม.   ถามผมก็ต้องยอมรับว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว .... แล้วนี่คือคุรใช้ฟ้าขับอย่างเดียว ยังไม่มีระบบเครื่องยนต์มาทำงาน ทำได้ขนาดนี้ถือว่า ดีเกินราคาคุ้มค่าเกินตัวแล้ว

ผมขับมาเรื่อยแบบงงๆ ทางตามขบวน ไม่นาน ไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่หมดลง รถตัดกลับไปเป็นโหมด Auto e Drive ผมและชาวคณะขับกันต่อไป จนเข้าถึงตัวเมืองนครปฐม ก็เริ่มปรึกษากันว่า เราท่าทางจะหลงทาง

และด้วยเวลาเที่ยงแล้วหิวข้าว!!  เราพึ่ง   Google  Map   เป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาขับไปยังที่หมายปลายทาง โดยระหว่างทางเราใช้โหมด   Auto e Drive  ตลอด เจ้า   X5  ก็แสดงให้เห็นสมรรถนะของมันที่ไม่เป็นสองรองใคร แรงบิดมหาศาลจากระบบขับเคลื่อนของมันทำให้เราขับสนุกสนานออกรสชาติในการขับขี่ เมื่อประกอบกับระบบช่วงล่างที่เซทมาอย่างลงตัว อย่าแปลกใจที่คุณจะพบว่ารู้ตัวอีกทีก็โดนจ่าจับเรื่องความเร็วเสียแล้ว

 

BMW X5 Xdrive 40e  งบประมาณมี ..คำเดียวว่า “ต้องจัด “ ....

 

ถึงที่หมายปลายทาง ผมลงมาจากฝั่งคนขับ   BMW X5 xdrive 40e M Sport   นอกจากความหรูหราและการออกแบบที่ลงตัวตามฉบับ  BMW  ผมว่าเรื่องระบบขับเคลื่อนของมันก็แลดูจะไม่สองรองใครในเรื่องสมรรถนะในการขับขี่ แถมคุณยังแรงกว่าประหยัดกว่า

สิ่งเดียวที่จะขวางคุณไม่ให้มีโอกาสเป็นเจ้าของมันคือ ราคาจำหน่ายที่  5,399,000 บาท  ซึ่งมีราคาแพงกว่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซล อยู่ราวๆ   8  แสนกว่าบาท อาจจะทำให้คุณคิดไม่ตกว่า ควรจะจับจองเป็นเจ้าของมันดีหรือไม่

อย่างไรก็ดี ถึงจะเป็นการขับลองรถในระยะสั้นๆ แต่ ระบบขับเคลื่อน  BMW X5 Xdrive 40e  ก็โชว์ความดีความชอบออกมา โดยเฉพาะการวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าที่ไปได้ไกลถึง   30   กิโลเมตร ในความเร็วสุงสุดที่เราขับขี่  120   กิโลเมตร ก็ต้องยอมรับว่าเหนือชั้นกว่า รถเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ที่ต้องใช้เครื่องยนต์

ยิ่งถ้าคุณขับรถในเมืองเป็นประจำ อยากเติมน้ำมันน้อยสนุกนาน ผมว่ายอมจ่ายซื้อไฮบริดเสียบปลั้กไว้ใช้งานสักคัน ถ้ามีงบประมาณมากพอ ลองจินตนาการว่าคุณเสียเงินชาร์จไฟ   36   บาท ทุกวัน แต่ขับได้ไกล 30   กิโลเมตร นั่นเท่ากับคุณสามรถลดค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งหรืออาจจะมากกว่านั้นในการเดินทางไปทำงาน ของคุณในแต่ละวัน .. ถามผม ก็ว่าคุ้มนะ และคุณยังดูเป็นคนทันสมัยด้วยล่ะ

นวัตกรรมใหม่ๆ มักจะมาพร้อมความลงตัวในการใช้งานใหม่ๆ เสมอ วันนี้รถยนต์เทคดนดลยีไฮบริดเสียบปลั้กเป็นของเล่นใหม่ที่มาถึงเมืองไทยให้บรรดาคนกระเป๋าหนักได้จับจอง และมันไม่ใช่มีดีเพียงเรื่องประหยัดเท่านั้น...หากสมรรถนะยังเร้าใจในแบบที่คุณต้องร้อง ว้าว!! เลยทีเดียว

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog  ส่วนตัว

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com