Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All New Nissan Almera VL Turbo พวงมาลัยเบา กำลังเหลือ ใครๆ ก็ขับได้

นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ที่ประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ที่ผ่านมา All New Nissan Almera ก็ได้รับการกล่าวถึงไม่น้อย ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่หมด อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ กับราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 499,000 บาท ไม่เกิน 5 แสนบาท และขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบใหม่ ขนาด 1.0 ลิตร ที่ในบ้านเราอาจยังไม่เป็นที่คุ้นเคยกันมากนัก

ในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทาง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เชิญทีมงาน Autodeft.com ร่วมสัมผัสรถใหม่ All New Nissan Almera ที่นับได้ว่าเป็นสัมผัสแรกในการขับขี่บนถนนจริงกับรถใหม่จากค่ายนิสสัน โดยในครั้งนี้เราเดินทางลงใต้ไปกันที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อขับทดสอบ Nissan Almera ใหม่กัน บนเส้นทางช่วงไปกลับภูเก็ตพังงา ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเส้นทางโค้งแบบเลนสวน เป็นระยะทางราว 200 กว่ากิโลเมตร

สภาพเส้นทางนั้นในการขับทดสอบครั้งนี้ เป็นถนนแบบเลนสวนเป็นส่วนใหญ่ สลับกับเส้นทางขึ้นลงเขาในบางช่วง และมีช่วงให้ได้ทำความเร็วอยู่บ้างเล็กน้อย สภาพถนนโดยรวมค่อนข้างดี มีวิ่งบนสภาพเส้นทางที่ขรุขระบางช่วงเล็กน้อย โดยเส้นทางที่จัดไว้ไปเส้นทางขับขี่ไปกลับจากภูเก็ตไปพังงา และกลับจากพังงาเข้าสู่ภูเก็ต

แรกเห็นกับดีไซน์ภายนอกตัวรถมีความโค้งมนสวยงามลงตัวไม่น้อย โดดเด่นสวยงามขึ้นจากโฉมก่อนอย่างชัดเจน ด้านหน้าดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้าแบบ V-Motion ที่แนวขอบฝากระโปรงหน้าเชื่อมต่อกันกับโคมไฟหน้าแบบ LED ที่ภายในโคมมี LED Signature Light ทรงบูมเมอแรง พร้อมกับไฟตัดหมอกทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่บริเวณชายกันชนล่างด้านหน้าดีไซน์คล้ายกับครีบยื่นออกมาสไตล์สปอร์ต

กวาดสายตาต่อเนื่องแนวหลังคาไปจรดด้านท้ายรถ สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้กับตำแหน่งของกระจกมองข้างที่เลื่อนถอยไปด้านหลังเล็กน้อย ทำให้มีช่องบริเวณกระจกข้างบานหน้าที่ช่วยลดมุมอับสายตาได้ดีระดับนึง แนวเสาหลังคาหลังได้รับการออกแบบให้ยกขึ้น (kick-up C-pillars) และหลังคาดีไซน์แบบลอยตัว (floating roof) โดยบริเวณเสา C จะพบได้กับการตกแต่งตัดด้วยสีดำที่คาดยาวจากส่วนของประตูข้างด้านท้ายไปยังขอบกระจกด้านหลังส่วนล่าง ซึ่งด้านท้ายรถเองก็จะพบได้กับไฟท้าย Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED ทรงบูมเมอแรงด้วยเช่นกัน

ด้านของมิติตัวรถใหม่ตามสเปค มีความยาว 4,495 มม. เดิมยาว 4,425 มม. ความกว้าง 1,740 มม. เดิมกว้าง 1,695 มม. ความสูง 1,460 มม. เดิมสูง 1,500 มม. ระยะฐานล้อ 2,620 มม. เดิมกว้าง 2,600 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มม. น้ำหนักรถ 1,065-1,076 กก. ซึ่งเมื่อดูจากสายตาแล้วให้ความรู้สึกที่ใหญ่โตไม่เบา โดยเฉพาะเมื่อวิ่งอยู่บนถนนแล้วเทียบกับรถรุ่นเดิม ตัวรถดูมีมิติที่กว้างขวาง และจากตัวเลขเองนั้น มิติตัวรถก็มากขึ้นกว่าเดิมในเกือบทุกมิติภายนอก ยกเว้นในส่วนของความสูงที่โฉมใหม่นี้นั้นมีความสูงลดลงมา เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นนั้นเอง

ขยับเข้ามาในส่วนของภายในรถใหม่ All New Nissan Almera รุ่น VL ท็อปสุด ที่ขับทดสอบในครั้งนี้ ตกแต่งมาในธีมสีดำตัดด้วยหนังสีครีมอมเทาที่บริเวณแดชบอร์ดหน้าอย่างชัดเจน และตัวเบาะที่นั่งเองก็เห็นได้ชัดกับสีแบบทูโทน ที่เป็นเบาะผ้าสีดำตัดขอบสีครีมอมเทา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน ทรง D-Shape ที่ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง หน้าปัดผสานกันระหว่างเข็มวัดความเร็วที่ด้านขวาแบบอานาล็อค และด้านซ้ายบนหน้าปัดจะพบกับจอสีดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถแสดงข้อมูลต่างๆ ของตัวรถ ที่มีขนาดตัวอักษรและตัวเลขที่ใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พร้อมเมนูภาษาไทยให้มาด้วย ซึ่งน่าจะถูกใจสำหรับลูกค้าผู้ใหญ่

จอกลางความบันเทิงมาพร้อมจอขนาด 8 นิ้วระบบสัมผัส พร้อมระบบ NissanConnect รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX IN รวมไปถึง Apple CarPlay พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง รวมทวิตเตอร์ที่บริเวณเสา A ที่ให้คุณภาพเสียงในระดับที่ใช้ได้ ถัดลงมาก็จะพบได้กับแผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สวิทซ์หมุนด้านขวาปรับอุณหภูมิ และด้านซ้ายปรับระดับความแรงของพัดลม

พร้อมล้อหมุน...กับช่วงการขับทดสอบจริงบนถนน แรกสัมผัสกับความรู้สึกตั้งแต่การขับขี่ในช่วงออกตัวย่านชุมชนบนถนนเลนสวนตามภูเขาในภูเก็ต พวงมาลัยของรถถูกเซ็ตมาให้มีน้ำหนักที่เบา สามารถหมุนได้ง่ายดายเพียงมือเดียว ซึ่งน่าจะถูกใจสาวๆ ไม่น้อย และในช่วงความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น พวงมาลัยก็ยังคงให้ความรู้สึกในการควบคุมที่เบา แต่สามารถควบคุมรถเลี้ยวไปตามโค้งต่างๆ ได้ค่อนข้างแม่นยำเป็นธรรมชาติ และในช่วงความเร็วเดินทางตรงยาวๆ พวงมาลัยที่เบานี้ก็สามารถขับขี่ได้แบบสบายๆ ไม่ต้องคอยประคองพวงมาลัยให้รู้สึกเหนื่อยล้าแต่อย่างใด หากแต่ในความเร็วสูงถ้าพวงมาลัยมีน้ำหนักที่หนืดขึ้นมากกว่านี้ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีก

ด้านช่วงล่างเอง ในระหว่างการขับขี่รู้สึกได้ถึงความเบาและความคล่องตัวของรถ ช่วงล่างมาในทางนุ่มและหนึบไม่ย้วย ติดสปอร์ตมากขึ้น แต่จะรู้สึกสะเทือนบ้างเล็กน้อยซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจากความดันลมยางที่เซ็ตค่ามาตรฐานมาในระดับ 38 psi ซึ่งหากว่าลดระดับลมยางลงมาแล้ว ความรู้สึกของช่วงล่างน่าจะมอบความนุ่มนวลที่มากขึ้นกว่านี้ ในด้านการปรับเซ็ตช่วงล่างปรับจูนมาในแบบกลางๆ ไม่ได้เน้นไปทางนุ่มมาก หรือหนึบมากจนแข็ง เป็นช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกไม่นุ่มไปหรือหนึบไป ซึ่งน่าจะตอบโจทย์การขับขี่ใช้งานที่หลากหลายทั้งในเมืองและนอกเมืองได้ และในช่วงการขับผ่านโค้งด้วยความเร็ว การเกาะถนนเองก็ทำได้ดีทั้งตอนเป็นผู้ขับขี่ และตอนที่นั่งโดยสารรู้สึกได้ว่าตัวรถเกาะถนนเข้าโค้งได้มั่นใจ และทำให้รู้สึกได้ว่าสามารถเพิ่มความเร็วได้มากกว่านี้ บวกกับตัวเบาะที่นั่งที่มีการออกแบบให้กระชับสัดส่วนมากขึ้นก็เป็นส่วนช่วยให้ตัวของผู้โดยสารไม่โยนไปมาตามการเลี้ยวของรถเท่าใดนัก

และเมื่อพูดถึงเบาะที่นั่งแล้ว ส่วนของเบาะด้านหลังเองสำหรับส่วนตัวที่สูง 178 ซม. มีความรู้สึกว่าส่วนของเบาะรองนั่งสั้นไปนิดไม่ค่อยรองรับช่วงต้นขาเท่าไหร่ แต่พื้นที่วางขานั้นต้องยอมรับเลยว่ามีแบบเหลือๆ เลยทีเดียว และด้านพื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผมในท่านั่งปกติ พื้นที่ก็ยังมีเหลือและไม่ได้รู้สึกว่าอืดอัดเมื่อต้องนั่งที่เบาะด้านหลังของ Almera ใหม่นี้

การตอบสนองของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร 3 สูบ รหัส HRA0 ที่ตามสเปคสามารถรีดกำลังได้สูงสุด 100 แรงม้า แรงบิด 152 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที พร้อมส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic จากการขับขี่ใช้งานจริงแล้วนั้นสามารถตอบสนองการขับขี่แบบทั่วไปได้แบบสบายๆ เหลือๆ การเร่งความเร็วตั้งแต่ออกตัวทำได้อย่างไหลลื่น และไม่ได้รู้สึกว่ารถนั้นมีอาการอืดแต่อย่างใด ในจังหวะของการเร่งแซงการเติมคันเร่งลงไปเครื่องยนต์ก็สามารถพารถแซงขึ้นไปได้แบบไม่ต้องลุ้น และในเส้นทางช่วงขึ้นเขาเองก็ตาม กำลังของรถก็มีให้ได้เรียกแบบสบายๆ หมดห่วงเรื่องการขับขึ้นเขาไปได้เลย และหากคุณไม่ได้เป็นคนเท้าหนัก อัตราเร่งต้องดึงต่อเนื่อง ต้องการพละกำลังที่แรงติดเบาะ Nissan Almera ใหม่ นั้นถือได้ว่าเพียงพอแล้วต่อการใช้งาน

แต่หากพูดถึงในเรื่องของความเร้าใจหรือความแรงนั้น อาจจะไม่ได้กดคันเร่งแล้วปรู๊ดปร๊าดดึงจนหลังติดเบาะ แต่พละกำลังในระดับนี้นั้นถือได้ว่าเพียงพอแล้วกับการขับขี่ใช้งานแบบทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการขับออกต่างจังหวัดที่ใช้ความเร็วกันที่ระดับ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ช่วงล่างที่เซ็ตมาแบบกลางๆ ก็ให้ความรู้สึกในการเดินทางที่สบายไม่น้อย จะมีเสียงลมจากด้านข้างประตูให้พอได้ยินเข้ามาบ้างเมื่อความเร็วเกินระดับ 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง

และสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถเร่งได้ในเวลาประมาณ 10.6 วินาที กับเงื่อนไขในการแบกน้ำหนักผู้โดยสาร 2 ท่าน ที่มีน้ำหนักรวมราว 130-140 กิโลกรัม ในโหมดการขับขี่เกียร์ D ปกติ จอดหยุดนิ่งก่อนที่จะกดคันเร่งแบบจมมิด พารถไต่ความเร็วขึ้นไปที่ระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้วิธีในการอัดวีดีโอพร้อมจับเวลาด้วยนาฬิกาและกดหยุดเมื่อความเร็วถึงระดับ อ้างอิงความเร็วจากหน้าปัดของรถ

ระบบเบรกของตัวรถ All New Nissan Almera เป็นดิสก์เบรกคู่หน้า และดรัมเบรกที่ล้อหลัง การตอบสนองของแป้นเบรกที่ไม่แข็ง สามารถกดแป้นได้ง่าย เบรกจับไวเล็กน้อย การชะลอรถสามารถกะระยะได้แม่นยำ รวมไปถึงการหยุดรถจอดสนิทก็มั่นใจได้ทุกครั้งที่เบรก

และด้านของตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยของ All New Nissan Almera ที่ทีมงานได้ขับทดสอบกันในครั้งนี้ ที่มีการใช้ความเร็วหลากหลายช่วง มีการเรียกกำลังจากเครื่องยนต์อยู่บ่อยครั้ง การขับขึ้นเขาลงเขา การเร่งแซง เฉลี่ยตัวเลขบนหน้าปัดอยู่ที่ 15.6 กิโลเมตร/ลิตร ถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่ให้ความประหยัดไม่น้อย เมื่อเทียบกับการขับขี่ที่มีการเรียกใช้กำลังเครื่องยนต์ในรอบสูงๆ หลายจังหวะ ซึ่งหากการขับขี่ในการเดินทางไกลยาวๆ ความเร็วคงที่ น่าจะทำให้ตัวเลขที่ได้เพิ่มสูงมากขึ้นกว่านี้ไม่ยาก

ในด้านของระบบความปลอดภัยของ All New Nissan Almera ต้องยอมรับเลยว่าทางนิสสันได้ใส่ความปลอดภัยมาให้อย่างครบครันกับรถในระดับนี้ ไม่ว่าจะเป็น

- สัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW)
- เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB)
- เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)
- เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)
- เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
- เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC)
- เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)

ยังไม่หมด ในรถใหม่ Nissan Almera ใหม่ ยังติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งในเชิงการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (Active Safety) มาให้ ดังนี้

- โครงสร้างตัวถังเป็นแบบ Zone Body Concept
- ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (side airbags) และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (curtain airbags) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่น VL
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด แบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ด้านหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูจากภายในรถ
- ระบบเบรก ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
- ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

นับได้ว่า Nissan Almera Turbo ใหม่ มีความโดดเด่นในเรื่องของระบบความปลอดภัยอย่างมาก ซึ่งในรถราคาระดับนี้การใส่ระบบความปลอดภัย อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ มาให้ ถือได้ว่าคุ้มค่าไม่น้อย บวกกับเครื่องยนต์ใหม่ 1.0 ลิตรเทอร์โบเอง ที่สามารถตอบสนองได้เทียบเท่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่คุ้นเคย และแตกต่างอย่างค่อนข้างชัดเจนเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือแม้คุณจะต้องการใช้งานเดินทางไกล มีการใช้ความเร็วในช่วงระยะทางยาวๆ ก็ถือได้ว่ารถมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือให้ขับขี่กันแบบสบายๆ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องคอยเค้นกำลังจากเครื่องยนต์

All New Nissan Almera จึงเป็นรถใหม่อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจะอยู่ในตัวเลือกการตัดสินใจของใครหลายๆ คน หากแต่ว่าคุณจะต้องไปลองสัมผัส และทดลองขับด้วยตัวคุณเอง เพราะมีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะทราบว่ารถยนต์คันไหน รุ่นใด จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่คุณมีทั้งหมดได้สูงสุดนั้นเอง...

สิ่งที่ชอบ
- ระบบตัวช่วยและความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง
- หน้าปัดดิจิตอลสี ขนาด 7 นิ้ว
- ระดับความประหยัด 15.6 กม./ลิตร กับการขับขี่หลากรูปแบบ ทั้งขึ้นเขา เร่งแซง และใช้ความเร็วสูง

สิ่งที่ไม่ชอบ
- เสียงลมเล็กน้อยด้านข้างที่เข้ามาช่วงตั้งแต่ความเร็ว 110 กม./ชม. ขึ้นไป
- ช่วงใช้ความเร็วสูงส่วนตัวแล้วชอบพวงมาลัยที่หนืดกว่านี้