Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All-New Honda Civic RS แรงขึ้น นิ่งขึ้น ประหยัดขึ้น ขับสนุกขึ้น
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 18 ส.ค. 64 00:00
- 16,276 อ่าน
ตลาดรถไซส์ Compact Car หรือ Sedan C Segment ที่แม้ว่าตอนนี้อาจจะไม่ใช่ตลาดใหญ่ที่สุดของรถยนต์ใหม่ในเมืองไทย แต่บอกได้เลยว่าตลาดนี้ดุเดือดเลือดพล่านกันสุด ๆ ที่ก่อนหน้านี้จะมีครบเกือบทุกค่าย แต่ตอนนี้ก็ล้มหายตายจากไปจนเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็เพียง 3 เจ้าตลาดใหญ่ก็คือ Toyota Corolla Alti, Mazda3 และ Honda Civic (MG 5 ยังไม่นับ เพราะก้ำกึ่งว่าจะอยู่ B)
ต้องยอมรับว่า ในตลาดรถกลุ่มนี้ เบอร์ 1 ในเรื่องยอดขายรถส่วนบุคคล (ไม่รวมแท็กซี่) Honda Civic กวาดยอดขายเป็นเบอร์ 1 มาโดยตลอด อาาจะมีบ้างบางเดือนที่อาจจะโดนคู่แข่งแซงไปบ้างในบางเดือน แต่เมื่อมองภาพรวมใหญ่แล้ว สุดท้ายรถซีดานรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นรถยอดนิยมของคนไทยอบยู่เสมอ
และล่าสุดในไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางฮอนด้าก็ได้จัดการแทรกคิวการเปิดตัวใหม่แบบเปลี่ยนโฉม เพราะถ้าตามคิวแล้ว Honda HR-V ควรต้องมาก่อนถ้าดูตามตารางการเปิดตัวที่เมืองนอก แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว Honda Civic ย่อมสำคัญกว่าแน่นอน ยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายแบบนี้ ยิ่งต้องทำให้รีบในการสลับคิวรถยอดนิยมให้มาก่อน เพราะเชื่อขนมกินได้เลยว่างานนี้ต้องเพิ่มยอดขายได้มากแน่นอน
All-New Honda Civic เพิ่งเปิดตัวในรูปแบบ World Premier ไปได้ไม่นาน บ้านเราก็ถือว่าเป็นเสือปืนไว เพราะเอามาเปิดตัวตามมาทันทีชนิดไม่ต้องปล่อยให้รอลุ้นนาน ซึ่งผมเองในฐานะทีมงาน AUTODEFT ก็จัดการพาไปชมรอบคันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องบอกว่า ผลตอบรับนั้นยังคงล้นหลามอยู่เช่นเคย แน่นอนแหล่ะว่ามีทั้งชื่นชมและบ่นหน่อย ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเรื่องของหน้าตาที่ดูแล้วอาจจะไม่ตรงใจวัยโจ๋ชาวไทยกันสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับโฉมหน้านี้ที่โดนใจวัยรุ่นไปกันเกือบทั้งประเทศ
ควันของการเปิดตัวยังไม่ทันจาง ทีมงาน AUTODEFT ก็ได้รับหมายเชิญไปทำการรีวิว ขับทดสอบ All-New Honda Civic ด้วยความรวดเร็ว เราเองก็ตอบรับในทันที เพราะใจจริงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ารถยนต์ใหม่ 2021 รุ่นนี้ ที่เขาบอกว่ามีดีขึ้นกว่าเดิมอีกเพียบ มันจะดีจริงขนาดไหน ว่าแล้วก็ลองมาตามดูกันได้เลยครับ
รอบนี้ที่ผมได้ทำการทดสอบ จะเป็น All-New Honda Civic RS ตัวท็อปบนสุดของซีวิค FE เลย เรามาว่ากันเรื่องข้อมูลเบื้องต้นกันเลยดีกว่า โดยรถซีดานไซส์ Compact คันนี้ ยังคงใช้เครื่องยนต์ขนาดเดิม คือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว VTEC TURBO หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI ที่ถึงแม้จะเป็นขนาดเดิม แต่มีการปรับระบบอัดอากาศใหม่ ทำให้สามารถรีดกำลังได้มากกว่าเดิมเป็น 178 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร (ของเดิมแรงม้า 173 แรงบิด 220 นม.) ยังเลือกใช้งานเกียร์แบบ CVT (Continuously Variable Transmission) เหมือนเดิม รอบนี้รองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 เลยนะ
โครงสร้างของ All-New Honda Civic RS มีการใช้โครงสร้างที่มีการปรับปรุงใหม่ ที่ออกแบบใหม่ให้ออกมาในแนว Wide & Low นั่นก็คือให้กว้างและต่ำลงกว่าเดิม รวมทั้งยังทำให้ ทนต่อการบิดตัวได้มากขึ้น 8% ทนต่อการงอตัวดีขึ้น 13% จะได้ช่วยให้ตัวรถขับได้นิ่งกว่าเดิม และการเข้าโค้งนั้นเกาะถนนมากกว่าเดิมด้วย ถ้ามาดูกันในเรื่องของมิติ จะอยู่ที่ 4,678 x 1,802 x 1,415 มม. (ยาว-กว้าง-สูง) ฐานล้อกว้าง 2,733 มม. เทียบกับตัวเก่าแล้ว จะยาวกว่าเดิม 48 มม. กว้างกว่า 3 มม. เตี้ยลง 1 มม. ฐานล้อกว้างขึ้น 35 มม. เท่านั้นยังไม่พอ ความห่างของล้อหลังยังเพิ่มขึ้นอีก 12 มม. ซึ่งน่าจะทำให้รถนั้นมีความนิ่งมากกว่าตัวเดิม ช่วงล่างเลือกใช้งานด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบ มัลติลิงค์ อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ล้อแม็กซ์สีดำ Matte Black เข้มเชียว ขนาด 17 นิ้วที่รัดมาพร้อมยางขนาด 215/50 R17 ใช้ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
สำหรับการออกแบบนั้น ผมว่าออกไปแนวเอา Honda Accord มาแต่งใหม่ เพราะดูแล้วมันออกไปทางแนวหรูมากกว่าแนววัยรุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนบ่นว่า ทำไมรอบนี้มันไม่สวยเลย บ้างก็เหน็บว่า ซีวิคเขาสวยรุ่นเว้นรุ่น รุ่นก่อนสวยมากไปแล้ว รอบนี้เลยออกแนวไม่สวย เอาจริงนะ ผมเองน่ะชอบนะ ผมว่าดูหรูเลย อันนี้ไม่รู้ว่าตัวผมเองอายุวัยกลางคนหรือเปล่า ก็เลยชอบการออกแบบที่ไปทางแนวหรู เรื่องสวย-ไม่สวยเนี่ย แล้วแต่รสนิยมส่วนตัวจริง ๆ
All-New Honda Civic RS ใช้ไฟหน้าแบบ Full LED เปิด-ปิดได้อัตโนมัติ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED รวมทั้งก็ยังมีไฟตัดหมอกแบบ LED ด้วยเช่นกัน ตัวจมูกมันจะยื่นออกมาหน่อย ดูยื่นออกมามากกว่า Accord แน่นอนว่าเป็นตัวตกแต่งแบบ RS ก็เลยมีส่วนตกแต่งที่เป็นสีดำเยอะหน่อย ทั้งแผงบน แผงล่าง รวมทั้งกรอบไฟตัดหมอกด้วย ด้านข้างเราจะเห็นลายเส้นที่ลากตรงเริ่มจากไฟหน้าไปจบที่ไฟท้านในแนวเดียวกัน ทางฮอนด้าเรียกการออกแบบนี้ว่า Character Line มีกระจกมองข้างและมือจับประตูที่เป็นสีดำ และเราจะมองไม่เห็นรูกุญแจอยู่บนมือจับอีกต่อไปแล้ว เพราะรถยนต์ใหม่คันนี้จะเอาช่องกุญแจไปซ่อนเอาไว้ใต้มือจับอีกที เอาเป็นว่าถ้ารีโมทคุณหายหรือแบตเตอรี่หมด ก็ดึงมือจับประตูออกมา เราก็จะเห็นรูกุญแจใต้นั้นเลย
ไฟท้ายก็ยังใช้แบบ LED เหมือนกัน โดยใช้รูปแบบการออกแบบเป็น C line แบ่งเป็น 2 ข้างอย่างชัดเจน มีชุดที่ติดกับตัวถังและติดบนฝากระโปรงท้าย มีสปอยเลอร์หลังแบบ Ducktail สีดำติดพาดอยู่ตลอดแนวของฝากระโปรง ชายด้านล่างมีตัดขอบด้วยสีดำ มีปลายท่อไอเสียแยกออก 2 ข้างซ้าย-ขวา (หลายคนถามทำไมไม่ออกกลางคู่เหมือนตัว Hatchback ก็เขาเก็บไว้ใช้กับตัว Hatchback ไงล่ะ) ส่วนในฝากระโปรงท้ายนั้น เขาบอกว่ามันใหญ่กว่าเดิม ใหญ่ขนาดใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 25 นิ้วได้ถึง 3 ใบ เสียดายที่เบาะหลังพับไม่ได้ ไม่งั้นน่าจะขนของได้มากกว่านี้เยอะเลย
เด่นที่สุดของภายนอกที่เปลี่ยนไปจากเดิม ก็คือเรื่องการประกอบตัวถังแบบใหม่ที่ขึ้นงานเป็นชิ้นเดียว เขาเรียกว่า เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา ดังนั้นจากที่เราเคยเห็นเส้นยางสีดำมาพาดยาวจากด้านหน้าไปด้านหลังในรถส่วนใหญ่ แต่บน All-New Honda Civic จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว มันก็เพิ่มความดีงามในการใช้งานนาน ๆ เพิ่มขึ้นไปอีก เพราะถ้าไม่มีรอยต่อ แปลว่ายางตรงนั้นก็จะไม่มีให้เสื่อมสภาพ เหมือนรถหลายคันที่ยางบนหลังคาหมดสภาพเมื่อใช้งานไปนานเข้า ก็จะเจอปัญหาหลังคารั่วอะไรประมาณนั้น ถือว่าเยี่ยมมาก ๆ เลย อีกส่วนที่ทางฮอนด้าใส่มาในคุณมบัติเด่นก็คือ ดีไซน์ซุ้มล้อ พับและหุ้มเพื่อเพิ่มความประณีต ผมดูแล้วมันก็ไม่มีอะไรนะ ข้ามไปละกัน
อีกสิ่งที่ผมชอบก็คือ ที่ปัดน้ำฝนรูปแบบใหม่ เรื่องรูปทรงมันไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องการฉีดน้ำปัดน้ำฝนนี่แหล่ะคือความดีงาม จากปกติทั่วไปแล้ว น้ำฉีดกระจกจะมีหัวฉีดติดอยู่ถ้าไม่บนฝากระโปรง ก็ให้ฝากระโปรงที่ฉีดตรงขึ้นไปให้ทั่วทั้งกระจก นานวันเข้าพวกก็อาจจะมีฉีดไปแบ่งปันรถข้างหลังกันบ้าง (เคยจอดรถติดไฟแดง แล้วคันหน้าพวกฉีดข้ามมาลงกระโปรงรถเราเต็ม ๆ ไม่รู้มันลงกระจกรถเข้าหรือเปล่า รู้แต่ว่าลงที่รถผมเต็ม ๆ) แต่รอบนี้เขาคิดใหม่ เอาหัวฉีดน้ำมาติดบนที่ปัดน้ำฝนซะเลย จบเรื่อง พอฉีดปุ๊บ น้ำก็นองอยู่บนกระจก ใบปัดน้ำฝนก็ทำหน้าที่กวาดน้ำไปจนทั่วกระจก เยส สะอาดทั่วแผ่นแบบไม่รบกวนใคร
All-New Honda Civic RS เปลี่ยนรูปแบบของตัวกุญแจใหม่ จากเดิมที่เป็นกุญแจรีโมท ขนาดประมาณหนึ่ง ถ้าใส่ซองหนังไปด้วยเหมือนตอนยืมรถไปทดสอบ มันก็จะหน้าเตอะพกยากเอาเรื่อง รอบนี้เปลี่ยนใหม่ให้มาเป็น Honda Smart Key Card ตัวขนาดมันเล็กกว่าบัตรเครดิตอีก แต่ความหนานั้น หนากว่าบัตรเครดิตประมาณ 2 เท่าตัว พกง่ายกว่าของเดิมเยอะเลย เอาเป็นว่าเสียบเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ก็ใช้งานได้แล้ว เพราะการปลดล็อกรถเป็นระบบ Smart Entry จับมือจับก็ปลดล็อกได้เอง มีระบบ ล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ไว้ให้ใช้งาน หรือจะแตะตรงจุดที่เป็นขีด ๆ บนมือจับเพื่อล็อกรถก็ได้ ไม่ว่ากัน เพียงแต่ว่าถ้าจะใช้งานระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ตัวการ์ดไม่มีปุ่มให้กดจ้า แต่เขาจะมีตัวรีโมทปกติให้มาเป็นสำรองด้วย ซึ่งมันสตาร์ทเครื่องด้วยรีโมทได้ หรือจะสั่งการผ่านระบบ Honda Connect ก็ได้ ไม่ว่ากัน
ขยับเข้าไปด้านในบ้าง สำหรับการออกแบบ All-New Honda Civic RS รอบนี้ ฮอนด้าใช้วิธีการออกแบบที่เอาคนขับเป็นศูนย์กลาง (แล้วที่ผ่านมาล่ะ) เน้นพื้นที่โดยสารที่โปร่งโล่ง และทัศนวิสัยที่ดี ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด “Fine Morning” กับเช้าวันใหม่ที่สดใส เน้นความเรียบง่ายสบายตา, การใช้งานและเส้นสายที่สวยงาม เข้าไปแล้วสิ่งแรกที่สะดุดตามากที่สุด ก็คงต้องเป็นแผงรังผึ้งบนคอนโซลที่ลากยาวจากซ้ายสุดจนจบที่พวงมาลัย ดูเหมือนจะเป็นรถหรูยุค Retro ประมาณนั้น โดยสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้แผงนี้คือช่องแอร์นั่นเอง มีก้านคันโยกเหมือนก้านจอยเกม มาให้เราโยกเปลี่ยนทิศทางลมได้ แต่ใต้แผงนั้นไม่ได้เป็นช่องแอร์ทั้งหมดนะ มีเป็นจุดเหมือนรถทั่วไปแหล่ะ เอาเป็นว่าเห็นก้านตรงไหน ตรงนั้นก็คือช่องแอร์นั่นเอง (ไม่อยากนึกถึงตอนทำความสะอาดเลย น่าจะเหนื่อย)
แผงคอนโซล ดูจะเน้นการออกแบบที่เรียบง่ายจริง ๆ เพราะปุ่มแทบไม่มีให้กดอะไรได้หลงเหลืออยู่สักเท่าไหร่ เหลือก็แต่ปุ่มปรับอุณหภูมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกโซนก็เท่านั้น ที่เหลือก็ไปใช้เอาในหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้วแทน ซึ่งหน้าจอ Infotainment นี้ เป็นแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri แต่ก็มีช่อง USB ให้เสียบสายเชื่อมต่อได้เหมือนเดิม ลำโพง 8 ตำแหน่ง มีระบบ Honda Connect เอาไว้ให้ใช้งาน ใต้หน้าจอมีช่องวางโทรศัพท์พร้อมเป็นแท่นชาร์จไร้สายอีกด้วย ไล่ลงมาเล็กน้อยที่ก้านเกียร์ก็เป็นแบบหัวหุ้มหนังตามสไตล์ทั่วไป ไม่มีโหมด Manual ที่เกียร์ ให้ไปสับเกียร์บน Paddle Shift เอาเองแทน มีปุ่มเลือกโหมดขับขี่ให้กดอยู่ข้าง ๆ ขับได้ 2 โหมดคือ ECON, Normal และ Sport (หน้าปัดเปลี่ยนเป็นสีแดง) มีปุ่มเบรกมือไฟฟ้าอยู่ห่างไปไม่ไกล รวมทั้งปุ่ม Auto Hold ที่อยู่ติดกันด้วย
เบาะนั่งเป็นทรงทั่วไป ใช้วัสดุเป็นหนังกลับและวัสดุหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับได้ 8 ทิศทาง ของคนนั่งข้างได้ 4 ทิศทาง ตัวเบาะมีการเสริมแผ่นเรซิ่นรองรับน้ำหนักให้ตัวเบาะโค้งรับเราได้ดีขึ้น รับทั้งตรงแผ่นหลังด้านบน กระดูกเชิงกรานจนไปถึงต้นขา ทำให้นั่งแล้วสบายมากขึ้น แผงคอนโซลและประตูวัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่เป็น Soft Touch เกือบทั้งแผง พวงมาลัยหุ้มหนังทรงกลม ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ผมว่าตัวก้านมันดูผู้ใหญ่ไปนิด ของโฉมก่อนสวยกว่า มีปุ่ม Multi-Function อยู่บนก้านทั้ง 2 ข้าง ด้านซ้ายใช้ปรับคุมเครื่องเสียง ด้านขวามเอาไว้คุมระบบ Adaptive Cruise Control หน้าจอข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว แบบ Digital ทั้งแผง มีตัวหลักเป็นแผงความเร็วด้านขวาที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ ส่วนด้านซ้ายก็จะเป็นรอบเครื่องยนต์ และเอาไว้ปรับเปลี่ยน Media ที่เราต้องการใช้งานบนหน้าจอกลางก็ได้ ส่วนตรงกลางช่องว่างของเข็มความเร็ว ก็บอกข้อมูลอื่น ๆ ทั้งอัตราเฉลี่ย, ข้อมูลระบบความปลอดภัย, เข็มทิศ, Trip, เตือนการรัดเข็มขัด (ทั้ง 5 ตำแหน่งเลย) อะไรประมาณนี้
เบาะหลังก็เหมือนกับเบาะหน้า เป็นเบาะหนังเหมือนกัน แต่พับไม่ได้นะ มีที่ท้าวแขนมาให้พร้อมช่องวางแก้วน้ำ มีช่อง USB ให้เสียบชาร์จ 2 ช่อง แต่แอร์หลังไม่มีนะจ๊ะ
มาถึงเรื่องสุดท้ายก่อนออกเดินทางกับระบบความปลอดภัย ความดีงามของ All-New Honda Civic ในรหัสตัวถัง FE ที่เขาให้ระบบความปลอดภัย Honda Sensing ในทุกรุ่นย่อยเลย ปกติแล้วถ้าอยากได้ ต้องซื้อตัวท็อปเท่านั้นถึงจะมีให้ รอบนี้ไม่ต้องแล้ว ซื้อคันไหน ได้มาทุกคัน โดยระบบที่มีมานั้นของเดิมจะมีทั้ง
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ของที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในตัวนี้ ก็จะเป็น ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) จะเป็นระบบที่คอยเตือนเราทั้งบนหน้าจอและเสียง เมื่อรถข้างหน้าขยับไปแล้ว ประดุจดั่งมีคนใจร้อนต่อท้ายในช่วงรอไฟเขียวเลย
ส่วนระบอื่น ๆ บน All-New Honda Civic RS ก็จะมีทั้ง
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (RS)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) (ทุกรุ่น)
- ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) (ทุกรุ่น)
- ถุงลม 6 ตำแหน่ง (ทุกรุ่น)
- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) (ทุกรุ่น)
- ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS)
เอาล่ะ ข้อมูลน่าจะครบถ้วนแล้ว เรามาเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่า โดยการรีวิว ทดสอบรถยนต์ในรอบนี้ ผมมีเวลาอยู่กับ All-New Honda Civic RS แค่ประมาณ 7 ชั่วโมงเท่านั้น จะให้ครบรอบด้านก็คงไม่น่าจะครบได้ เอาเท่าที่ได้ก็แล้วกันครับ เริ่มต้นผมออกเดินทางจากศูนย์ฝึกอบรมของฮอนด้าแถวนิคมอุตสาหกรรมบางชัน พร้อมผ่านการ Swab Test เป็นที่เรียบร้อย (คุณได้ไปต่อ) เริ่มต้นด้วยการเดินทางด้วยการขับทางไกลมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรีแถวสะพานชลมารควิถี (อีกแล้ว) ใช้การขับขี่บนถนนมอเตอร์เวย์เป็นหลัก ใช้โหมด Normal แล้วเปิดใช้งาน Adaptive Cruise Control ที่ 120 กม./ชม. ทันที อยากลองดูว่าระบบ Honda Sensing ที่ใส่มาในเวอร์ชั่นนี้จะทำงานดีขึ้นหรือเปล่า (ของเก่าก็ดีนะ แต่ LKAS ทำงานไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่) เฮ้ย ดีว่ะ งวดนี้ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนนี่อย่างเจ๋ง หมุนพวงมาลัยได้แข็งแรงดีน่าดู ทำงานได้ดีเทียบเท่า Accord เลย หรือจะบอกว่าดีระดับ Pilot Assist ใน Volvo ก็ไม่น่าจะมากเกินไป แต่การแตะเบรกกับเร่งเครื่องเพื่อเปลี่ยนความเร็วอาจจะมีความเป็นวัยรุ่นมากไปนิด แต่ก็ถือว่าทำงานได้ดีเอาเรื่องเลย และที่ชอบสุดก็คงเป็นหน้าจอกลางที่แสดงผลให้เห็นว่า มีรถอยู่ด้านหน้าเราในตำแหน่งไหนบ้าง ถ้าเรากำลังเกาะความเร็วกับรถด้านหน้าเรา รถในจอก็จะสีเข้มขึ้นมา แล้วมีกรอบสีเขียวล้อมรอบแสดงให้เห็นว่าเรากำลังเกาะความเร็วกับคันนี้อยู่ และถ้าเลนข้าง ๆ มีรถอยู่ ก็จะแสดงผลเป็นเส้นลาง ๆ เลย แบ่งได้ด้วยนะว่าเป็นรถใหญ่รถเล็ก ซึ่งที่เคยเห็นรถที่ใช้รูปแบบแสดงผลแบบนี้ ก็เห็นจะเป็นบนรถไฟฟ้า Tesla นั่นเอง เพียงแต่ว่าในเทสล่าจะเห็นได้รอบด้าน เพราะมีกล่องจับอยู่รอบคัน แต่ในรถคันนี้มีกล้องด้านหน้าตัวเดียว เลยเห็นเฉพาะที่อยู่ในระดับหน้ารถขึ้นไปเท่านั้น แต่เท่านี้ก็เจ๋งแล้ว
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Turbo บน All-New Honda Civic RS คือสิ่งที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้นว่าแรงม้าจะเพิ่มขึ้นมาจากเดิม 5 ตัว (รุ่นก่อน 173 แรงม้า) และแรงบิดเพิ่มมาอีก 20 นิวตันเมตร (ของเดิม 220 นม.) แต่การบูสของเทอร์โบและการจ่ายน้ำมันมีการปรับใหม่ และคาดว่าจะปรับเรื่องการตอบสนองของคันเร่งขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้รอบนี้มาไวกว่าตัวเก่าพอสมควร แต่คันเร่งหน่อย รถก็พร้อมเพิ่มความเร็วแล้ว เป็นการเพิ่มตีนต้นให้กระฉับกระเฉงขึ้นกว่าเดิม ขับในเมืองสนุกมาก ขนาดกดแค่โหมด Normal ก็สนุกแล้ว แต่ยิ่งใส่โหมด Sport ยิ่งมันกว่าเดิม เพราะรอบเครื่องจะคอยเร่งรอเท้าเราอยู่แทบจะตลอดทาง ช่วงใช้ความเร็วแล้วปล่อยคันเร่ง รอบเครื่องก็จะไม่ลดลงมาง่าย ๆ ประดุจดั่งบ่าวที่กระตือรือร้นเป็นคนไฮเปอร์รอรับคำสั่งจากนายอยู่ตลอดเวลา ชอบมากเลย
ช่วงล่างนั้น จากโครงสร้างใหม่ที่ทำให้ Wide & Low การขับช่วงความเร็ว กับการมุดช่องด้วยความเร็วในเมืองมันช่างทำได้ดียิ่งนัก รถนิ่งมาก มั่นใจสุด ๆ เวลาใช้ความเร็วสูงหรือเข้ามุดช่อง พวงมาลัยก็น้ำหนักดี แต่ผมว่าอัตราทดน่าจะเยอะกว่านี้หน่อย ตอนนี้เวลามุดช่องแล้วต้องหันพวงมาลัยเยอะไปนิด ถ้าขยับน้อยกว่านี้อีกนิดนึงก็น่าจะ Perfect เลย แต่ที่แปลกใจก็คือเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วที่เยอะหน่อย มีอาการท้ายไหลให้เห็นเยอะหน่อย แต่อยู่ในระดับที่เอาอยู่ อาการนี้ต้องเข้าโค้งแรงหน่อยนะถึงจะมีอาการ ผมเข้าใจว่ามีการเซ็ตติ้งให้มีความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วย เลยทำให้ออกอาการบ้าง ไม่เป็นไร ใครมันจะบ้าระห่ำขับเข้าโค้งแบบนี้บ่อย ๆ เอาความนุ่มในการขับขี่ ได้ความนิ่งในช่วงเปลี่ยนเลนกับช่วงความเร็วสูงก็คุ้มแล้ว
แต่กับเบาะที่เขาบอกว่ามีแผ่นเรซิ่นที่รองจุดนั่นจุดนี่แล้วทำให้นั่งสบายขึ้น ผมว่านั่งนาน ๆ แล้วทำไมมันเมื่อยหว่า จำความรู้สึกได้ว่าช่วงที่เคยขับตัว FC มันก็ไม่ได้เมื่อยมากขนาดนี้นะ รู้สึกว่าเบาะมันยุบเยอะไปหน่อย หรือว่าเราแก่แล้ว เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวง่ายหว่า (เมื่อไหร่ร้านนวดจะเปิด)
ส่วนระบบอื่น ๆ ที่มีอยู่ใน All-New Honda Civic RS แล้วใช้งานได้ดี ก็เป็นพวกระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก อันนี้ผมว่าทำงานได้ดีขึ้นนะ เตือนเสียงดังกว่าเดิม และบางจังหวะก็นานกว่าเดิม แถมเตือนแม่นกว่าเดิมด้วย อันนี้ชอบ ส่วนระบบใหม่อย่าง ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ก็ถือเป็นตัวช่วยใหม่ที่มีมาเพิ่มให้ก็ดี เวลาเราจอดติดไฟแดง แล้วไฟเขียวมาจนรถข้างหน้าเคลื่นที่ มันก็จะเตือนเป็นเสียงเบา ๆ พร้อมเตือนที่หน้าจอบอกว่ารถข้างหน้าเคลื่อนที่แล้ว ก็น่าจะช่วยลดเสียงแตรจากรถข้างหลังได้พอสมควรเลย พอพูดของการใช้งานในเมืองแล้ว ก็อยากจะพูดถึงเรื่องระบบ ACC อีกนิด ผมว่าพอเอามาใช้จริง ๆ แล้ว เฮ้ย มันช่วยลดความเมื่อยล้าขณะเจอสถานการณ์รถติดได้ดีเลยนะ เพราะมันจะคอยติดตามรถคันหน้าไปอย่างสบายใจ ข้างหน้าเบรก เราก็เบรก ข้างหน้าจอด เราก็จอด เพียงแต่ว่าถ้าจอดเกิน 3 วินาที เวลาข้างหน้าไป เราต้องกดปุ่ม Resume บนพวงมาลัย หรือกดคันเร่งเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่ผมว่าระยะห่างมันออกจะห่างไปนิด ถึงแม้ว่าจะตั้งให้ระยะใกล้สุดแล้วก็ตาม เลยต้องมีจังหวะใส่คันเร่งเพิ่มไปบ้างบางเวลา โดยเฉพาะช่วงที่ออกตัวจากไฟแดง (เดี๋ยวข้างหลังแจกกล้วยแล้วจะเคืองเอา)
ส่วนการเก็บเสียงนั้น ผมว่าก็ดีนะ ขับความเร็วสูงแล้วเสียงกวนมีไม่มากเท่าไหร่ ผมลองเอาแอพมาวัดเสียงดู ช่วงวิ่งเร็วระดับ 110 กิโลเมตร / ชั่วโมง เสียงจะอยู่ในระดับ 70 เดซิเบล ก็ยังไม่เกินระดับที่ทำอันตรายหูได้ พอเปิดกระจก 2 ข้าง เสียงจะดีดขึ้นไประดับ 85 - 90 เดซิเบลเลย ส่วนช่วงในเมืองแถบรถติดแถวสุขุมวิท เสียงภายในรถตอนจอดจะอยู่ที่ประมาณ 50 เดซิเบล พอเปิดกระจกหน้า 2 ข้างก็จะดีดขึ้นไปที่แถว 70 เดซิเบล ก็ถือว่าเก็บเสียงได้ดีพอตัวครับ
มาต่อกันเรื่องอัตราเร่ง 0-100 ดีกว่า ถ้าเอาตามสเปกแล้ว เขาเคลมเอาไว้ที่ 8.4 วินาทีนะ รอบนี้เช่นเคยครับ ผมทดสอบผ่านทางแอพ iBolid 0-100 บนเครื่อง iPhone 11 เปิดโหมด Sport เต็มขั้น ได้ตัวเลขออกมาดังนี้ครับ
ครั้งที่ 1 - 8.90 วินาที
ครั้งที่ 2 - 8.88 วินาที
ครั้งที่ 3 - 8.78 วินาที
เฉลี่ย - 8.85 วินาที
เห็นตัวเลขแล้วแบบ ว้าวเลยครับ ปกติแล้วเวลาค่ายเคลมเท่าไหร่ มักจะบวก 1 วินาทีขึ้นไปเสมอ รอบนี้ไม่ถึง 1 วินาที ว้าวอีกทีเลยครับ คือตอนขับน่ะ ไม่คาดว่ารถมันจะทำเวลาได้ดีขนาดนี้นะ เพราะมันไม่ได้ดึงระดับหลังติดเบาะ แต่ไปแบบค่อย ๆ ไป ตามสไตล์เกียร์ CVT เลย แต่มันดึงต่อเนื่องมาก จบด้วยเวลาขนาดนี้ ให้ไปอีกว้าวเลยครับ
มาต่อกันเรื่องการประหยัดน้ำมันดีกว่า รอบนี้ผมแบ่งการทดสอบเป็น 3 รอบ (ช่วงทดสอบ 0-100 ไม่ได้อยู่ในช่วงทดสอบนะ) รอบแรกเป็นการวิ่งนอกเมืองด้วยโหมด Normal โดยส่วนใหญ่แล้วจะกด ACC ความเร็ว 120 กม./ชม. ทิ้งเอาไว้เลย ความเร็วที่ใช้ก็จะเป็นช่วงประมาณ 100-120 กม./ชม.เสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีบ้างก็ช่วงท้ายที่กำลังเข้าสู่ตัวเมืองแล้วเลี้ยวเข้าตรงสะพานแค่นั้นแหล่ะ ระยะทางที่ได้มาคือ 60 กิโลเมตรเป๊ะ ๆ ได้อัตราออกมาที่ 16.9 กิโลเมตร/ลิตร ว้าวอีกแล้ว เครื่องแรงระดับ 178 แรงม้า เครื่อง 1.5 ลิตรเทอร์โบ ได้มาขนาดนี้ถือว่าดีเลยครับ นี่ขนาดเป็นโหมด Normal นะ ถ้าเป็น ECON น่าจะดีขึ้นไปอีก
รอบที่ 2 เป็นขากลับจากชลบุรีมาถึงสุวรรณภูมิ รอบนี้รูปแบบเดิมเลย คือกด ACC ความเร็ว 120 กม./ชม. ทิ้งเอาไว้ แต่รอบนี้ใช้โหมด Sport ดูบ้าง ระยะทางที่ได้มาคือ 67 กิโลเมตรเป๊ะ ๆ อัตราที่ได้มาคือ 15.3 กิโลเมตร/ลิตร ที่ลดลงเล็กน้อย เพราะเวลารถเปลี่ยนความเร็ว จะเร่งเร็วมากกว่าโหมด Normal ประมาณหนึ่งเลย แถมยังเบรกแบบวัยรุ่นขึ้นอีกด้วย (ผู้ใหญ่วัยเกินกลางคน ใช้โหมดนี้อาจจะเวียนหัวหน่อย) ถือว่าอยู่ในเรทที่ดีเลยครับถ้ามองว่านี่คืออัตราของโหมด Sport
สุดท้ายกับการใช้งานในเมือง ผมเริ่ม Set 0 ช่วงหมดเส้นมอเตอร์เวย์ พอแต่ถนนพระราม 9 ก็กดเลย วิ่งมาเลี้ยวซ้ายตรงแยกรามคำแหง เจอแยกคลองตันเลี้ยวขวา ก่อนที่จะหันซ้ายเข้าเอกมัย เจอสุขุมวิทเลี้ยวขวา วิ่งมาถึงแยกอโศกก็เลี้ยวขวาฝ่าไป ตรงไปยาวผ่านเส้นรัชดาไปจนถึงแยกตัดกับลาดพร้าวก็เลี้ยวขวาฝ่าตามแนวสร้างรถไฟฟ้า ถึง ซ.101 ก็เลี้ยวเข้าไป โผล่ทะลุ ซ.โพธิ์แก้วจนเจอ ถ.นวมินทร์ แล้วตรงจนถึงแยก รามอินทรา กม.8 ก่อนที่จะจบเส้นทางที่ห้าง Fashion Island ได้ระยะทางมารวม 37.8 กิโลเมตร มีอัตราเฉลี่ยความเร็ว 27 กม./ชม. เส้นทางที่วิ่งมีติดอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่มาก ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยมีคนออกจากบ้านสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีติดอยู่ประมาณหนึ่ง ได้อัตราความประหยัดที่ 12.2 กิโลเมตร/ลิตร โอย จะประหยัดไปไหน แต่ไม่แน่ว่าถ้าวิ่งใช้งานในระยะทางเหมือนที่ผมเคยเทสทั่วไป อาจจะลดลงกว่านี้อีกนิดนึงได้นะ อ้อ ลืมบอกว่ารอบนี้ใช้โหมด Normal นะ ถ้าใช้ ECON ก็คงดีกว่านี้อีก
ถึงแม้ว่า จะมีเวลาอยู่กับ All-New Honda Civic RS แค่ 7 ชั่วโมง แต่ก็พอจะเก็บข้อมูลการขับขี่ได้ครบถ้วนพอตัว โดยผมสรุปสิ่งที่ชอบและไม่ชอบออกมาดังนี้ครับ
ชอบ
- การตอบสนองของเครื่องยนต์ดีมาก ดีขึ้นจากตัวเดิมพอตัว ขับในเมืองสนุก ตอบสนองไว อัตราเร่ง 0-100 ในระดับไม่ถึง 9 วินาทีนี่คือสุด ๆ
- ช่วงล่างนุ่ม นิ่ง ดีขึ้นประมาณหนึ่ง
- เรื่องประหยัด ดีเลย ถ้าใช้เองน่าจะ Happy
ไม่ชอบ
- เบาะนั่งไม่ค่อยสบายเลยอ่ะ (หรือผมแก่)
- ขอ Blind Spot Warning มาแทน Honda LaneWatch แทนได้ป่ะ
- ทำไมเบาะหลังพับไม่ได้
All-New Honda Civic RS ตั้งราคาขายเอาไว้ที่ 1,199,900 บาท (ทำไมต้องมีเศษ 900 ด้วย) เอาจริงนะ ผมว่าราคานี้ผมว่าก็คุ้มอยู่นะ ถูกกว่าตัวเดิมอีก (เนื่องจากภาษีลดลงเพราะเติม E85 ได้) ของให้มาเกือบครบที่อยากได้ละ แถมขับดีขึ้นกว่าเดิมอีก ความปลอดภัยนี่ล้อมรอบตัวเลย เตือนแทบจะทุกฝีก้าว ระบบ Honda Sensing ทำงานดีขึ้น เท่านี้ก็คุ้มแล้วล่ะ (ใบจองอยู่ไหน)
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com