Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All-New Honda City Turbo RS แรงก็ได้ ประหยัดก็ดี ขับหนีคันอื่นสบาย

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 4 พ.ค. 63 00:00
  • 19,551 อ่าน

เมื่อปลายปีที่แล้ว ต้องยอมรับเลยว่าการเปิดตัวรถยนต์ Eco Car ใหม่มา ทำเอาวงการในกลุ่มนี้ต้องสั่นสะเทือน เล่นเอาหลายคนที่กำลังใช้งานรถ Eco Car รุ่นเดิมที่ออกมาประมาณหนึ่งแล้ว มองค้อนกันแบบเสียดายกันจริงจัง ก็ใครจะคิดว่ารถที่เอามาขับกันแบบกินน้ำมันน้อย ปล่อยไอเสียเบา ๆ จะจัดแรงม้าได้เกิน 100 ตัวไปแล้ว ไหนว่าคนใช้รถประเภทนี้เป็นคนที่ไม่รีบไง

Honda City Turbo RS

หนึ่งในรุ่นที่เปิดตัวมาแล้วทำเอามีเสียงซู๊ดปากกันระงม ก็คือการมาของ Honda City ที่รอบนี้อยู่ดี ๆ ก็แปลงร่างจากรถ Compact Car กลายเป็นกลุ่ม Eco Car ซะงั้น เลยทำให้ตลาดกลุ่มนี้กลับมาเดือดอีกครั้ง เพราะพี่ท่านได้เปรียบเรื่องขนาดตัวรถไปในทันที แถมยังเลือกใช้งานเครื่องยนต์ Turbo อีกต่างหาก ซึ่งทีมงาน AUTODEFT เองก็เคยได้ไปทดสอบรถยนต์ใหม่คันนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (อ่านได้ที่ Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All New Honda City TURBO SV อีโค่คาร์แรงขั้นเทพ ขับแบบเซฟก็ประหยัดได้) แต่ตอนนั้นได้ขับเป็นตัวรองท็อป ยังไม่ได้แตะตัวบนสุดเลย

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ผ่านกาลเวลาไปได้ระยะหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่ต้องมาขับให้หายข้องใจกันอีกที รอบนี้เลยขอความอนุเคราะห์จาก ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เพื่อขอยืมรถยนต์ใหม่อย่าง All-New Honda City Turbo RS มารีวิวกันเสียหน่อย เพราะรอบก่อนขับ All New Honda City TURBO SV ไปแล้ว จริงอยู่ที่ทั้ง 2 รุ่น แตกต่างกันเรื่องอุปกรณ์และชุดแต่งเพียงเท่านั้น แต่บางทีการได้มีเวลาอยู่กับมันมากขึ้น เราจะได้เห็นมุมมองของการใช้งานจริงได้ดีกว่าการขับทดสอบแบบกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอัตราการใช้น้ำมันครับ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ก่อนเดินทาง เรามาทำความรู้จักข้อมูลของ All-New Honda City Turbo RS กันก่อน Test Drive เลยดีกว่า (ขออนุญาตคัดลอกบางส่วนจากรีวิวเดิมครับ) โดยเครื่องยนต์นั้นเป็นเบนซินดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO  ขนาด 1.0 ลิตร หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI ระบบควบคุมการเปิด-ปิดลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (DBW) สามาถสร้างแรงม้าได้ 122 ตัว มากที่สุดในกลุ่มอีโค่คาร์ด้วยกันแล้ว แรงบิด 173 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์ CVT มีโหมด S เพิ่มความสนุก มี Paddle Shift ที่พวงมาลัยเอาไว้สับเกียร์เล่น โดยอัตราการใช้น้ำมัน ดูตาม Eco Sticker ในเมืองได้ 21.7 กิโลเมตร/ลิตร นอกเมืองได้ 25 กิโลเมตร/ลิตร และเฉลี่ยรวม 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (ทดลองในห้องปฏิบัติการณ์) รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ได้สูงสุดแค่ E20 เท่านั้น

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

สิ่งที่ All-New Honda City Turbo RS ใส่มาอีกอย่าง ที่แปลกไปกว่ารถยนต์ที่ใส่ Turbo ในรุ่นอื่น ๆ ก็คือการใส่ Inter-Cooler ระบายความร้อนให้กับเทอร์โบนั้น ก็คือการระบายความร้อนด้วยน้ำ ต่างจากรุ่นอื่นที่ใช้การระบายความร้อนด้วยลม ซึ่งทางฮอนด้าบอกว่าจะระบายความร้อนได้เร็วกว่าแบบอากาศ การดูแลก็ไม่ยุ่งยาก โดยใต้ฝากระโปรงจะมีหม้อเติมน้ำให้ 2 ตัว คือสำหรับหม้อน้ำตามปกติ และสำหรับระบายความร้อนให้ Turbo เราก็แค่ดูให้น้ำอยู่ในระดับที่แนะนำ เท่านี้ก็ใช้งานได้ปกติแล้ว

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

มิติของตัวรถ All New Honda City Turbo RS นั้น ความยาว 4,553 มม., ความกว้าง 1,748 มม., ความสูง 1,467 มม., ฐานล้อกว้าง 2,589 มม. ใต้ท้องรถสูงจากพื้น 135 มม. ช่วงหน้าด้านหน้าใช้เป็นแบบ แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังยังเลือกใช้งานเป็นแบบคานเหล็กทอร์ชั่นบีม ล้อเป็นแม็กซ์อัลลอยขนาด 16 นิ้ว สี 2 โทน (เงิน-ดำ) ติดมาพร้อมยางขนาด 185/55R16 มียางอะไหล่ให้ที่ท้ายรถ พวงมาลัยเป็นแบบไฟฟ้า (EPS) วงเลี้ยวแคบสุด 5 เมตร ส่วนเบรกนั้น ยังคงให้มาเป็นเบรกดิสก์ด้านหน้า และดรัมเบรกด้านหลัง โดยทางทีมวิศวกรจากญี่ปุ่นให้เหตุผลที่ยังคงใส่ดรัมเบรกมาลงที่ล้อหลังเนื่องมาจากไม่ต้องการเพิ่มน้ำหนักรถให้มากกว่านี้ และผมยังเชื่อด้วยความเห็นส่วนตัวอีกว่า น่าจะเป็นการควบคุมต้นทุนให้ต่ำสุดอีกด้วย แต่การใช้ดรัมเบรกไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้การเบรกมีประสิทธิภาพลดลงนะ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ด้านหน้าของ All New Honda City Turbo RS  ออกแบบให้คล้ายกับการจับเอา Honda Accord มาย่อให้แคบลง มีแถบทึบด้านบนที่ติดกับของฝากระโปรงหน้าสีดำขนาดหนา ไฟหน้าใช้โคมไฟ แบบ LED อยู่เป็นช่อง ๆ  ๆ  รวม 9 ดวง เรียงตัวกันอย่างสวยงาม ตัดขอบแนวบนโคมด้วยไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light) มีไฟตัดหมอกอยู่มุมกันชน ท่ามกลางกรอบสีดำ ด้านท้ายเป็นชุดแผงไฟ LED ติดผสมกันระหว่างตัวฝากระโปรงกับตัวถังรถ และแน่นอนว่าในเมื่อเป็นตัว RS หรือ Racing Sport ก็ต้องมีชุดแต่งซิ่งด้วย โดยจะมีกระจังหน้าที่เป็นลายตะแกรงทั้งเหลือและใต้กันชนหน้า แน่นอนว่าต้องเป็นสีดำ ตัดขอบด้านล่างชายกันชนเป็นไฟเบอร์ลายเคฟลาร์ ด้านข้างไม่มีเสกิร์ตแต่ใช้กระจกมองข้างเป็นสีดำ รวมทั้งครีบฉลามบนหลังคาก็เป็นสีดำด้วยเช่นกัน ด้านท้ายเสริมสปอยเลอร์หลังเป็นสีดำ ส่วนชายกันชนล่างส่วน Diffuser ก็เป็นลายเคฟลาร่์เช่นกัน มีสัญลักษณ์ RS แปะเป็นตัวสีแดง บ่งบอกว่ารุ่นนี้ Sport นะจ๊ะ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ภายในของ All New Honda City Turbo RS ตัวเบาะใช้เป็นวัสดุหนังกลับ/ผ้า/วัสดุหนังสังเคราะห์ ผสมผสานกัน ตกแต่งด้ายสีแดงเดินขอบเพิ่มความสปอร์ต ปรับระดับด้วยมือ คอนโซลหน้าใช้เป็นวัสดุ PP สีดำเสริมด้วยวัสดุ Piano Black และหนังสังเคราะห์เพิ่มความหรูหรา หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) เป็นแบบ Analog มาตรวัดเข็มทั้งวัดรอบและความเร็ว มีเป็นช่อง Digital แทรกกลางบอกข้อมูลอื่น ๆ เรืองแสงสีแดง พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่ม Multi-Function ที่ด้านซ้ายใช้ควบคุมเครื่องเสียงและรับ-วางโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อ ด้านขวาเอาไว้ควบคุมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control สตาร์ทรถด้วยปุ่ม Push-Start ใช้งานคู่กับกุญแจรีโมทพร้อมสวิตช์เปิดฝากระโปรงท้าย ที่ก้านคันเกียร์เป็นแบบโยกหุ้มด้วยหนังเทียม มีปุ่ม ECON ช่วยลดการใช้งานเชื้อเพลิงและปุ่มสวิตช์ เปิด-ปิด ระบบ Idle Stop ประตูรถรองรับการใช้งานแบบ Smart Entry หมายถึงถ้ามีกุญแจอยู่ในตัว สามารถเอามือจับมือเปิดประตู รถจะปลดล็อกให้เอง ส่วนตัวคันเร่ง แป้นเบรก และแท่นวางเท้าซ้ายพักขาเป็นสแตนเลสสไตล์รถซิ่ง

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

All New Honda City Turbo RS ให้ระบบปรับอากาศมาเป็นแบบอัตโนมัติ หน้าจอกลางแสดงผลระบบ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay เชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth, USB มีมาให้ 2 ช่องใต้คอนโซล ลำโพงจัดมาให้ 8 ตำแหน่ง รองรับการใช้งานระบบ Honda Connect ที่นั่งด้านหลังเป็นเบาะวัสดุผสมเช่นเดียวกับด้านหน้า พับไม่ได้ ที่นั่งด้านหลังมีช่อง 12V มาให้ตั้ง 2 ช่อง ตรงนี้หงุดหงิดใจมากว่าให้มาทำไมตั้ง 2 ช่อง ขอเปลี่ยนเป็นช่อง USB มาแทนเลยได้ป่ะ จะได้ไม่ต้องไปคอยหาอุปกรณ์เสริมมาเสียบอีก

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

All New Honda City Turbo RS จัดระบบความปลอดภัยมาให้พอประมาณดังนี้ครับ

  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
  • ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD)
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
  • ระบบล็อคประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

อีกออพชั่นใหม่ที่เสริมเข้ามาใน All New Honda City Turbo ทุกรุ่นนั้น ก็คือระบบเตือนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอัตโนมัติ ที่ไม่ได้ดูตามระยะทาง แต่จะดูตามคุณภาพจริงของน้ำมันเครื่องที่ใช้อยู่ โดยตัว ECU จะเอาค่าการหมุนรอบของเครื่องยนต์, ค่า Engine Load, ค่าอุณหภูมิน้ำ และค่าอุณหภูมิเครื่องยนต์มาคำนวน ถ้าได้ค่าที่ผิดปกติไป หน้าจอจะแจ้งให้เข้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทันที โดยวิศวกรของฮอนด้าที่มาจากญี่ปุ่นนั้น ได้ให้เหตุผลว่า การขับขี่แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน รวมทั้งสภาวะแวดล้อมแต่ละการขับขี่ก็แตกต่างกัน ดังนั้นน้ำมันเครื่องจะมีระยะทางหรือระยะเวลาในการเสื่อมที่แตกต่างกันไปด้วย การใช้ระยะทางเป็นตัวกำหนดจึงอาจจะเสี่ยงทำให้เกิดการสึกหรอมากกว่าปกติได้ หรือเปลี่ยนเร็วเกินไปก็ได้ ดังนั้นระบบนี้จะช่วยตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

 

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ข้อมูลเบื้องต้นก็เพียงพอแล้ว เรามาเริ่มออกเดินทางทดสอบรถยนต์เพื่อทำการรีวิว  All New Honda City Turbo RS กันเลยดีกว่า และแน่นอนว่า การทดสอบรอบนี้ก็ยังคงอยู่ในช่วงการจำกัดการเดินทางในสถานการณ์ Covid-19 อยู่ เลยทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อลองวิ่งนอกเมืองได้ แต่รอบนี้ผมจัดการวิ่งทดสอบบนถนนสายมอเตอร์เวย์ วิ่งไปกลับระหว่างศรีนครินทร์-สุวรรณภูมิประมาณ 3 รอบได้ครับ ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ทดแทนการวิ่งนอกเมืองได้ ส่วนได้อัตราการใช้น้ำมันอยู่ที่เท่าไหร่ เดี๋ยวมาดูกันตอนท้ายครับ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

อย่างที่เคยบอกไปแล้วครับว่า การนั่งบน  All New Honda City Turbo RS นั้น ตัวเบาะกระชับตัวดีครับ จากการแนะนำตัวรถของวิศวกรที่มาจากญี่ปุ่นโดยตรง ได้บอกว่าตัวเบาะหน้า มีการปรับความกว้างให้แคบลง 60 มม. จากตัวโฉมเก่า ทำให้ตัวเบาะมีความกระชับมากกว่าเดิม สิ่งที่ปรับอีกคือตัวรางยึดเบาะ มีการขยายความห่างมากกว่าเดิม 25 มม. ทำให้มีช่องว่างในการวางเท้าของคนที่นั่งด้านหลังได้สบายกว่าเดิม ดังนั้นคนด้านหลังนั่งสบายครับ นี่คือข้อได้เปรียบของการขยับรถ Compact Car ลงมาเล่นในกลุ่ม Eco Car โดยยังยึดขนาดเดิมเอาไว้ ทำให้ Honda City กลายเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ในกลุ่มนี้ไปในทันที แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า “เอ แต่ตัวรถขนาดนี้ ทำไมถึงเรียกว่ารถ Eco Car ได้ อันนี้คงต้องขออธิบายเสริมเล็กน้อยว่า คำนิยามของรถ Eco Car ไม่ได้หมายถึง Economy ที่แปลว่า รถราคาย่อมเยา แต่จริง ๆ แล้วมันย่อมาจากคำว่า Ecology ที่แปลตามศัพท์ตรงตัวว่า "ระบบนิเวศ" หมายความว่ารถคันไหนก็ตามที่ถูกเรียกว่า Eco Car จะหมายถึงรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (มากกว่ารุ่นทั่วไป) นั่นเอง และทางรัฐบาลก็มีข้อกำหนดเอาไว้ว่ารถยนต์ประเภทนี้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ถ้าทำได้ ก็สามารถรับสิทธิภาษีในเรทพิเศษ ตัวรถก็สามารถทำราคาขายได้ถูกลงไปด้วยนั่นเอง (สงสัยให้กลับไปอ่าน มาทำความเข้าใจให้ถูกต้อง กับนิยามคำว่า Eco Car กันอีกครั้ง)

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

อุปกรณ์ที่ให้มาใน All New Honda City Turbo RS คันนี้ ผมว่าก็ให้มาพอใช้งานได้ครบถ้วนนะ แอร์ก็เป็นแบบ Auto, หน้าจอก็รองรับการใช้ Apple CarPlay เสียบสาย USB ง่าย ๆ ที่อยู่ใต้หน้าจอเลย แถมไม่ต้องแย่งกับคนนั่งข้าง เพราะมีมาให้ 2 ช่องเลย มีช่อง 12V ให้เสียบกล้องหน้ารถไปพร้อมกันได้เลย หน้าปัดข้อมูลรถก็เรืองแสงสีแดง ดูแพงขึ้นมากว่าตัว SV หน่อย ที่เหลือก็โดยทั่วไปครับ วัสดุที่ใช้ก็ดีตามราคา ชอบมากหน่อยก็คือตัวเบาะนั่งหนังกลับ ที่มันช่วยยึดตัวเราได้ช่วงเข้าโค้งแรง ไม่ไหลไปตามแรง G แต่ก็อาจจะเหนื่อยหน่อยตอนทำความสะอาด อันนี้ก็แลกกันไป

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ตัวเครื่องยนต์ของ All New Honda City Turbo RS เป็นรูปแบบใหม่ของวงการรถ Eco Car เลย เพราะมีการใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร Turbo ที่สามารถรีดความแรงได้ถึง 122 แรงม้า ตอนเทสรอบก่อนกดกันได้เกิน 200 กม./ชม. แต่รอบนี้การเทสคงไม่จัดขนาดนั้นแล้ว เน้นการทดสอบให้ใกล้เคียงกับการใช้งานประจำวันมากที่สุด อย่างที่บอกครับว่าช่วงแรกข-องการทดสอบผมเอาวิ่งทางไกลให้คล้ายกับการขับไปต่างจังหวัดเลย ความเร็วที่ใช้ได้ก็อยู่ในช่วง 80-120 กม./ชม. ถึงแม้ว่าถนนเส้นมอเตอร์เวย์จะว่างลงกว่าช่วงปกติ แต่มันก็ยังมีรถเยอะอยู่ดี ดังนั้นก็อาจจะมีบางช่วงที่ต้องชะลอบ้าง สิ่งที่ดีงามมากในช่วงการขับแบบนี้ก็คือ รถเก็บเสียงได้ดีงาม เสียงลมน้อยมากที่จะเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารได้ คนออกแบบทำการบ้านได้ดีมาก ที่อัดโฟม Polyurethane เข้าไป 2 จุดคือที่โคนเสา A และเสา B รวมทั้งยังมีการลดแรงสั่นสะเทือนด้วยการเพิ่มขนาดความหนาของแท่นรองใต้เครื่องยนต์ให้มากกว่าเดิม รถเลยเก็บเสียงได้ดีขนาดนี้ ส่วนความนิ่งนี้บอกเลยว่าเกินกว่า Eco Car ที่เคยขับมา ดีกว่า Honda City โฉมเก่าที่เคยขับมาด้วยซ้ำ นิ่งแบบ เฮ้ย เกินความคาดหมายมาก

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

อีกระบบที่ได้ลองบน All New Honda City Turbo RS ในช่วงนี้ก็คือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ที่รอบก่อนไม่ได้ลอง (เพราะไม่มี) ผมว่ามันทำงานได้ดีนะ ช่วงขึ้นสะพานแล้วความเร็วตก มันก็ไม่ถึงกันกดคันเร่งมิดเหมือนในบางรุ่น ค่อย ๆ ไต่ระดับความเร็วเบา ๆ ไม่ได้เร่งจนเสียงเครื่องลั่นจ๊าก แบบนี้สอบผ่านฉลุย

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

จบการทดสอบช่วงวิ่งทางไกลแล้ว เราก็เก็บค่าที่ได้ แล้วกด Reset เริ่มต้นการขับทดสอบ All New Honda City Turbo RS ในเมืองกันใหม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงลดการเดินทาง พนักงาน Work From Home กันเยอะ แต่รถก็ยังเยอะอยู่ดี เยอะเหมือนวันอาทิตย์ในช่วงปกติ วิ่งได้เรื่อย ๆ แต่บางจุดก็ติดไฟแดงนานก็มี แต่สิ่งที่เหลือเชื่อมากก็คือระบบเครื่องเสียงแบบ 8 ลำโพงที่ให้มาก เสียงมันดีกว่าตัว SV ไปเพียบเลย เอาล่ะมันก็ไม่ได้ถึงขนาดเสียงเบสตึ๊บ เสียงร้องไสกิ๊ง แต่มันดีกว่ารถ Eco Car ด้วยกันที่เคยขับมาเลย (ปกติเสียงได้แค่ฟังข่าว ฟังเพลงกันเหงาหู) แต่ในคันนี้มีดีประมาณหนึ่งเลย เสียงเบสมีดี เสียงกลางชัดเจน อาจจะขาดเสียงแหลมไปเล็กน้อย แต่พอรับได้ ถ้าซื้อมาใช้งานจริงก็คงเพิ่มแค่ Tweeter อีกตัว ก็คงจะเพียงพอแล้ว (สำหรับผมนะ) แถมหน้าจอยังเชื่อมต่อ Apple CarPlay ให้ใช้งานแอพฟังเพลงพวก JOOX หรือ Spotify ได้อีก อันนี้คือความบันเทิงระหว่างการขับขี่จริง ๆ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

การทำงานของเครื่องยนต์ All New Honda City Turbo RS ในเมืองนั้น ถ้าเราแตะคันเร่งเบา ๆ (โหมดปกติ) มันก็จะค่อย ๆ พารถเพิ่มความเร็วไปช้า ๆ แบบดึงเอาไว้หน่อย แต่ถ้าเริ่มกดลึกขึ้น คราวนี้แหล่ะถึงจะมีกำลังเครื่องปล่อยมาให้กระฉับกระเฉงได้ เรีกได้ว่า ถ้าขับแบบไม่รีบร้อน มันก็จะดึงให้วิ่งไปเบา ๆ ไม่ต้องเปลืองน้ำมันมาก แต่ถ้าอยากได้กำลังของเครื่องแบบเต็มที่ กดกดคันเร่งเพิ่มเอา เท่านี้ม้า 122 ตัวก็จะเริ่มโผล่ออกมาให้ใช้งานได้เอง (จ่ายค่าน้ำมันเพิ่มแลกกันไป) มันเลยทำให้รถยนต์ใหม่ 2020 คันนี้เหมาะกับคนที่มีรูปแบบการใช้งานรถยนต์ต่างกันได้กว้างมากกว่า Eco Car รุ่นเดิม ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นใช้งานแบบไม่รีบร้อนอะไรมากกว่า ตัวการทำงานของเกียร์ CVT นั้นก็ดีงามตามรูปแบบของมันอยู่แล้ว วิ่งได้ไม่สะดุดไหลยาว แต่ถ้าอยากสนุกให้กระชากเล็กน้อยแบบ Torque Convertor ก็สับ Paddle Shift เล่นได้เลย เพิ่มความสนุกได้ขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในข้อจำกัดของมันนะ ไม่ได้ถึงขนาดซิ่งเป็น Ferrari ได้

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ส่วนการควบคุมของ All New Honda City Turbo RS ในการใช้งานในเมือง ถือว่าดีมากครับ นอกจากพวงมาลัยที่ให้น้ำหนักดีแล้ว ยังมีความแม่นยำด้วย ประกอบกับช่วงล่างที่ทำงานได้ีอยู่แล้ว ทำให้การมุดเข้ามุดออกช่องต่าง ๆ ในการจราจรที่รถเยอะ ก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องใช้ฝีมือในการประคองรถอะไรมาก อยากไปช่องไหนก็หมุนพวงมาลัยไป จะหันไว หันช้า รถก็ทรงตัวดีตลอดทุกรูปแบบ เรียกได้ว่ารถยนต์ใหม่คันนี้สามารถใช้งานได้ดีทั้งในเมืองและนอกเมือง เปลี่ยนนิยามใหม่ของคำว่า Eco Car ไปอย่างมากเลย แต่แค่นี้ยังไม่พอ เรามาขยับมาเล่นในโหมด Sport กันบ้างดีกว่า วิธีการก็แค่ดึงเกียร์ลงมาอีกกึ๊กหนึ่ง เท่านี้ความสนุกก็เพิ่มขึ้นได้แล้ว ตัวรถจะเพิ่มการตอบสนองของคันเร่งให้ไวขึ้น และมีลักษณะการเปลี่ยนเกียร์ของ CVT ให้ช้าลง รถเลยเหมือนตอบสนองคำสั่งของเราได้ดีมากกว่าเดิม แต่ถ้าคุณเป็นประเภทกดมิดทุกเส้นทางอยู่แล้ว โหมดนี้ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงกับการขับขี่สักเท่าไหร่ เพราะในโหมดปกติ เมื่อกดคันเร่งมิด รถก็จะปล่อยพลังเต็มให้คุณอยู่แล้ว ต้องเป็นคนที่ใช้คันเร่งเบาหรือกลาง ถึงจะเห็นผลของการตอบสนองของคันเร่งในโหมด Sport ได้นะ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

เมื่อเปรียบเทียบการทรงตัวของ All New Honda City Turbo RS กับ All New Honda City Turbo SV ที่เคยทดสอบมาก่อนหน้านี้ ผมว่ารอบนี้ทำได้ดีขึ้นเล็กน้อยนะ อาการเข้าโค้งแล้วท้ายไหลเล็กน้อยช่วงเข้าโค้งด้วยความเร็ว ในรอบนี้เจอน้อยลงนะ เอาล่ะมันไม่ถึงกับไม่มีเลย แต่มันก็มีน้อยมาก ผมเดาเอาว่ามันน่าจะมาจากการที่ยางที่ใส่มามีความหนาต่างกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ (SV เป็น 185/60R15 ส่วน RS เป็นขนาด 185/55R16) ทำให้การดิ้นของยางเปลี่ยนไป เลยทำให้โค้งดีขึ้นหรือเปล่า อันนี้ขอเก็บเอาไว้เป็นคำถามในใจ

Honda City Turbo RS

รอบนี้ผมได้ลองทดสอบอัตราเร่ง 0-100 อีกครั้ง โดยรอบนี้ใช้ App iBolid บนเครื่อง iPhone 11 ทดสอบไปรวม 6 ครั้ง เป็นโหมด Sport 3 ครั้งและโหมด Normal อีก 3 ครั้ง ใช้เส้นทางเดียวกันของ 2 โหมด ได้ผลสรุปออกมาดังนี้ครับ

Sport Mode

ครั้งที่ 1 = 10.34 วินาที

ครั้งที่ 2 = 10.28 วินาที

ครั้งที่ 3 = 9.47 วินาที

เฉลี่ย = 10.03 วินาที

Normal Mode

ครั้งที่ 1 = 10.07 วินาที

ครั้งที่ 2 = 10.32 วินาที

ครั้งที่ 3 = 9.77 วินาที

เฉลี่ย = 10.05 วินาที

เห็นไหมครับว่าการเปลี่ยนโหมดของคนที่เท้าหนักมันจะไม่ค่อยเห็นผลอะไร เพราะจากการทดสอบแล้วทั้ง 2 โหมดได้อัตราเร่งที่เท่ากันเลย แต่การที่รถ Eco Car ทำได้ระดับ 10 วินาทีนี่มันไม่ธรรมดานะครับ นี่มันคืออัตราเดียวกันกับรถยนต์เครื่อง 1.8 หรือ 2.0 เลยนะ อัตราเร่งดีขนาดนี้ รับรองว่าโนใจวัยโจ๋แน่นอน

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

แต่สิ่งที่ดูยังไม่ค่อยจะถูกใจใน All New Honda City Turbo RS ก็คือเรื่องของอุปกรณ์ความปลอดภัยนี่แหล่ะ เอาล่ะ ถึงจะมีมาให้ตามความจำเป็นทั่วไป เช่นถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) แต่มันก็คือระบบพื้นฐานจริง ๆ ผมว่าถ้าใส่เพิ่มพวก Honda Lane Watch หรือ ระบบเตือนมุมบอดด้านข้าง BSM อะไรพวกนี้เข้ามาอีกสัก 1-2 ระบบ ให้สมกับเป็นตัวท็อปของฮอนด้า ซิตี้หน่อย ผมว่ามันจะดีกว่านี้มากเลยนะ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

ส่วนอัตราความประหยัดที่ทำได้ในรอบนี้ของการรีวิว All New Honda City Turbo RS ด้วยการใช้งานน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (ในราคาลิตรละ 17 บาท ดีงามกว่านี้คงจะมีได้อีกไม่นาน) ได้อัตราการใช้งานในเมืองรวม 342.6 กิโลเมตรอยู่ที่ 11.5 กิโลเมตร/ลิตร อันนี้ต้องอธิบายว่ามีการกดทดสอบ 0-100 ไป 6 ครั้ง กดลองมุดไปอีกหลายรอบ จอดถ่ายรูปอีกร่วมครึ่งชั่วโมง และรูปแบบการขับขี่แบบผิดธรรมชาติอีกเล็กน้อย เลยได้อัตรานี้มา ส่วนการขับขี่ในรูปแบบนอกเมือง อันนี้ขับปกติจริงเลย คือความเร็วประมาณช่วง 80-120 กม./ชม. ไม่ได้กดเร่งหรือวิ่งประคองทำ Eco Run เลย วิ่งไประยะทางประมาณ 79.7 กิโลเมตร ได้ออกมาที่ 17.6 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าเป็นอัตราโดยทั่วไปของรถ Eco Car เลยครับ

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

อยู่ด้วยกันร่วมสัปดาห์ วิ่งไปเกือบ 400 กิโลเมตร ผมได้ข้อสรุปการใช้งาน All New Honda City Turbo RS ดังนี้ครับ

ชอบ

  • ระบบการเก็บเสียงในห้องโดยสารระดับเทพเกินรถ Eco Car ทั่วไป วิ่งเร็วแล้วเสียงยังแทบเล็ดเข้ามาไม่ได้เลย
  • พวงมาลัยคมนักแล ใช้ในเมืองโคตรดีเลย หมุนเข้าช่องแบบสะดวกโยธิน
  • เครื่องยนต์ตอบสนองดีจัง อยากแรงก็ได้ อยากนุ่มนวลก็เบาเท้าหน่อย ทำ 0-100 ได้ 10 วินาทีนี่คือไม่ธรรมดานะครับ
  • เครื่องเสียงดีเกินคาด ไพเราะเสนาะหูจังเลย

ไม่ชอบ

  • อุปกรณ์ความปลอดภัยน้อยไปหน่อยนะ ขอเพิ่มหน่อยได้มั้ย
  • ถ้าเบาะหลังพับได้ก็น่าจะดี

Honda City Turbo RS

Honda City Turbo RS

All New Honda City Turbo RS น่าจะเป็นรถยนต์ใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนเมืองได้อย่างดี โดยเฉพาะคนที่ชอบการตอบสนองของคันเร่งและเครื่องยนต์ เช่นวัยรุ่นหรือวัยทำงานตอนต้น แต่คนที่มีครอบครัวแล้วก็ใช้งานได้ดีเช่นกัน เพราะขนาดตัวรถนั้นกว้างเหนือใครอยู่แล้วในรถ Eco Car ด้วยกัน โดยราคาจำหน่ายทาง ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ตั้งเอาไว้ที่ 739,000 บาท ถึงแม้ว่ามันจะราคาสูงกว่าคู่แข่งทั่วไป แต่ผมว่ามันก็คุ้มค่าเลยนะ ขับได้ดีขนาดนี้ ขับไปไหนไม่อายใครแน่ อยากจะวิ่งลองประชันกับรุ่นพี่ Compact Car เครื่อง 1.8 หรือ 2.0 รับรองว่าไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ แน่นอน (แต่ลองกับ Honda Civic 1.5 Turbo แล้วไม่ทันนะ ค่อย ๆ หนีไปเรื่อย ๆ เทสเรียบร้อยแล้ว ฮ่า)

Honda City Turbo RS

ชมภาพทั้งหมดของ All New Honda City Turbo RS ได้ที่นี่

ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ