Test Drive รีวิว ทดลองขับ Lexus LBX Premium รถ Crossover ไซส์จิ๋ว เล็กพริกขี้หนู หรูพร้อมแรง
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 18 มิ.ย. 67 17:47
- 3,372 อ่าน
ถ้าเอ่ยถึงรถแบรนด์ Lexus คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าเป็นยี่ห้อหรูที่มีราคา “แพง” เกินกว่าจะเอื้อมถึง แต่วันนี้ ในราคาแค่ 2 ล้านต้น ๆ ก็เป็นเจ้าของรถใหม่ยี่ห้อนี้ได้แล้ว คุณจะเชื่อไหม
ในงาน Motor Show 2024 ที่ผ่านมา เลกซัส ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 2024 อย่าง Lexus LBX รถสไตล์ Subcompact Crossover อย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศราคาเริ่มต้นที่ 2,229,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นรถที่ราคา “ถูก” ที่สุดเท่าที่เลกซัสเคยวางจำหน่ายมาอย่างเป็นทางการ
โชคดีที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมในฐานะตัวแทนของทีมงาน AUTODEFT ได้มีโอกาสในการได้ไปทดสอบในรูปแบบกลุ่มกับเพื่อน ๆ นักข่าวด้วยกัน ในการได้ขับรถรุ่นนี้กันจากกรุงเทพ ปลายทางอยู่ที่พัทยา ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร แต่แบ่งขับกัน 2 ไม้ ซึ่งเราจะเอามาบอกกันว่ารถคันนี้ จะดีมากขนาดไหน
ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เรามาดูกันก่อนว่า รถที่เราจะรีวิวกันในรอบนี้ ข้อมูลเบื้องต้นเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มต้นต้องบอกว่า รุ่นย่อยที่เราขับวันนี้ เป็น Lexus LBX Premium ซึ่งเป็นตัวท็อปสุดในไลน์แล้ว เป็นรถในรูปแบบ Sub-Compact Crossover 5 ประตู 2 แถว 5 ที่นั่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ระบบ Hybrid ที่เครื่องยนต์หลักเป็นแบบเบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร 12-valve DOHC Chain Drive (With Dual VVT-i) ที่ให้พลังได้สูงสุด 90 แรงม้า แรงบิด 120 นิวตันเมตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Synchronous alternating current motor (Permanent magnet type) ที่เพิ่มพลังได้อีก 92 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร เมื่อผสานกำลังกันแล้ว จะมอบความแรงให้ได้สูงสุดถึง 134 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ที่ส่งกำลังไปที่ 2 ล้อหน้า
Lexus LBX Premium มาพร้อมอัตราส่วน 4,190 x 1,825 x 1,560 มม. ให้ความกว้างฐานล้อที่ 2,580 มม. ด้วยไซส์ขนาดนี้ น้ำหนักของตัวรถจึงอยู่ที่ 1,755 กิโลกรัมเท่านั้น ช่วงล่างด้านหน้าเลือกใช้งานแบบ MacPherson strut ส่วนด้านหลังเป็นแบบคานแข็ง Torsion Beam ซึ่งก็น่าแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมรถหรูที่เน้นความสบายอย่างเลกซัส ถึงเลือกใช้งานช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบนี้ ในส่วนของล้อ ใส่มาเป็นล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/55R18
การออกแบบด้านหน้าของ Lexus LBX Premium โดดเด่นมาด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำ เน้นเส้นสายการลากขวางรถจากซ้ายไปขวาเพื่อให้ตัวรถนั้นดูกว้างมากขึ้น ไฟหน้านั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เพราะเป็นไฟ LED ทั้งชุด ที่มาพร้อมระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำอัจฉริยะ, ไฟหน้าแบบปรับองศาการส่องสว่าง สูง-ต่ำอัตโนมัติ รวมทั้งไป DRL และไฟตัดหมอกน้าก็เป็นแบบ LED ด้วยเช่นกัน
ด้วยการที่รถใหม่ 2024 Lexus LBX Premium ถูกยกเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน กระจกรอบคันก็เลยต้องมาแบบพิเศษหน่อย โดยกระจกทุกบาน ยกเว้นกระจกประตูท้าย ใช้เป็นแบบ กระจกตัดแสง UV ทุกบาน โดยบานของประตูที่นั่งแถว 2 จะเคลือบสีทึบแบบ Privacy Glass ด้วย และกระจกบานหน้ากับกระจกประตูแถวหน้า จะมาเป็นแบบ Acoustic Glass อีกด้วย ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีมากขึ้น
ด้านข้างก็จะมีการออกแบบให้มีการตัดเส้นสีดำเอาไว้ ทั้งตัวบังโคลน, ของชายล่างของประตู รวมถึงขอบกระจกด้วย แต่ก็ยังมีส่วนของสีโครมแซมเข้าไปบ้าน เพื่อยังแสดงถึงความหรูหรา กระจกมองข้างใช้เป็นสีดำเพื่อความสปอร์ต พร้อมฝังไฟเลี้ยวแบบ LED เข้าไปอีก เพิ่มความชัดเจนในการส่งสัญญาณ ด้านหลัง ก็ใช้ไฟท้ายแบบ LED ด้วยเช่นกัน โดยมีการลากเส้นไฟท้ายยาวจากซ้ายไปขวา สเกิร์ตชายกันชนล่าง ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำสลับสีโครเมียม ให้ได้ทั้งความดุและหรูไปได้ในคราวเดียวกัน หลังคาเลือกใช้สีเดียวกับตัวรถ แต่ตัดด้วยเสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ มีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มาพร้อมปัดน้ำฝนหลัง และประตูหลังเป็นระบบไฟฟ้า
ภายในนั้น หรูหราตามตำราของเลกซัสอยู่แล้ว โดย Lexus LBX Premium จะใช้ภายในเป็นสี 2 โทน เลือกได้ตามใจ โดยรถที่เราได้ทำการรีวิวรอบนี้ จะเป็นสีน้ำตาล + ดำ โดยวัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังอย่างดี เบาะคู่หน้าเป็นระบบไฟฟ้า โดยฝั่งคนขับนั้น เป็นแบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันจดจำตำแหน่ง และเบาะคู่หน้ามีระบบทำความร้อน (ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเมืองไทยสักเท่าไหร่) คอนโซลหน้าใช้สีดำสลับสีน้ำตาล เป็น Soft Touch เกือบทุกชิ้น โดดเด่นด้วยหน้าจอกลางขนาด 9.8 นิ้วระบบสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย ให้เสียงรอบคันด้วยลำโพง 6 ตำแหน่ง จอมิเตอร์แสดงผลรวมแบบ TFT ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว สีสันสวยงาม พวงมาลัยทรงกลม ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อม Paddle Shift และปุ่ม Multi-Function เบาะแถว 2 ใช้วัสดุหนังคุณภาพดีหุ้ม พับได้แบบ 60:40
ระบบความปลอดภัยที่ใส่มาบน Lexus LBX Premium นั้นมีมากมาย ดังนี้
- ระบบกลอนประตูอัจฉริยะ พร้อมระบบความปลอดภัยเมื่อลงจากรถ
- E-Latch Door Handle with Safe Exit Assist (SEA)
- ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ Vehicle Stability Control (VSC)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control (TRC)
- ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก Anti-lock Brake System (ABS)
- ระบบกระจายแรงเบรกไฟฟ้า Electronic Brake Force Distribution (EBD)
- ระบบช่วยเบรก Brake Assist system (BA)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-start Assist Control
- ระบบลดแสงสะท้อนอัตโนมัติสำหรับกระจกมองหลังและกระจกข้าง
- Electro Chromic (EC) inside and outside rear view mirrors
- ระบบช่วยจอดพร้อมระบบเบรกอัตโนมัติ Parking Assist system with PKSB
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Head Up Display
- กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด Back monitor
- ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tire Pressure Warning
- ระบบป้องกันก่อนการชน Pre-collision Safety System (PCS)
- ระบบติดตามช่องทางวิ่ง Lane Tracing Assist (LTA)
- สัญญาณเตือนด้านท้าย ขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise control (All-Speed)
ข้อมูลเบื้องต้นน่าจะพอแล้ว เรามาเริ่มลองขับเพื่อรีวิว Lexus LBX Premium กันดีกว่า เบื้องต้นต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมได้ขับรถคันนี้ แค่ระยะทางไม่ได้ไกลนัก สัก 60-70 กิโลเมตรเท่านั้น เลยอาจจะบอกไม่ได้ทั้งหมดว่ารถคันนี้ดีอย่างไรแบบเต็ม ๆ แต่เริ่มต้นหลังนั่งไปบนเบาะแล้ว ก็ต้องสารภาพตามตรงว่า รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ด้วยสภาพของรถที่ดูแคบกว่ารถที่ใช้ประจำวันอย่าง Toyota Wish หรือ Honda CR-V โดยเฉพาะด้านหลังที่เล็กจริง นั่ง 2 คนก็น่าจะอึดอัดแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหล่ะครับ ไซส์ผมก็คงไม่เลือกเป็นเจ้าของรถไซส์นี้เหมือนกัน มันน่าจะเหมาะกับวันรุ่ยตัวไม่ใหญ่ ไร้ครอบครัว มีแฟนกับเขาคนหนึ่ง ไม่ได้สนใจขนของอะไรมากมาย หรือจะวัยทำงานที่อยากได้ความคล่องตัวในการเดินทางในเมือง อะไรประมาณนี้ ก็น่าจะเหมาะดี
แต่ขนาดของรถ ไม่ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของ Lexus LBX Premium ได้ครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเอาเท้าเหยียบลงบนคันเร่งเพื่อออกตัวเท่านั้นแหละ ผมว่าหลายคนที่ได้ขับครั้งแรกต้องร้อง “เชรด” ก็แน่ ๆ ถ้าดูตามสเปก จะมาแค่ 134 แรงม้าก็จริง แต่การออกตัวมันสนุกมากจริง ๆ ครับ ด้วยรถขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณตันปลาย ๆ รวมถึงการ Set เครื่องยนต์ตามสไตล์รถตระกูล Lexus แล้วด้วย มันทำให้ช่วงต้นทำได้สนุกจริง ๆ แต่มันจะมาช่วงแรกแบบทันใจเท่านั้น พอกลางกับปลาย ก็เริ่มแผ่ว ยังพอต่อเนื่องได้ แต่ไม่จี๊ดจ๊าดเหมือนตอนต้นแล้ว ยังไม่ได้ลอง 0-100 นะ แต่สเปกบอกเอาไว้ที่ 9.2 วินาที ก็น่าจะได้ประมาณนี้แหล่ะ
ช่วงล่างของ Lexus LBX Premium นั้น ผมว่าเขา Set เอาไว้ที่แข็งเล็กน้อย ซึ่งตอนลองขับช้า ๆ ในสนามทดสอบนั้น มันจะเด้งกว่า Lexus NX 300h ที่ขับในช่วงเลาเดียวกันอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ความหนึบเนี่ย บอกได้เลยว่า เกาะโค้งมาก หักพวงมาลัยเร็วเข้า Slalom (ในสนาม) ก็ทำได้ดีมาก บวกกับพวกมาลัยที่ทำมาได้คมกริบ เลยทำให้ทุกการหันพวงมาลัย มันหันได้ทันใจและไปตามที่เราอยากให้เป็นได้อย่างง่ายดาย
พอขยับออกมาขับในช่วงทางไกลแบบถนนจริง ผมใช้เส้นทาง Motor Way สายกรุงเทพ-พัทยา เดินทางกันในวันธรรมดาที่มีรถร่วมทางไม่หนาแน่นมากนัก การเร่งจากความเร็วต่ำไปยัน 120 กม./ชม. นั้นไม่ลำบากเครื่องยนต์นัก แต่พอหลังจากนี้ไปจนถึง Top Speed ที่ 170 ดูจะเหนื่อยขึ้นแต่ก็ไม่ได้ยากอะไรมาก แต่สิ่งที่แปลกใจคือ เฮ้ย ทำไมยิ่งวิ่งเร็วยิ่งนุ่มหว่า ต่างจากรถบางรุ่นที่เด้งจากช้าจนเร็วก็ยังเด้ง ถือว่าเป็นรถที่เอาใจขาซิ่งได้ดีมากจริง ๆ
การเก็บเสียงในห้องโดยสารของ Lexus LBX Premium นั้น ก็ทำได้สมกับรถระดับเลกซัสจริง ๆ เงียบยาวยันความเร็วสูง มีบ้างที่เสียงจากพื้นจะทะลุขึ้นมาบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่มากไม่มายอะไร สมราคารถหรูจากแดนซามูไรจริง ๆ
ทีนี้เราก็ต้องตั้งคำถามก่อนว่า Lexus LBX Premium ราคาค่าตัวอยู่ที่ 2,390,000 บาท แพงกว่าตัวเริ่มต้นอยู่ 1 แสนถ้วน มันจะเหมาะกับใครได้บ้าง บอกเลยว่าไม่เหมาะกับชายวัยกลางคน ตัวใหญ่ ขับรถไม่เร็วแบบผมแน่นอน เพราะไซส์มันเล็กไปหน่อยกับผม มันเหมาะกับคนที่ตัวไม่ใหญ่มาก อยากได้รถขับคล่องตัว แรงสะใจ ได้ความประหยัด (ผมลองดูจากหน้าจอช่วงที่ผมขับกันมา วิ่งแบบยับ ๆ ยังได้ 16.9 กม./ล.) ยังไม่มีครอบครัว หรือถ้ามีครอบครัวแล้ว ก็มีคันใหญ่ในบ้านอีกคัน ลองคิดดูครับว่า การจ่ายเงิน 2 ล้านต้น แต่ได้ขับรถเลกซัส แบรนด์ระดับหรูเนี่ย ถ้าผมมีเงินมากพอ และยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ตัวผอมน้ำหนักก 60 กว่า ๆ ยังหาเมียไม่ได้อยู่ ผมว่าคันนี้ต้องจอดอยู่ในโรงรถของผมแน่นอน
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com