Test Drive : รีวิว ทดลองขับ 2021 All New Mazda BT-50 Double Cab 4WD ปิกอัพขับสี่ หล่อ ลุย หรูในคันเดียว
- โดย : Autodeft
- 18 ก.พ. 64 00:00
- 8,595 อ่าน
หลังจากที่ มาสด้า ได้เพื่อนคู่คิดรายใหม่ในการพัฒนารถยนต์ร่วมกันคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อีซูซุ เจ้าพ่อค่ายรถเพื่อการพาณิชย์อันดับต้นๆของโลก จนกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สิงห์รถปิกอัพทั้งเมืองไทยและทั่วโลกโดยสามารถใช้พื้นฐานทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังช่วงล่าง ร่วมกันได้ แต่ต่างกันที่งานดีไซน์ภายนอก ภายใน และผลิตที่เดียวกันภายใต้ชื่อ ISUZU D-MAX และ Mazda BT-50 เจนใหม่
สำหรับแฝดผู้น้องอย่าง All New Mazda BT-50 เปิดตัวที่ออสเตรเลียเป็นที่แรกของโลกเมื่อกลางปีที่แล้ว ส่วนเมืองไทยเป็นที่ที่สองของโลกที่เปิดตัวและเป็นที่แรกของโลกที่เปิดตัวเวอร์ชั่นตอนเดียวและแค็ปตอนครึ่งขับสองตัวเตี้ยแบบมีกระบะท้ายออกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา หลังร่วมกิจกรรมทดลองขับก่อนจำหน่ายจริงไปช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ครั้งนี้กลับมาจับปิกอัพสุดหล่ออีกครั้งและรุ่นที่ได้ขับนั้นเป็นรุ่นท็อปสุด 3.0 SP 4WD Double Cab 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เริ่มกันที่หน้าตาความหล่อเน้นความหรูหราลักชัวรี่ถอดแบบจากรถเก๋ง รถเอสยูวีของค่ายในแบบ KODO Design แต่ต่างจากแฝดผู้พี่ที่เน้น โหดดุดันด้วยชุดสีดำเข้ม ด้วยกระจังหน้ารถแบบซิกเนเจอร์วิงโครเมี่ยมขนาดใหญ่เส้นแนวนอนโอบรับปีกซ้าย-ขวาครอบใต้ไฟหน้าในขณะที่ช่องกลางของกระจังหน้ามีช่องระบายอากาศในตัวมาพร้อมไฟหน้า LED Projector ทรงกระบอก ดูโฉบเฉี่ยว สว่างไสวไปกับ ไฟ LED Daytime วงเล็กๆข้างชุดไฟหน้าในโคมเดียวกันซึ่งมองแล้วไมเล็กจังนึกว่าทรงกระบอกตัวนั้นจะเป็นไฟ Daytime รับกับชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ฝังด้วยชุดไฟแนวตั้งแต่ไฟเลี้ยว ไฟหรี่ไฟตัดหมอก LED และ สัญญาณกะระยะการจอดรถ 4 จุด
ด้านข้างยังมีกลิ่นไอความเป็น มาสด้า ถึงจะออกแบบให้บังโคลนหน้าหลัง ช่องเว้าใต้แผงประตูที่ต่างกันแต่ก็ยังมีความคล้ายกับแฝดผู้พี่อยู่บ้างในบางจุด เริ่มที่ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED โครเมี่ยม สามารถปรับ-พับได้ด้วยไฟฟ้า ที่เปิดประตูโครเมี่ยมพร้อมปุ่มปลดล็อกประตูสีดำฝั่งที่ก้านเปิดประตูสองข้าง เสาอากาศยังเป็นแบบเสาสั้นติดตั้งบนหลังคารถพร้อมราวหลังคาแบบขึ้นรูป ล้ออัลลอยดีไซน์ทูโทน 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 ใช้ยาง Bridgestone Dueler H/T เป็นของติดรถมา ด้านท้ายดีไซน์เด่นกับไฟท้าย สีขาวแดง แบบฮาโลเจน ซึ่น่าจะให้เป็นแบบ LED ด้วยก็จะดี พร้อมฝาเปิดกระบะท้ายโครเมี่ยมติดตั้งกล้องมองหลัง และตราสัญลักษณ์เด่นทั้งโลโก้ Mazda ตราชื่อ BT-50 หรือตรา 4x4 ที่บ่งบอกว่านี่คือรุ่นท็อปสุด กับกันชนท้ายขึ้นรูปสีเดียวกับตัวรถดีไซน์กลมกลืนกับตัวรถและสัญญาณกะระยะถอยหลัง 4 จุด เช่นเดียวกับด้านหน้า ราวหลังคากับบันไดข้างติดตั้งให้จุดที่สะดุดตาเป็นโดนเด่น
ตัวรถแฟนๆทราบกันดีว่าใช้พื้นฐานเดียวกับแฝดผู้พี่ All New ISUZU D-MAX แต่เมื่อมานั่งเทียบกันกลับพบว่าขนาดมีบางอย่างเท่ากันบางอย่างต่างกันนิดหน่อย เริ่มที่ความยาวทาง Mazda ยาวกว่า 15 มม. กับน้ำหนักรถมากกว่า 90 กก. แต่ความกว้าง ความสูง ระยะฐานล้อ ความสูงจากใต้ท้องรถและความจุถังน้ำมันกลับให้ขนาดเท่ากับแฝดผู้พี่อย่างชัดเจน
ภายในถ้ามองภาพรวมมีความคล้ายกับแฝดผู้พี่แต่ถ้ามองๆลึกแล้วอาจมีจุดต่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแผงคอนโซลหน้าที่ Mazda ดีไซน์เรียบๆไม่เล่นระดับปูแบบหุ้มหนังสัมผัสสีดำกึ่งพลาสติกแข็งขึ้นรูป บนคอนโซลหน้าไม่มีกล่องอเนกประสงค์พร้อมฝาปิด คอนโซลหน้าตกแต่งสีดำ-น้ำตาลผสมวัสดุสีเงินสปอร์ตทั้งแผง มาตรวัดเรืองแสงดีไซน์หรูพร้อมจอแสดงข้อมูลสี MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้วอยู่ตรงกลาง ที่บอกทั้งระยะทางทริป A กับ B อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จอแสดงการทำงานวิทยุ และมีนาฬิกาดิจิตอลในตัว ฯลฯ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ดีไซน์จับกระชับมือหุ้มหนัง ซ้ายมือเป็นปุ่มควบคุมวิทยพร้อมปุ่มรับโทรศัพท์ ขวาเป็นปุ่มล็อกความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control ปรับได้ 4 ทิศทาง Tilt & Telescopic สูง-ต่ำและ เข้า-ออก ตามสรีระผู้ขับขี่ โดยโครงสร้างของวงพวงมาลัยแหมือนแฝดผู้พี่แต่เปลี่ยนตรงที่กดแตรกับการตกแต่งสีเงินในก้านพวงมาลัยแบบตัว V เท่านั้น
ช่องแอร์ออกแบบแตกต่าง 4จุดพร้อมกรอบช่องแอร์สีเงินเข้มส่วนคอนโซลกลางมีจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว ความคมชัดสูง ไร้ช่องใส่ CD ตามสมัยนิยม เล่นได้ทั้งระบบนำทาง รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพงรอบคัน 8 ลำโพงรวมลำโพงบนหลังคารถ ที่ให้เนื้อเสียงไพเราะระดับหนึ่ง งานนี้คนขับและคนนั่งไม่ต้องมาแย่งกันปรับอุณหภูมิกันอีกกับเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ด้านหลังมาด้วยเย็นทั้งคัน และช่องเสียบชาร์จสมาร์ทโฟน USB 2 จุด ทั้งหน้าใต้คอนโซลกลาง มีช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์ ข้างช่องแอร์หลัง ชุดคันเกียร์แบบสีดำเปียโนแบล็คผสมหนังจับกระชับมือล้อมกรอบด้วยสีเงิน พร้อม Shift Lock แบบใช้กุญแจเสียบ บนคอนโซลเกียร์ มีการหุ้มหนังสัมผัส 2 ฝั่ง กลมกลืนกับสีน้ำตาลเข้ม รวมถึงกล่องคอนโซลกลางหุ้มหนัง และความสบายด้วยระบบกุญแจรีโมท Genius Entry แค่เก็บใส่ในกระเป๋า ก็สามารถสั่งปลดล็อกได้อย่างง่ายดายด้วยการกดปุ่มเล็กๆในก้านประตูและปุ่ม Push Start ตามสมัยนิยม
เบาะนั่งโครงเดียวกันออกแบบใหญ่โตโอบกระชับดีหุ้มทั้งกึ่งหนังแท้สีน้ำตาลเข้ม ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับแต่คนนั่งปรับด้วยก้านธรรมดา 4 ทิศทาง ในการตัดเย็บเน้นแบบตระการตาด้วยการเดินด้ายหลายจุด แต่เบาะหลังเมื่อเข้าไปนั่งให้ความสบายพอสมควรตัวเบาะวางตำแหน่งอาจชันนิดนึงแต่มีความดีตรงที่มีปีกซัพพอร์ต โอบกระชับดี แถมที่วางแขนมีที่ใส่แก้วให้และพื้นที่วางขายังมีพื้นที่เหลือๆสบายๆและยังพับได้นส่วนตัวเบาะและที่รองนั่งเพื่อการวางของได้สะดวก
รุ่นท็อปสุด 3.0 SP 4WD Double Cab 4 ประตู จะสงวนขุมพลังขนาดเดียวและใช้แบบเดียวกับ All New ISUZU V-Cross 4WD 3.0 M Auto ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ3-TCX ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 188 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Rev-Tronic รุ่น AWR6B45-II มาพร้อม 4 ล้อ Part-Time แบบปุ่มบิด ลุยตามใจสั่งควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 2H, 4H และ 4L (เปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H โดยไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.) และระบบ Electronic Diff-Lock ระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้ามั่นใจในการพิชิตทุกอุปสรรค
ครั้งนี้ทาง Mazda เลือกเส้นทางกรุงเทพฯ-ราชบุรี แบบไป-กลับ ระยะทางทั้งหมด 344 กม. โดยการขับรุ่นท็อปสุดขับสี่นื้กำลังของเครื่อง 3.0 ลิตร การตอบสนองยังคงฉับไวว่องไวเช่นเดิมไม่ว่าจะขับทางยาวๆบน ถ.พระราม 2 ก่อนถึงแยกวังมะนาว เข้าถ. เพชรเกษม จนถึงแม้กระทั่งเส้นทางไปอ่างเก็บน้ำท่าเคย อ.โป่งกระทิง ที่มีทางชันขึ้นเขาสูงแต่ด้วย แรงบิดมากถึง 450 นิวตันเมตร สามารถสร้างรอบต่ำได้อย่างฉับไวตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ทัดเทียมกับเจ้าอื่นๆได้สมน้ำสมเนื้อถึงตัวรถจะหนัก 2 ตันต้นๆแถมแบกชุดเกียร์ฝากทรานเฟอร์ไว้และถ้าเทียบกับแฝดผู้พี่แล้วแทบไม่ต่างกันเลย รอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 90-120 กม./ชม.ทำผลงานไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที เหมือนแฝดผู้พี่ โดยแต่ละช่วงของความเร็วตั้งแต่ 1,700, 1,750, 1,850 และ 1,950 รอบ/นาที ด้านการเก็บเสียงหรือ NVH (Noise, vibration and harshness) ติดตั้งโฟมเข้าไปภายในเสาแต่ละต้นเพื่อช่วยดูดซับเสียงจากแผงประตูด้านข้าง รวมไปถึงพรมปูพื้นและฉนวนได้ถูกผลิตขึ้นเป็นชิ้นเดียวกัน ตลอดการขับขี่ในย่านความเร็วสูงราว 60-110 กม./ชม. กลับเก็บเสียงได้ดีเยี่ยมแต่ถ้าความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไปมีเสียงลมเข้ามานิดหน่อยแต่ก็ไม่รำคาญมากเท่าไหร่ แต่จะเก็บเสียงไม่ดีเท่าแฝดผู้พี่ที่จะเก็บเสียงได้เงียบขึ้นในช่วงรอบต่ำจนถึงขับปกติ 60-120 กม./ชม.แต่ถ้า 130 กม./ชม.ขึ้นไปมีเสียงลมเข้ามาเล็กน้อย
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ด้วยอัตราทดดังนี้ เกียร์ 1= 3.600, เกียร์ 2 = 2.090, เกียร์ 3 = 1.488, เกียร์ 4 = 1.000, เกียร์ 5 = 0.687, เกียร์ 6 = 0.580, เกียร์ถอยหลัง = 3.732 อัตราทดเฟืองท้าย = 3.727 (อัตราทดเกียร์ 4L = 2.482 แล 4H = 1.000) ถึงเกียร์ลูกนี้ผลิตโดย AISIN แถมใส่ทั้งแฝดผู้พี่และคู่แข่งเจ้าดังอย่าง Toyota Hilux REVO แต่การทำงานของมันให้ความสัมพันธ์กับความเร็วเรียบเนียน ตัดต่อกำลังราบรื่น ไม่กระตุกไม่เสียอารมณ์ตอนขับเร่งแซง แถมมีเกียร์ บวก/ลบ สร้างความสนุกในการขับขี่มากขึ้น และจุดเด่นที่น่ายกย่องอีกอย่างไม่ว่าจะอยู่ในแฝดผู้พี่หรือผู้น้องนั่นคือ ระบบ Engine Brake คอยดึงกำลังของเครื่องยนต์ ช่วยในการชะลอทั้งในช่วงลงเขาหรือลดความเร็ว แต่ว่า Engine Brake จะทำงานในช่วงความเร็วลดลงมาถึง 60 กม./ชม.นั่นเอง ซึ่งมันเป็นมาตั้งแต่แฝดผู้พี่เจนที่แล้วนั่นเอง
ระบบพวงมาลัยของรุ่นนี้เป็นพาวเวอร์แร็คแอนด์พิเนียนแบบน้ำมันให้น้ำหนักกลางๆไม่เบามากไปไม่หนักมากไป ด้วยระยะวงเลี้ยวแคบสุด 6.1 เมตร ระยะฟรีพวงมาลัยน้อยลงกว่า ระบบช่วงล่างเป็นปีกนกอิสระสองชั้น คอยล์สปริง และโช้กอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลงสำหรับด้านหน้า และด้านหลังเป็นแหนบรูปครึ่งวงรีพร้อมโช้กอัพแก๊ส (แหนบเหนือเพลา) แต่การปรับเซ็ต กลับสร้างความแตกต่างจากแฝดผู้พี่ โดยความหนึบนุ่มยังเดิมจากรุ่น BT-50 เจนที่แล้ว แต่เพิ่มเติมด้วยมีความนุ่มนวลเข้ามาด้วย อาการโยนตัวแทบไม่มี แต่ความดีเด้งย้วยยังมีให้เห็นในการขับขี่ตามสภาพถนนที่ออกไปทางขุรขระ หรือช่วงจัมพ์สะพาน เป็นต้น (All New ISUZU V-Cross ให้ความนุ่มนวล เด้ง แต่มีความหนึบเข้ามาด้วย) การเข้าโค้ง คือนิ่งเป็นนิ่ง พร้อมเสริมตัวยึดด้านหน้ากันโคลง เพื่อเพิ่มความสมดุลให้กับตัวรถมากขึ้น และเมื่อทำงานร่วมกับพวงมาลัยสามารถบังคับควบคุมได้อย่างฉับไว
การเบรกรถให้หยุดบุคลิกคล้ายกับตอนไปขับที่สนามทดสอบ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเหมือนกันตรงที่เมื่อลองเหยียบเบรกราว 30 % กลับคล้ายรถ SUV ในค่ายตัวเอง คือ มีระยะการเบรกที่ยาวๆไปหรือเบรกทื่อ จนต้องเหยียบเพิ่มอีก 10 % รถจึงจะหยุดได้นั่นเองซึ่งตรงนี้น่าจะมีกาปรับระยะการเบรกให้สั้นและดีขึ้นเท่าๆกับแฝดผู้พี่แต่โดยรวมหยุดรถได้อย่างน่าพอใจ ด้านระบบความปลอดภัยนั้นมีครบแบบเดียวกับแฝดผู้พี่ All New ISUZU V-Cross ไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ระบบช่วยจอด Parking ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด ด้านตัวช่วยที่เกี่ยวเนื่องอย่างระบบออกตัวบนทางลาดชัน HSA และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HLA ที่ตรวจจับการทำงานอย่างแม่นยำมีหน่วง ไม่กระตุกในตอนช่วงลงจากทางลาดชัน ถือว่าระบบนี้เป็นประโยชน์มากๆในการขัชขี่ทางชัน พร้อมระบบล็อกรถอัตโนมัติในกรณีที่เดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร หรือ Walk Away Auto Lock เหมาะมากสำหรับคนขี้ลืมและรีบๆไปทำธุระจนลืมล็อกรถ รวมถึง ระบบ Remote Engine Start จอดรถกลางแดดแล้วตั้งระบบปรับอากาศไว้ก่อนดับรถสามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทได้ในระยะ 20 เมตร แต่การทำงานดังกล่าวอาจจำกัดการใช้งาน ระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ Welcome Light เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร
การแปลงร่างแฝดผู้พี่ให้มาเป็นตัวตนอีกแบบสไตล์ Kodo สร้างความชัดเจนในแนวหรูหราลักชัวรี่ด้วยชุดโครเมี่ยมทั้งคัน โดดแด่นหรูแกร่งแบบรถยนต์เอสยูวี ออกแบบมาชนิดรถเก๋งยังอายเลยทีเดียว แม้กระทั่งภายในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆคล้ายกับแฝดผู้พี่ แต่ คอนโซลหน้าดีไซน์หรูเรียบง่ายขึ้น เบาะนั่งสบายไม่เมื่อยล้า ออพชั่นข้าวของให้มาครบครัน เครื่องยนต์ 3 ลิตร 190 แรงม้า บุคลิการตอบสนองไม่ต่างจากแฝดผู้พี่รวมถึงระบบพวงมาลัย แต่ช่วงล่างมาสด้ากลับเซ็ตคนละอย่างถึงจะมีความนุ่มย้วยเข้ามาด้วยแต่ก็ไม่น่าเกลียดมากนั้นถึงระบบเบรกอาจด้อยกว่าแฝดผู้พี่
ด้วยราคา 1,153,000 บาท กับชื่อความเป็นรถยนต์ขับสนุกตามสไตล์ Mazda และการนำจุดเด่นของ ISUZU ที่สามารถใช้อะไหล่ร่วมกันได้ ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ชิ้นส่วนทีเกี่ยวเนื่องผนวกกับความทนทานค่าบำรุงรักษต่ำ ถึงจะเข้าศูนย์บริการร่วมกันไม่ได้ ก็ทำให้ปิกอัพแฝดผู้น้องอย่าง All New Mazda BT-50 Double Cab 4WD เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ All New Mazda BT-50
สิ่งที่ชอบ >>> จุดเด่นต่างๆที่มีอยู่ในแฝดผู้พี่ All New ISUZU V-Cross อย่างไรก็เป็นอย่างงั้นไม่ว่าจะขุมพลัง ความแรง การขับขี่ การจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆเบาะนั่งที่สบายมีปีกซ้าย-ขวาที่โอบกระชับ พวงมาลัยน้ำหนักดีคมจิกทุกโค้ง ช่วงล่างหนึบนำนุ่มตาม ยวบยาบ
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ควรเพิ่มช่องชาร์จไฟฟ้าแบบ 220V สำหรับการใช้โน็ตบุ๊ก รวมถึงระบบเบรกควรจะปรับปรุงให้เบรกฉับไวทันใจลดระยะการเหยียบเบรกให้สั้นกว่าเดิม
ชม Gallery Test Drive All New Mazda BT-50 Double Cab 4wd ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com