Test Drive : รีวิว ทดลองขับ 2021 All New Mazda BT-50 Double Cab 4WD ปิกอัพลุยในร่างหรู..ที่เป็นทุกอย่างให้เธอในทุกสถานการณ์
- โดย : Autodeft
- 20 เม.ย. 64 00:00
- 11,650 อ่าน
ย้อนกลับไปเมื่อ 31 ปีที่แล้ว ปิกอัพ มาสด้า ในเมืองไทยเปิดตัวขุมพลังใหม่ที่ไม่ใช่ขุมพลังของตัวเองแต่กลายเป็นขุมพลังที่หยิบยืมมาจาก อีซูซุ ออกจำหน่ายภายใต้ชื่อ Mazda Thunder 2500 Di จนดังเกรียวกราวและไม่คิดว่า 5 ปีที่แล้วหลัง มาสด้า เซ็นต์ใบหย่าจบความสัมพันธ์กับ ฟอร์ด แล้วมาซบกับ อีซูซุ เพื่อพัฒนารถปิกอัพโดยใช้พื้นฐานทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง และตัวถังของ ISUZU D-MAX แต่ความหล่อสไตล์ใครส
ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองเปิดตัว All New Mazda BT-50 ตั้งแต่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา (คล้อยหลังการเปิดตัวที่ออสเตรเลียเพียงแค่ 7 เดือน) แต่เป็นที่แรกของโลกที่เปิดตัวเวอร์ชั่นตอนเดียว Single Cab และ แค็ปเปิดได้ Freestyle Cab ขับเคลื่อนสองล้อมาตรฐานเพิ่มทางเลือกสำหรับวัยรุ่นสร้างตัว คนสู้งาน จากเดิมจะมีแต่รุ่นแค็ปเปิดได้ และ สี่ประตู Double Cab แบบขับเคลื่อนสองล้อยกสูงและขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD และครั้งนี้จับรุ่นท็อปสุดมาทดลองขับแบบถึงพริกถึงขิงหลังจากที่ได้ทดลองไปแล้ว 2 ครั้ง นั่นคือรุ่นท็อปสุด 3.0 SP 4WD Double Cab 4WD
หนุ่มหล่อมาดสุขุม หรูหราลักชัวรี่ถอดแบบจากรถเก๋ง เอสยูวีของค่ายในแบบ KODO Design แต่ต่างจากแฝดผู้พี่ ISUZU V-Cross 4x4 3.0 M Double Cab Auto มาดโหดดุดันด้วยชุดสีดำเข้ม ด้วยกระจังหน้ารถแบบซิกเนเจอร์วิงโครเมี่ยมขนาดใหญ่เส้นแนวนอนโอบรับปีกซ้าย-ขวาครอบใต้ไฟหน้าในขณะที่ช่องกลางของกระจังหน้ามีช่องระบายอากาศในตัวมาพร้อมไฟหน้า LED Projector ทรงกระบอก ดูโฉบเฉี่ยว สว่างไสวไปกับไฟ LED Daytime วงเล็กๆข้างชุดไฟหน้าในโคมเดียวกันซึ่งมองแล้วไมเล็กจัง รับกับชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ฝังด้วยชุดไฟแนวตั้งแต่ไฟเลี้ยว ไฟหรี่ ไฟตัดหมอก LED และแปะสัญญาณกะระยะการจอดรถ 4 จุด
ด้านข้างมีกลิ่นไอความดุดันตัดกับความหรูด้วยชุดโครเมี่ยม ถึงจะออกแบบให้บังโคลนหน้าหลัง ช่องเว้าใต้แผงประตูที่ต่างกันแต่ก็ยังมีความคล้ายกับแฝดผู้พี่อยู่บ้าง เริ่มที่ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED โครเมี่ยม สามารถปรับ-พับได้ด้วยไฟฟ้า ที่เปิดประตูโครเมี่ยมพร้อมปุ่มปลดล็อกประตูสีดำฝั่งที่ก้านเปิดประตูสองข้าง เสาอากาศยังเป็นแบบเสาสั้นติดตั้งบนหลังคารถพร้อมราวหลังคาแบบขึ้นรูป ล้ออัลลอยดีไซน์ทูโทน 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 ใช้ยาง Bridgestone Dueler H/T เป็นของติดรถมา ด้านท้ายดีไซน์เด่นกับไฟท้าย สีขาวแดง แบบฮาโลเจน ซึ่น่าจะให้เป็นแบบ LED ด้วยก็จะดี พร้อมฝาเปิดกระบะท้ายโครเมี่ยมติดตั้งกล้องมองหลัง และตราสัญลักษณ์เด่นทั้งโลโก้ Mazda ตราชื่อ BT-50 หรือตรา 4x4 ที่บ่งบอกว่านี่คือรุ่นท็อปสุด กับกันชนท้ายขึ้นรูปสีเดียวกับตัวรถดีไซน์กลมกลืนกับตัวรถและสัญญาณกะระยะถอยหลัง 4 จุด เช่นเดียวกับด้านหน้า ราวหลังคากับบันไดข้างติดตั้งให้จุดที่สะดุดตาเป็นโดนเด่น หลังคารถเมื่อเทียบกับ Mazda BT-50 PRO Double Cab 3.2 R Auto 4WD เจนที่แล้ว พบว่ามีความลาดลงเล็กน้อยด้วยผลของหลักอากาศพลศาสตร์
มิติตัวรถนั้นแฟนๆค่ายรถยนต์จากเมืองฮิโรชิม่าทราบกันดีว่าใช้พื้นฐานเดียวกับแฝดผู้พี่ แต่เมื่อมานั่งเทียบกันกลับพบว่าขนาดมีบางอย่างเท่ากันบางอย่างต่างกันนิดหน่อย เริ่มที่ ด้วยความยาว 5,280 มม. ความกว้าง 1,870 มม. ความสูง 1,810 มม. ฐานล้อ 3,125 มม. น้ำหนักรถ 2,110 กก. ระยะต่ำสุดจากพื้น 240 มม. ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร และมิติกระบะภายในความยาว 1,495 มม. ความกว้าง 1,530 มม. ความสูง 490 มม. แต่เมื่อมาเทียบกับแฝดผู้พี่อย่าง ISUZU V-Cross 4x4 3.0 M Double Cab Auto พบว่าแฝดผู้น้องมีความยาวตัวรถยาวกว่า 15 มม. กับน้ำหนักรถมากกว่า 90 กก. แต่ความกว้าง ความสูง ระยะฐานล้อ ความสูงจากใต้ท้องรถและความจุถังน้ำมันกลับให้ขนาดเท่ากันอย่างชัดเจน
แต่ถ้าเทียบกับ Mazda BT-50 PRO Double Cab 3.2 R Auto 4WD เจนที่แล้ว พบว่ามีมิติตัวรถที่เล็กลงพอสมควรตั้งแต่ ความยาวตัวรถลดง 85 มม. ความสูงลดลง 11 มม. ฐานล้อสั้นลง 95 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถลดลง 3 มม. ความจุถังน้ำมันลดลง 4 ลิตร แต่ความกว้างตัวรถมากกว่าเดิม 20 มม. และน้ำหนักรถมากกว่า 59 กก. ด้านมิติกระบะท้ายเมื่อเทียบกับเจนที่แล้วพบว่า ลดลงทุกมิติ ทั้งความยาวลดลง 54 มม. ความกว้างลดลง 30 มม. และความสูงลดลง 23 มม.
ถ้ามองภาพรวม ภายในมีความคล้ายกับแฝดผู้พี่ ISUZU V-Cross 4x4 แต่ถ้ามองอย่างละเอียดกลับมีจุดต่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซน์แผงคอนโซลหน้า แผงประตู และลวดลายเบาะ โดย Mazda ดีไซน์แผงคอนโซลหน้าเน้นความเรียบง่ายไม่เล่นระดับด้านบนหุ้มหนังสัมผัสกึ่งพลาสติกแข็งขึ้นรูปสีดำทั้งชิ้นแถมคอนโซลหน้าไม่มีกล่องใส่ของตรงกลาง ด้านหน้าของชุดคอนโซลหน้าตกแต่งสีดำ-น้ำตาลผสมวัสดุสีเงินสปอร์ตที่แผงช่องแอร์ มาตรวัดเรืองแสงดีไซน์หรูพร้อมจอแสดงข้อมูลสี MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้วอยู่ตรงกลาง ที่บอกทั้งระยะทางทริป A กับ B อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จอแสดงการทำงานวิทยุ แสดงนำมันที่สามารถวิ่งได้และยังสามารกปรับตั้งค่าการทำงานของตัวรถได้จากจอ MID พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ดีไซน์จับกระชับมือหุ้มหนัง ซ้ายมือเป็นปุ่มควบคุมวิทยพร้อมปุ่มรับโทรศัพท์ ขวาเป็นปุ่มล็อกความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control ปรับได้ 4 ทิศทาง Tilt & Telescopic สูง-ต่ำและเข้า-ออก ตามสรีระผู้ขับขี่ โดยโครงสร้างของวงพวงมาลัยเหมือนแฝดผู้พี่แต่เปลี่ยนตรงที่กดแตรกับการตกแต่งสีเงินในก้านพวงมาลัยแบบตัว V เท่านั้น
ช่องแอร์ออกแบบแตกต่าง 4จุดพร้อมกรอบช่องแอร์สีเงินเข้มส่วนคอนโซลกลางมีจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้วความคมชัดสูง ไร้ช่องใส่ CD เล่นได้ทั้งระบบนำทาง รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพงรอบคัน 8 ลำโพงรวมลำโพงบนหลังคารถ ให้เนื้อเสียงไพเราะระดับหนึ่ง งานนี้คนขับและคนนั่งไม่ต้องมาแย่งกันปรับอุณหภูมิกันอีกกับเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ด้านหลังมาด้วยเย็นทั้งคัน และช่องเสียบชาร์จสมาร์ทโฟน USB 2 จุด ทั้งหน้าใต้คอนโซลกลาง มีช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์ ข้างช่องแอร์หลัง ติดตั้งระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร High Efficiency Filter สามารถดักฝุ่น PM 2.5 ได้ชุดคันเกียร์แบบสีดำเปียโนแบล็คผสมหนังจับกระชับมือล้อมกรอบด้วยสีเงิน พร้อม Shift Lock แบบใช้กุญแจเสียบ บนคอนโซลเกียร์ มีการหุ้มหนังสัมผัส 2 ฝั่ง กลมกลืนกับสีน้ำตาลเข้ม รวมถึงกล่องคอนโซลกลางหุ้มหนัง ที่แผงบังแดดคู่หน้าติดตั้งกระจกแต่งหน้าพร้อมชุดไฟส่องสว่าง 2 จุด Vanity Mirror & Light เอาใจสาวๆที่มาเอาดีมาขับรถปิกอัพเป็นครั้งแรกแต่คุณผู้ชายก็ส่องแต่งหล่อได้บนหลังคารถขึ้นรูปกำมะหยี่สีดำพร้อมชุดไฟส่องแผนที่กับกล่องใส่แว่นตาในตัว
และที่เหนือกว่า ISUZU ตรงที่มีกระจกมองหลังปรับแสงสะท้อนด้วยระบบอัตโนมัติ สบายด้วยระบบกุญแจรีโมทขนาดเล็ก Genius Entry เก็บใส่ในกระเป๋าก็สามารถสั่งปลดล็อกได้อย่างง่ายดายด้วยการกดปุ่มเล็กๆในก้านประตูและปุ่ม Push Start ตามสมัยนิยมพร้อมระบบล็อกรถอัตโนมัติในกรณีที่เดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร หรือ Walk Away Auto Lock เหมาะมากกับคนขี้หลงขี้ลืมล็อกรถระบบ Remote Engine Start จอดรถกลางแดดแล้วตั้งระบบปรับอากาศไว้ก่อนดับรถสามารถสั่งงสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทได้ในระยะ 20 เมตร แต่การทำงานดังกล่าวอาจจำกัดการใช้งาน ระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ Welcome Light เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร ระบบ Follow Me Home สามารถเปิดไฟส่องสว่างได้นาน 30 วินาที หลังดับเครื่องยนต์ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind spot Monitoring (BSM) ติดตั้งที่มุมบนกระจกมองข้างซ้าย-ขวาไว้สำหรับ รถที่สวนทางมาจะมีไฟแสดงไว้และระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert (RTCA) ซึ่งเป็นประโยชน์มากในเวลาถอยหลังแล้วมีรถสวนมาโดยมีเสียงเตือนและไฟแสดงระบบ BSM จะสว่างในด้านซ้ายของกระจกมองข้าง
เบาะนั่งทรงสปอร์ตออกแบบใหญ่โตโอบกระชับดีหุ้มทั้งกึ่งหนังแท้สีน้ำตาลเข้มแต่การตัดเย็บเดินด้ายนั้นคนละแบบกันเดินหลายจุดโดยฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับ พร้อมก้านปรับดันหลัง แต่คนนั่งปรับด้วยก้านธรรมดา 4 ทิศทาง แต่เบาะหลังเมื่อเข้าไปนั่งให้ความสบายพอสมควรตัวเบาะวางตำแหน่งอาจชันนิดนึงแต่มีความดีตรงที่มีปีกซัพพอร์ตโอบกระชับแถมที่วางแขนมีที่ใส่แก้วให้และพื้นที่วางขายังมีพื้นที่เหลือๆสบายๆและยังพับได้ในอัตราส่วน 60:40 ส่วนที่รองนั่งแต่ตัวเบาะพับได้แบบอัตราส่วน 100 เพื่อการวางของได้สะดวก รวมถึงจุด ISOFIX สำหรับวางคาร์ซีทเด็ก รวมวมถึงมือจับภายในห้องโดยสารที่คราวนี้มาครบทั้งเสา A 2 จุด บนหลังคา 4 จุด และหลังเสา B อีก 2 จุด รวม 8 จุด ขึ้น-ลงสะดวกยิ่งขึ้น และติดตั้งกุญแจไขยกเลิกการทำงานถุงลมนิรภัยด้านผู้โดยสารสำหรับการติดตั้งที่นั่งคาร์ซีทในเบาะโดยสารด้านหน้า โดยระบบการทำงานอยู่ที่ด้านข้างคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารซึ่งถือว่าจำเป็นอย่างมากสำหรับครอบครัวที่ต้องพาเจ้าตัวน้อยเดินทางไปด้วย และถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด
ถึงใช้พื้นฐานตัวรถเหมือนกันกับ ISUZU V-Cross 4x4 ขุมพลังก็ใช้ร่วมกันโดยในรุ่นท็อปสุด 3.0 SP 4WD Double Cab 4 ประตู จะใช้ขนาดเดียวเท่านั้น ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS TURBO ของ ISUZU ขนาด 3.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว รหัส 4JJ3-TCX ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,999 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์เป็น 16.3:1 ระยะชัก/ขนาดกระบอกสูบ 95.4/104.9 มม. ปล่อย CO2 ที่ 188 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Rev-Tronic รุ่น AWR6B45-II มาพร้อมระบบขับแคลื่อน 4 ล้อ Part-Time ปุ่มบิดควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 3แบบ 2H, 4H และ 4L (เปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H โดยไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.) มั่นใจในการพิชิตหลุมบ่อทางลาดชันที่ขึ้นยากด้วยระบบ Electronic Diff-Lock ระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้าโดยทำงานร่วมกับระบบ 4L และลุยน้ำได้ 800 มม.
(เครื่องเดิมของ Mazda BT-50 PRO เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผันของ Ford ชื่อเครื่อง PUMA รหัส P5AT 3.2 ลิตร 5 สูบ 20 วาล์ว 200 แรงม้าที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิด 470 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 3,198 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์เป็น 15.5:1 ระยะชัก/ขนาดกระบอกสูบ 89.8/100.7 มม. ปล่อย CO2 ที่ 277 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Sequential Shift)
สเปกเครื่องยนต์ 4JJ3-TCX ประกอบด้วยห้องเผาไหม้ออกแบบใหม่แบบ Optimum Combustion Shape ช่วยให้น้ำผสมกับอากาศได้ดีขึ้น, เทอร์โบแปรผันปรับไฟฟ้าที่ตั้งอัตราการบูสท์ไว้คือ 1.7 บาร์ หรือประมาณ 24 ปอนด์, กล่อง ECM ประมวลผลแม่นยำยิ่งขึ้นแบบ Multi-core, สลักลูกสูบเคลือบสารพิเศษ Diamond Like Carbon, ลูกสูบ+แหวนแบบใหม่, ระบบควบคุมการเปิด-ปิดวาล์น้ำด้วยระบบไฟฟ้า Electronic Thermostat รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆที่เปลี่ยน เงียบขึ้นด้วยฉนวนเก็บเสียงรอบๆเครื่อง, Timing Gear แบบ Double Scisssors Gear หรือเฟืองกรรไกรแบบคู่ช่วยลดระยะห่างของฟันเฟือง เครื่องยนต์เดินเรียบและทนทาน ระบบ Common Rail เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่มีการปรับปรุงในเรื่อง หัวฉีดแบบ High Pressure แรงดันสูงถึง 250 MPa, ปั๊มเชื้อเพลิงควบคุมการทำงานด้วย PCV ท้ายรางแบบไฟฟ้า ทั้งหมดนี้เพื่อรองรับพลังที่เพิ่มขึ้น
ขุมพลัง 3.0 ลิตร 190 แรงม้าให้บุคลิกที่ไม่แตกต่างจากแฝดผู้พี่มีความกระฉับกระเฉงในการออกตัวแม้กระทั่งเร่งแซงเรียกกำลังดีไม่มีอาการหน่วงตั้งแต่ต้นแล้วมาปล่อยพลังตอนปลาย ไม่ว่าเส้นทางจะเป็นไฮเวย์ 2 เลนสวน 4 เลนใหญ่ ขึ้นเขาทางชันคันนี้ไปได้หมด เพราะมีกำลังแรงบิด 450 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,600 รอบเป็นต้นไป รอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 90-120 กม./ชม.ทำผลงานไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที และแต่ละช่วงของความเร็วมาแบบรวดเร็วติดปีกเลยทีเดียว ด้วยรอบตั้งแต่ 1,300, 1,450, 1,550 และ 1,750 รอบ/นาที และเมื่อกดปุ่มสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์เงียบกว่าเดิมเก็บเสียงดี NVH (Noise, vibration and harshness) ติดตั้งโฟมเข้าไปภายในเสาแต่ละต้นเพื่อช่วยดูดซับเสียงจากแผงประตูด้านข้าง รวมไปถึงพรมปูพื้นและฉนวนได้ถูกผลิตขึ้นเป็นชิ้นเดียวกัน ตลอดการขับขี่ในย่านความเร็วสูงราว 60-110 กม./ชม. กลับเก็บเสียงได้ดีเยี่ยมแต่ถ้าความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไปมีเสียงลมเข้ามานิดหน่อยแต่ก็ไม่รำคาญมากเท่าไหร่ แต่จะเก็บเสียงไม่ดีเท่าแฝดผู้พี่ที่จะเก็บเสียงได้เงียบขึ้นในช่วงรอบต่ำจนถึงขับปกติ 60-120 กม./ชม.แต่ถ้า 130 กม./ชม.ขึ้นไปมีเสียงลมเข้ามาเล็กน้อย
การทำงานของรอบเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาไม่เกิน 800 รอบ/นาที และมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ i-Stop โดยจะตัดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวและกลับมาทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง ระบบนี้มีข้อดีคือลดมลพิษและความประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้นการทำงานไม่ต่างจาก ISUZU V-Cross 4x4 โดยระบบแอร์สามารถเปิดทำงานได้แต่ยังคงเหยียบเบรกและตำแหน่งเกียร์ต้องอยู่ในเกียร์ D และการหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ หยุดเหลือแค่นาทีเดียว แต่ถ้าไม่ชอบระบบนี้สามารถปิดการทำงานได้ แต่ถ้าเทียบกับ Mazda BT-50 PRO Double Cab 3.2 R Auto 4WD เจนที่แล้ว พละกำลังการตอบสนองนั้นแทบไม่ต่างกัน แต่มีดีตรงที่ความนิ่งความสั่นสะเทือนของเครื่องนั้นนิ่งไม่เครื่องเดินเรียบมาก และการเก็บเสียงเงียบขึ้นและทำผลงานได้ดีสุด โดยเฉพาะในช่วงความเร็วสูงๆช่วง 80-130 กม./ชม.
ขุมพลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตรผนวกกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและน้ำหนัก 2 ตันต้นๆ ทำให้โหมด Performance Test จับอัตราเร่งทะยานจากจุดหยุดนิ่งไปแตะถึง 100 กม./ชม. จับ 3 ครั้งกลับทำผลงานด้อยกว่าแฝดผู้พี่นิดเดียวดังนี้
1. ครั้งที่ 1 = 10.71 วินาที
2. ครั้งที่ 2 = 10.65 วินาที
3. ครั้งที่ 3 = 10.73 วินาที = เฉลี่ย 10.70 วินาที
ส่วนการเร่งแซง 80-120 กม./ชม. จับ 3 ครั้งดังนี้
1. ครั้งที่ 1 = 8.00 วินาที
2. ครั้งที่ 2 = 7.92 วินาที
3. ครั้งที่ 3 = 8.07 วินาที = เฉลี่ย 8.00 วินาที
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ด้วยอัตราทดดังนี้ เกียร์ 1= 3.600, เกียร์ 2 = 2.090, เกียร์ 3 = 1.488, เกียร์ 4 = 1.000, เกียร์ 5 = 0.687, เกียร์ 6 = 0.580, เกียร์ถอยหลัง = 3.732 อัตราทดเฟืองท้าย = 3.727 (อัตราทดเกียร์ 4L = 2.482 แล 4H = 1.000) ถึงเกียร์ลูกนี้ผลิตโดย AISIN แถมใส่ทั้งแฝดผู้พี่และคู่แข่งเจ้าดังอย่าง Toyota Hilux REVO แต่การทำงานของมันให้ความสัมพันธ์กับความเร็วเรียบเนียน ตัดต่อกำลังราบรื่น ไม่กระตุกไม่เสียอารมณ์ตอนขับเร่งแซง แถมมีเกียร์ บวก/ลบ สร้างความสนุกในการขับขี่มากขึ้น และจุดเด่นที่น่ายกย่องอีกอย่างไม่ว่าจะอยู่ในแฝดผู้พี่หรือผู้น้องนั่นคือ ระบบ Engine Brake คอยดึงกำลังของเครื่องยนต์ ช่วยในการชะลอทั้งในช่วงลงเขาหรือลดความเร็ว แต่ว่า Engine Brake จะทำงานในช่วงความเร็วลดลงมาถึง 60 กม./ชม.นั่นเอง ซึ่งมันเป็นมาตั้งแต่แฝดผู้พี่เจนที่แล้วนั่นเอง และยังมีระบบออกตัวบนทางลาดชัน HLA และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC บุคลิกการทำงานนั้นไม่ต่างจากแฝดผู้พี่ที่ตรวจจับการทำงานอย่างแม่นยำมีหน่วงบ้างเล็กน้อยและที่สำคัญไม่กระตุกในตอนช่วงลงจากทางลาดชัน
ระบบพวงมาลัยของรุ่นนี้เป็นพาวเวอร์แร็คแอนด์พิเนียนแบบน้ำมันให้น้ำหนักกลางๆไม่เบามากไปไม่หนักมากไป ผู้ชายขับได้ผู้หญิงขับดีด้วยระยะวงเลี้ยวแคบสุด 6.1 เมตร ระยะฟรีพวงมาลัยน้อยลงกว่า แต่ความคมในการเข้าโค้งทุกโค้งซึ่งยังมีความดียกชุดจากเจนที่แล้ว ที่ขึ้นชื่อในรื่องพวงมาลัยนั่นเอง
ระบบช่วงล่างเป็นปีกนกอิสระสองชั้น คอยล์สปริง และโช้กอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลงสำหรับด้านหน้า และด้านหลังเป็นแหนบรูปครึ่งวงรีพร้อมโช้กอัพแก๊ส (แหนบเหนือเพลา) แต่การปรับเซ็ตแตกต่างจากที่เคยไปทดสอบที่สนามทดสอบ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยครั้งนี้ที่ทดลองขับมาตลอด 1 อาทิตย์ อารมณ์คล้ายๆกับ ISUZU V-Cross 4x4 ที่มีความนุ่มนวลมีหนึบ แต่อาการดีดเด้งยังมีให้เห็นในการขับขี่ตามสภาพถนนที่ออกไปทางขุรขระ หรือช่วงจัมพ์สะพานการเข้าโค้ง คือนิ่งเป็นนิ่ง พร้อมเสริมตัวยึดด้านหน้ากันโคลง เพื่อเพิ่มความสมดุลให้กับตัวรถมากขึ้น และเมื่อทำงานร่วมกับพวงมาลัยสามารถบังคับควบคุมได้อย่างฉับไว และยังมีระบบควบคุมการทรงตัว DSC และระบบป้องกันการลื่นไถล TCS ให้ด้วย แต่ถ้าเทียบกับ Mazda BT-50 PRO เจนที่แล้ว ให้ความ นุ่ม หนึบแน่นกว่า
การเบรกรถให้หยุดมีระบบป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อเบรกกระทันหัน BA โดยบุคลิกคล้ายกับตอนไปขับที่สนามทดสอบ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเหมือนกันตรงที่เมื่อลองเหยียบเบรกราว 30 % กลับคล้ายรถ SUV ในค่ายตัวเอง คือ มีระยะการเบรกที่ยาวๆไปหรือเบรกทื่อ จนต้องเหยียบเพิ่มอีก 10 % รถจึงจะหยุดได้นั่นเองซึ่งตรงนี้น่าจะมีกาปรับระยะการเบรกให้สั้นและดีขึ้นเท่าๆกับแฝดผู้พี่แต่โดยรวมหยุดรถได้อย่างน่าพอใจ ถึงจะใช้ดิสก์เบรกหน้าขนาด 17 นิ้วขนาดใหญ่ 320 มม. และด้านหลังขนาด 15 นิ้ว ทำงานร่วมกับ ยังมีไฟฉุกเฉินกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกกระทันหัน ESS
ปิดท้ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันด้วยเพราะตัวรถที่หนักถึง 2 ตันต้นๆ แบกเครื่องใหญ่บวกชุดทรานเฟอร์ 4WD ถึงการขับขี่คล้ายกันกับ ISUZU V-Cross 4x4 แต่ตัวเลขอาจทำผลงานไม่ค่อยจะดีจากโปรแกรม Save Mode ทำได้ 12.73 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 60.6 กม.จัดน้ำมัน B7 เต็มถังจากปั๊มแถวเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ 4.76 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามสภาพการใช้งานจริง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองในเมืองทำได้ 9.97 กม./ลิตร จากระยะทาง 76.8 กม. และเติมเข้าไปเต็มถัง 7.70 ลิตร และปิดท้ายนอกเมืองกลับทำได้ 11.85 กม./ลิตร จากระยะทาง 381.2 กม.เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-พัทยา และเติมเข้าไปเต็มถัง 32.172 ลิตร (อัตราสิ้นเปลืองตาม Eco Sticker ในเมือง 12.19 กม./ลิตร นอกเมือง 15.38 กม./ลิตร เฉลี่ย 14.1 กม./ลิตร)
(ในขณะที่ ISUZU V-Cross 4x4 ทำตัวเลขสิ้นเปลืองได้ดังนี้ Save Mode ทำได้ 14.08 กม./ลิตร ส่วนอัตราสิ้นเปลืองในเมือง 14.77 กม./ลิตร และนอกเมืองกลับทำได้ 16.56 กม./ลิตร)
หน้าตาลักชัวรี่สไตล์ Kodo Design เปลี่ยนตัวตนที่สง่างามดุจรถหรู ด้วยชุดโครเมี่ยมทั้งคัน โดดเด่น แกร่ง เรียกความสนใจจากสาวก Mazda หรือ สิงห์ปิกอัพชาวไทย ที่ชอบใช้ชีวิตแลปกใหม่ไม่จำเจกับสิ่งเดิมๆ ภายในที่คล้ายๆแฝดผู้พี่ถึงดีไซน์คอนโซลหน้าต่างกันแต่หรูเรียบง่ายขึ้น เบาะนั่งสบายไม่เมื่อยล้า เครื่องยนต์ 3 ลิตร 190 แรงม้า บุคลิการตอบสนองไม่ต่างจากแฝดผู้พี่รวมถึงระบบพวงมาลัย กับช่วงล่างที่เซ็ตคล้ายกันมีความนุ่มย้วยเข้ามาด้วยแต่ก็ไม่น่าเกลียดมากแต่งระบบเบรกอาจด้อยกว่าแฝดผู้พี่ ถึงแม้จะใช้พื้นฐานจาก ISUZU V-Cross 4x4 ก็ตาม เป็นการผสานความสนุกของการขับขี่ตามสไตล์ Mazda ได้อย่างลงตัวบวกกับจุดเด่นของ ISUZU ที่สามารถใช้อะไหล่ร่วมกันได้ ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ชิ้นส่วนทีเกี่ยวเนื่องผนวกกับความทนทานค่าบำรุงรักษต่ำ ถึงจะเข้าศูนย์บริการร่วมกันไม่ได้ ก็ทำให้ปิกอัพแฝดผู้น้องอย่าง All New Mazda BT-50 Double Cab 4WD เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งในค่าตัว 1,153,000 บาท
เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความอนุเคราะห์ รถปิกอัพ All New Mazda BT-50 Double Cab 3.0 SP 4WD Auto มารีวิวทดลองขับครั้งนี้
สิ่งที่ชอบ >>> จุดเด่นต่างๆที่มีอยู่ใน ISUZU V-Cross แฝดผู้พี่มีอย่างไรก็เป็นอย่างงั้นไม่ว่าจะขุมพลัง ความแรง การขับขี่ การจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆเบาะนั่งที่สบายมีปีกซ้าย-ขวาที่โอบกระชับ พวงมาลัยน้ำหนักดีคมจิกทุกโค้ง ช่วงล่างมืทั้งนุ่ม หนึบบ้างแต่ย้วยไม่น่าเกลียด
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ควรเพิ่มช่องชาร์จไฟฟ้าแบบ 220V สำหรับการใช้โน็ตบุ๊ก รวมถึงระบบเบรกควรจะปรับปรุงให้เบรกฉับไวทันใจลดระยะการเหยียบเบรกให้สั้นกว่าเดิม โคมไฟหน้าควรออกแบบไฟ DRL ให้ดูดีขึ้นและไฟท้ายควรใช้แบบ LED จะทำให้รถมีมูลค่าทางความรู้สึกมากขึ้น
ชม Gallery Test Drive All New Mazda BT-50 Double Cab 4wd ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com