Test Drive : รีวิว ทดลองขับ 2021 All New ISUZU MU-X ขับสั้นๆ…อเนกประสงค์สุดพรีเมี่ยม สุดไฮเทคแห่งยุคนี้
- โดย : Autodeft
- 2 พ.ย. 63 00:00
- 24,830 อ่าน
ค่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อันดับ 1 ครองใจผู้ใช้รถชาวไทยมานานกว่า 60 ปี คงจะเป็นไปไม่ได้นอกจากค่าย ISUZU นอกจากจะถนัดพัฒนารถบรรทุก กับ รถปิกอัพ All New ISUZU D-MAX แล้วยังมีรถยนต์อีกกลุ่มที่ค่ายนี้มีความชำนาญไม่แพ้กันคือกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์จาก ISUZU MU-7 ที่โด่งดังจนมาถึง All New ISUZU MU-X เจเนอเรชั่นใหม่
All New ISUZU MU-X PPV 7 ที่นั่งสุดพรีเมี่ยมเปิดตัวที่เมืองไทยเป็นที่แรกของโลกและถูกกล่าวถึงมากมายในขณะนี้ทั้งจากกลุ่มลูกค้ารถเก๋ง C-Car D-Car กลุ่ม C-SUV กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มที่ใช้ ISUZU เป็นทุนเดิม งานนี้ยังเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ กลุ่มคนเมืองสมัยใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา ครั้งนี้ทาง ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จึงเชิญสื่อมวลชนสายรถยนต์ซึ่งรวมถึงผมเป็นกลุ่มแรกของไทยและของโลกที่จะได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริงก่อนใครในช่วงวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมาหลังการเปิดตัวแค่ 1 วัน
การมาของยอดรถอเนกประสงค์เจนใหม่นี้พลิกความเป็น MU-X แบบไม่หลงเหลือภาพลักษณ์เดิมที่เป็นรถคนแก่ออกจะเชย กลายเป็นหนุ่มสมาร์ท หล่อเลิศหรูสง่ากับกระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์สไตล์อีซูซุ เติมสีสันด้วยสีเงิน Tungsten ครอบยาวทั้งชิ้นรวมปีกซ้าย-ขวา พร้อมกรอบโครเมี่ยมและตราสัญลักษณ์อยู่ข้างบน ไฟหน้าโคมใหม่ดีไซน์เรียวและเล็กลง Projector แบบ Bi-Beam LED และมีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED DRL รูปตัวมีปีก ในโคมเดียว รวมถึงยังปรับระดับสูงต่ำของไฟหน้าแบบอัตโนมัติในยามบรรทุกของป้องกันไฟหน้าสาดใส่ผู้ขับขี่ที่สัญจร กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถครอบทับไฟหน้ากับกันชนหน้าอย่างแนบเนียบ เสริมหรูกับไฟตัดหมอกหน้า LED และสัญญาณเตือนกะระยะการจอด 4 จุด ติดตั้งมาให้
ด้านข้างยกงานออกแบบให้แตกต่างจากปิกอัพ All New ISUZU D-MAX แบบใหม่ถอดด้ามแต่บางชื้นสามารถใช้ร่วมกันได้เริ่มที่กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบปรับพับด้วยไฟฟ้า เติมแต่งด้วยสีเดียวกับตัวรถพร้อมเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถพร้อมปุ่มล็อกปลดล็อกระตูสีดำเล็กๆซ่อนไว้ ถึงแม้จะไม่มีชุดโครเมี่ยมสีเงินแวววาวในชุดกระจกมองข้างกับที่เปิดประตูแต่อย่างน้อยก็ให้ในกรอบประตูตั้งแต่ประตูหน้เสา A ยาวจนถึงเสา D เรียกว่าให้ความลักชัวรี่ไปอีกระดับ สังเกตุดีการออกแบบเสาตั้งแต่ เสา A จนถึงเสา D ใหม่หมดโดยเฉพาะเสา C ในเจนใหม่นี้เสาจะบางแต่เสา D จะหนากว่า โดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาตร์เข้ามาร่วมด้วย ราวหลังคาดีไซน์เรียวเข้ารูปรองรับการบรรทุกของได้เต็มที่และสวยงามในตัว ล้ออัลลอยงานนี้ใจดีให้ไซส์ใหญ่ 20 นิ้ว ดีไซน์ 6 ก้านคู่สีทูโทน เงิน-เทาเข้ม พร้อมยาง H/T จาก Bridgestone Dueler ขนาด 265/50 R20 ในรุ่นท็อป Ultimate แต่ถ้ารุ่นรองท็อปจนถึงรุ่นเริ่มต้นจะให้ขนาด 18 และ 17 นิ้ว ตามลำดับ
ด้านท้ายหล่อด้วยเสาอากาศครีบฉลาม พร้อมฝาท้ายใหม่ออกแบบสมาร์ทโดนใจ ไฟท้ายใหม่แบบ LED Winglet Signature เพิ่มมิติมุมมองให้โดดเด่นด้วยโคมไฟ 3-Line LED ตรงกลางติดตรา ISUZU ถ้าจะให้ดีควรให้โลโก้ มีระยะห่างหน่อยจะดูสวยทันที ถัดลงมาเป็นกรอบป้ายทะเบียนสีเดียวกับตัวรถงานนี้ซ่อนทั้งกล้องมองหลังและที่เปิดฝาท้ายไว้ด้วยกัน(เดิมที่เปิดฝาท้ายแยกออกจากกรอบป้ายทะเบียน) พิเศษด้วยฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบ Jam Protection ป้องกันการหนีบเวลาที่มีคนซุกซนเล่นปิดฝาท้ายแบบไม่ดูตาม้าตาเรือระบบจะหยุดทันที และสามารถเปิดได้จากกุญแจรีโมทหรือที่เปิดฝาท้ายโดยตรงก็ได้ ถัดลงมาเป็นกันชนหลังขึ้นรูปสวยกับสีเดียวกับตัวรถพร้อมสัญญาณเตือนกะระยะการจอด 4 จุด เช่นกันกับด้านหน้า และตัวรถทาง ISUZU เคลมว่าใข้แพลทฟอร์มใหม่หมดไม่ใช้ของเดิมตามแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility เกิดความมั่นคงนั่งสบายกับมิติตัวรถที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับ ISUZU MU-X เจนที่แล้ว พบว่าความยาวมากกว่าเดิม 25 มม. ความกว้างมากขึ้น 10 มม. ความสูงมากขึ้น 15 มม. ฐานล้อยาวกว่าเดิม 10 มม. ความสูงใต้ท้องรถสูงขึ้น 5 มม. ความจุถังน้ำมันมากกว่าเดิม 15 ลิตร และน้ำหนักมากขึ้น 155 กก.
ภายในยังคง 7 ที่นั่งเช่นเดิมด้วยสีน้ำตาลใหม่ Saddle Brown ตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษ เดินด้ายแบบเครื่องหนังชั้นหรูด้วยเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ด้านคนขับปรับ 8 ทิศทางและคนนั่ง 4 ทิศทาง ซึ่งดีไซน์เบาะคล้ายกับ All New ISUZU D-MAX โดดเด่นในความนั่งสบายกับปีกเบาะซ้าย-ขวาที่โอบกระชับโอบกระชับรับทุกสัดส่วน แถมไม่ต้องบ่นว่านั่งแล้วก้นและหลังจะร้อนเพราะมี Cool Max ลดการสะสมความร้อนได้อีกด้วย ลดการสะสมความร้อน เบาะนั่งตอน 2 เบาะนั่งตอน 2 ดีไซน์หรูซ่อนรูปพร้อมที่ท้าวแขนและที่วางแก้วน้ำพับได้ 60/40 แบบพับม้วนเดียวจบเพื่อเข้าไปนั่งในตอน 3 และตอน 3 สบายพับได้แบบ 50/50 ทั้ง 2 ตอนหลังนี้ ผมสูง 174 ซม. ยังนั่งสบายปรับเอนได้พื้นที่วางขาพื้นที่หลังคายังมีเหลือๆ เหยียดขาได้เต็มที่ และตอน 3 ยังพอมีพื้นที่วางขาอยู่พอสมควรง่ายๆเลยว่าเด็กๆนั่งได้ผมเองส่วนสูงขนาดนี้ก็นั่งได้เช่นกัน ส่วนโทนสีห้องโดยสารแบบเทาอ่อนสีน้ำตาล
คอนโซลหน้าแบบเดียวกับปิกอัพแต่เมื่อมาอยู่ในร่างอเนกประสงค์หรูเจนใหม่ จึงจัดการออกแบบให้แตกต่างพอสมควร โดยเฉพาะบนแผงคอนโซลหน้าจะเรียบไม่มีเล่นระดับไม่มีกล่องอเนกประสงค์เล็กๆบนแผงคอนโซลหน้าดีไซน์คอนโซลกลางหุ้มด้วยหนังสัมผัสีดำเดินด้ายอย่างประณีตโดยรวมคล้ายปิกอัพ แต่ดีไซน์คนละอย่างด้วยการตกแต่งสีดำเปียโนแบล็กทั้งหมดล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยมสองฝั่ง จอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว คมชัด HD รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto (เฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการใช้งาน) พร้อมลำโพง 8 จุด ให้มิติเสียงรอบทิศทาง ลงมาจะเป็นสวิตช์เครื่องปรับอากาศ Auto แยกอณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อม Heather งานนี้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้าไม่ต้องมาแย่งกันปรับอุณหภูมิกันอีกและยังมีสวิตช์แอร์พร้อมช่องแอร์บนหลังคาทำงานแยกกันกับแอร์หน้า ติดตั้งระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร High Efficiency Filter สามารถดักฝุ่น PM 2.5 ได้ ช่องแอร์เก็บของข้างคนนั่งมี 2 จุด
คอนโซลเกียร์ออกแบบให้แตกต่างจากปิกอัพหรูด้วยหนังสัมผัสสีดำเดินด้ายขาว คันเกียร์ดีไซน์คุ้นเคยพร้อมย้ายตำแหน่งบอกเกียร์บนหัวเกียร์สีดำเปียโนแบล็ก เอาใจคนรักสบายด้วยเบรกมือเป็นแบบปุ่มไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Brake Hold ช่วยหยุดอยู่กับที่โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และปลดเบรกอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่งแถมย้ายปุ่มหมุนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาไว้ข้างๆปุ่มเบรกมือไฟฟ้า ทีท้าวแขนขนาดใหญ่หุ้มหนังสีดำเดินด้ายขาวแถมข้างหลังกล่องคอนโซลกลางเดิมเป็นช่องแอร์กลายเป็น USB Fast Charger ช่องต่อ AC Power Socket 220V และช่องต่อ DC 12V ช่องเก็บของและที่วางแก้ว 12 จุด วางขวดน้ำขนาดใหญ่ 1.5 ลิตรได้สบายๆ และเอาใจคุณผู้หญิงคุณผู้ชายอาจแต่งหล่อแต่งสวยก่อนไปธุระด้วยที่บังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าฝังไฟส่องสว่าง 2 จุด
มาตรวัดเรืองแสงแบบพร้อมจอแสดงข้อมูลสี Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว ที่บอกทั้ง ระยะทางทริป A กับ B อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จอแสดงการทำงานวิทยุ นาฬิกาดิจิตอลในตัว ฯลฯ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ดีไซน์จับกระชับมือกว่ารุ่นที่แล้ว หุ้มหนังตกแต่งสีเงินด้าน ซ้ายมือเป็นปุ่มควบคุมวิทยพร้อมปุ่มรับโทรศัพท์ ขวาเป็นปุ่มล็อกความเร็วอัตโนมัติหรือ Adaptive Cruise Control ปรับได้ 4 ทิศทาง Tilt & Telescopic สูง-ต่ำและ ยืด-หด ตามสรีระผู้ขับขี่ ระบบกุญแจรีโมท ISUZU Genius Entry แค่เก็บใส่ในกระเป๋ากางเกงก็สามารถสั่งปลดล็อกได้อย่างง่ายดายด้วยการกดปุ่มเล็กๆในก้านประตูแต่ไม่สามารถดึงก้านเปิดประตูได้และปุ่ม Push Start ตามสมัยนิยม พร้อมระบบล็อกรถอัตโนมัติในกรณีที่เดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร หรือ Walk Away Auto Lock เหมาะมากสำหรับคนขี้ลืม รีบไปทำธุระจนลืมล็อกรถรวมถึงสั่งเปิด-ปิดฝาท้ายได้ และ Remote Engine Start จอดรถกลางแดดแล้วตั้งระบบปรับอากาศไว้ก่อนดับรถสามารถสั่งงสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทได้ในระยะ 20 เมตร แต่การทำงานดังกล่าวอาจจำกัดการใช้งาน
ถึงพื้นฐานตัวรถมาจากปิกอัพ All New ISUZU D-MAX ชุมพลังก็ยกชุดมาเช่นกันใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ3-TCX ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,999 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์เป็น 16.3:1 ระยะชัก/ขนาดกระบอกสูบ 95.4/104.9 มม. ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 194 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Rev-Tronic รุ่นใหม่ AWR6B45-II ด้วยอัตราทดดังนี้ เกียร์ 1 = 3.600 เกียร์ 2 = 2.090 เกียร์ 3 = 1.488 เกียร์ 4 = 1.000 เกียร์ 5 = 0.687 เกียร์ 6 = 0.580 เกียร์ถอยหลัง = 3.732 อัตราทดเฟืองท้าย = 4.100
ระบบขับเคลื่อนในรุ่นเครื่อง 3.0 เลือกได้ทั้งแบบขับเคลือน 2 ล้อกับ 4 ล้อ Part-Time ลุยตามใจสั่งแบบ Terrain Command ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 2H, 4H และ 4L (เปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H โดยไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.) มีระบบ Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ และเบรกให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L (อัตราทดเกียร์ 4H,4L =1.000/2.482) แต่ไร้ Electronic Diff-Lock ระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า และยังมีรุ่น 1.9 ลิตร RZ4E-TC 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตรให้เลือก
โดยรุ่นที่ทดลองขับในสนามแห่งหนึ่ง จ. อยุธยานั้นเป็นรุ่นท็อป 3.0 Ultimate จำนวน 10 คัน ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับผมได้รุ่น 3.0 Ultimate 4WD ทดลองขับโดยแบ่งการทดสอบแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- การขับเองในสนามทดสอบความเร็วสูง Main Circuit 3.3 กม. เพื่อทดสอบสมรรถนะในการออกตัวเร่งแซงตั้งแต่ 80-120 กม./ชม. ในเส้นทางตรง ด้วยความดีของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 190 แรงม้า สามารถเรียกพลังเร่งแซ่งได้อย่างทันใจไม่มีอาการรอรอบวิ่งฉิวเมื่อเทียบกับเครื่องเก่า 177 แรงม้า พร้อมกันนี้ยังได้ทดลองใช้ระบบ Lane Departure Warning – LDW (ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน) โดยระบบจะเตือนเมื่อรถของเราออกนอกเลนหรือคร่อมเลน โดยจะมีเสียงเตือนและเตือนที่มาตรวัด ระบบนี้ทำงานได้อย่างฉับไว ไม่สะดุด โดยระบบจะช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบเมื่อรถมีความเร็วประมาณ 60-130 กม./ชม. และถนนต้องมีเส้นแบ่งเลนชัดเจน โดยแสดงคำเตือนบนหน้าจอ MID และส่งเสียงเตือนสั้น ๆ แต่ถ้าเปิดไฟเลี้ยวเมื่อจะเปลี่ยนเลนระบบนี้จะไม่ทำงานทันที
การยึดเกาะถนนในเส้นทางโค้งที่มีความลาดเอียง 4.5 องศา รัศมี 130 เมตรในช่วงความเร็ว 60-70 กม./ชม. ช่วงล่างคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone และเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link Suspension พร้อมเหล็กกันโคลง สามารถให้การยึดเกาะถนนอย่างแม่นยำ ไม่โคลง แม้กระทั่งการขับขี่ทางเรียบ ทางตรง ช่วงล่างยังให้ความนุ่มนวลเช่นเดิมแต่สิ่งที่ผิดคาดและไม่คิดว่าจะเป็นไปได้นั่นคือ อาการ ดีด เด้ง ย้วย กระด้าง นั้น ไม่มีเห็นตลอดการขับขี่ อาจเป็นเพราะด้วยการปรับปรุงช่วงล่างใหม่ในส่วนของลูกหมากปีกนกบนขยับตำแหน่งให้สูงขึ้น มีผลให้ฐานล้อกว้างกว่า จึงทำให้ผลงานออกมาได้อย่างประทับใจ แถมยึดเกาะถนนได้ดีกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจนแม้สภาพพื้นผิวถนนขุรขระโดยใช้ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม.อาการกระเทือนน้อยกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นๆ
- การสาธิตการทำงานของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go” (Full Speed Range Adaptive Cruise Control - ACC) ที่ผมต้องมาเป็นผู้นั่งและให้ทาง Instructor เป็นผู้ขับ โดยระบบดังกล่าวจะปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ สมมติถ้าเราตั้งความเร็ว 120 กม./ชม. แล้วไม่มีรถคันหน้าเข้ามาเราก็ยังขับที่ความเร็วที่ตั้งไว้ แต่ถ้ามีรถคันหน้าเข้ามาในเลนของเรา ถ้าคันหน้าขับที่ความเร็ว 80 กม./ชม. รถของเราที่ตั้งความเร็วเดิมไว้จะลดลงเหลือ 80 กม./ชม. และจะกลับมาความเร็ว 120 กม./ชม. อีกครั้งเมื่อรถคันหน้าออกนอกเลน พิเศษ!! ในระบบนี้ยังมีฟังก์ชั่น Stop and Go ซึ่งอีซูซูเคลมว่าเป็นเจ้าแรกที่ติดตั้งเป็นออพชั่นมาตรฐาน โดยระบบจะหยุดรถเองตามคันหน้า และจะเคลื่อนตัวอีกครั้งหลังหยุดรถ โดยภาพรวมของระบบนี้รวมถึงฟังก์ชั่นใหม่คำนวณความเร็วได้ค่อนข้างแม่นยำ ไม่มีอาการดีเลย์ แต่อย่างใดซึ่งยอมรับเลยว่า สุดยอดจริงๆ
- การสาธิตระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ออกแบบให้ทุกระบบเพื่อความปลอดภัยทำงานผสานกันเป็นหนึ่งด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ติดตั้งบนกระจกหน้ารถ ทำหน้าที่เสมือนดวงตาอัจฉริยะ คอยตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจน และแม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน ให้ความมั่นใจและอุ่นใจเหนือระดับยามขับขี่ ช่วยสอดส่อง เฝ้าระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ระหว่างการขับขี่ โดยมีระบบดังนี้
• ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go
• FCW (Forward Collision Warning) ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า
• AEB (Autonomous Emergency Braking) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
• LDW (Lane Departure Warning) ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน
• AHB (Automatic High Beam) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
• PMM (Pedal Misapplication Mitigation) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด
• MSL (Manual Speed Limiter) ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง
• BSM (Blind Spot Monitoring) ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา
• RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์
• Parking Aid System ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์
• MCB (Multi-Collision Brake) ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
นอกจากได้ลองระบบ ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) กับ ระบบ LDW (Lane Departure Warning) ยังได้ลองระบบระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning – FCW) ซึ่งจะทำงานควบคู่กับ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking - AEB) ระบบจะตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้าด้วยกล้องหน้าคู่ เมื่อระยะห่างระหว่างรถกับสิ่งกีดขวางอยู่ในระยะกระชั้นชิดเกินไป และเสี่ยงต่อการชน โดยเมื่อมีการเหยียบเบรกระหว่างระบบ FCW แจ้งเตือน ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรก (BA) จะทำงานเพื่อช่วยลดระยะการเบรก ทั้งนี้สามารถตั้งความไวในการเตือนของระบบ FCW ได้ 3 ระดับ ส่วนทางด้านระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking - AEB) ระบบแจ้งเตือนขึ้นแต่ผู้ขับขี่ยังไม่เหยียบเบรกและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการชน ระบบจะทำงาน เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดความรุนแรงของการชน ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติจะยังทำงานต่อเนื่องอีก 2 วินาที และจะยกเลิกการทำงาน ผู้ขับขี่จะต้องเหยียบเบรกต่อด้วยตัวเอง ทั้งนี้ระบบจะทำงานเมื่อรถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วประมาณ 8-160 กม./ชม.
โดยทั้ง 2 ระบบนี้จะแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบผ่านคำเตือนบนหน้าจอ MID มีแสงกะพริบบริเวณคอนโซลหน้าที่จะสะท้อนไปที่กระจกหน้าเพื่อเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และการส่งเสียงเตือนสั้นซ้ำ ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งสองระบบนี้ มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันคนเดินข้ามถนนตัดหน้าอย่างทันท่วงทีนับเป็นระบบความปลอดภัยที่ ISUZU สรรค์สร้างให้ อนเกประสงค์หรูคันนี้ เพียบพร้อมในระบบความปลอดภัยแบบเต็มรูปแบบ
ถึงแม้จะเป็นการลองขับสั้นๆและรับรู้ถึงตัวรถอย่างพอสังเขปทำให้มั่นใจได้เลยว่า All New ISUZU MU-X สามารถสู้ได้กับคู่แข่งระดับบิ๊กๆด้วยฟังก์ชั่นต่างๆที่ติดมาจากโรงงานนั้นให้มาอย่างครบถ้วนครบครัน ขุมพลัง 3.0 ลิตร 190 แรงม้ากับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้การตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมกำลังไม่ขาดตอน ช่วงล่างคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ให้ความนุ่มนวลเป็นทุนเดิมแต่ที่พลิกความคาดหมายคืออาการเด้ง ดีด จากเจนที่แล้วจะไม่มีในเจนใหม่นี้แน่นอน ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ใช้น้ำมันให้น้ำหนักกลางๆไม่เบา ไม่หนักจนเกินไปเข้าโค้งคมขึ้น
พลิกความคาดหมายแบบหน้ามือเป็นหลังมือโดยเฉพาะความปลอดภัยที่กล้าตีแสกหน้าคู่แข่งจัดเต็มจัดหนักจนมองค้อนไปตามๆกัน และค่าตัวที่เริ่มต้น 1,109,000-1,579,000 บาท (รุ่นที่ลองขับ 3.0 Ultimate 4WD 1,579,000 บาท) ทำให้ประชาคมอีซูซุ กับ มือใหม่ที่พึ่งจะมาใช้แบรนด์นี้เป็นครั้งแรกต่างร้องว้าวและไม่คิดว่าจะใจกล้าจัดเต็มได้ขนาดนี้ กับ All New ISUZU MU-X
เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดลองขับรถยนต์ All New ISUZU MU-X
สิ่งที่ชอบ >>> ดีไซน์สปอร์ตขึ้นหรูขึ้น ล้ออัลลอย 20 นิ้ว โดดเด่นกว่า ภายในหรูพรีเมี่ยมขึ้น เบาะนั่งยังสบายเช่นเดิม ออพชั่นมาตรฐานและระบบความปลอดภัยจัดเต็มจนเจ้าอื่นๆมีอาย ระบบช่วงล่างพลิกความคาดหมายอย่างมากตอบโจทย์คนใช้รถอย่างแท้จริง
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ไม่ควรที่จะมีช่องใส่แผ่น DVD บังพื้นที่ในช่องเก็บของ ขาดชุดแต่งโครเมี่ยมที่เปิดประตู กับ กระจกมองข้าง และอยากให้ระบบปลดล็อกประตูเพิ่มฟังก์ชั่นปลดล็อกด้วยการดึงก้านเปิดประตูเหมือน MU-X เจนที่แล้ว
คลิ๊กชม Gallery Test Drive All New ISUZU MU-X ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com