Test Drive : รีวิว ทดลองขับ 2021 Bentley Continental GT V8 พรีเมี่ยมสปอร์ตคาร์ สุขุมแต่แรงขั้นเทพ 550 แรงม้า
- โดย : Autodeft
- 18 ต.ค. 64 00:00
- 12,479 อ่าน
ตลอด 102 ปี ที่ยนตกรรมจากประเทศอังกฤษ ได้โลดแล่นบนท้องถนนทั่วทุกมุมโลกในบทบาทอัครยานยนต์สุดพรีเมี่ยมสุดหรูไว้ประดับบารมีประดับความสง่างามให้กับเหล่าสาวกที่ชื่นชอบความสวย ความประณีตและขุมพลังแบบตัวเอ้ ที่เหล่าเซเลป เหล่าเจ้าของธุรกิจอภิหาเศรษฐีร้อยล้าน และสาวกที่หลงเสน่ห์ในความจัดจ้านได้จับจองเป็นเจ้าของไว้สักคันกับยนตกรรมที่ชื่อว่า เบนท์ลีย์
ยนตกรรมที่ผลิตจากโรงงาน เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ที่เก่าแก่ว่า 70 ปี จากเมืองครูว์ ที่นอกจากจะมีซีดานใหญ่สมฐานะเศรษฐีกับ Bentley Flying Spur และเอสยูวี Bentley Bentayga แล้วยังมีสปอร์ตคาร์พรีเมี่ยม Bentley Continental GT เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ทำตลาดทั่วโลกรวมถึงเมืองไทยมาแล้ว 3 ปีทั้งแบบ Coupe และ Convertible เปิดประทุน โดยขุมพลังช่วงแรกเป็นขุมพลังสุดเทพเทอร์โบคู่ W12 6.0 ลิตร 635 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ยืนตลาดมานาน จนหนึ่งปีให้หลังเพิ่มทางเลือกแบบ Downsizing จิ๋วแต่เจ๋งด้วยพลังเบนซินเทอร์โบคู่ V8 4.0 ลิตร และล่าสุดต้นปี 2021 ทาง เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส หรือ เบนท์ลีย์ แบงค็อก ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในไทย ได้นำเข้า Bentley Continental GT V8 โชว์ตัวและขายที่งาน Bangkok Motor Show 2021 และข้ามน้ำข้ามทะลมาถึงไทยเมื่อเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา
โดยรุ่นที่ผมนำมารีวิวทดลองขับเป็น Bentley Continental GT V8 รุ่นเริ่มต้นหรือรุ่นพื้นฐาน นั่นเอง แต่มีการตกแต่งตามความเหมาะสมในแบบพื้นฐานแต่ถ้าอยากได้อะไรแบบตกแต่งภายนอกเพิ่มเติมก็สามารถสั่งได้ตามใจชอบและมีผลต่อราคาตัวรถที่จะสูงขึ้นด้วย เริ่มที่ตัวรถหน้าตาไม่ต่างจากรุ่น W12 กับตัวถังสีดำเฉด (Onyx) ผสมผสานของเฉดสีน้ำเงินเข้มเพื่อให้ออกมาในโทนเฉดสีดำที่ดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ แถมเป็นสีเคยที่ใช้ในรุ่น Continental กับ Flying Spur รุ่น Speed มาก่อน กระจังหน้าแบบ Matrix (Radshell) แบบรังผึ้งทั้งชิ้นตกแต่งแบบสีดำ บนขอบกระจังหน้ามาพร้อมโลโก้ ปีกนกสองข้างและตัวอักษร B ในโลโก้ รวมทั้งชุดระบายอากศในชุดกันชนหน้า ล้อมด้วยไฟหน้า LED แบบ Full Matrix LEDและระบบไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist ล้อมกรอบคู่แบบ Front Headlamp Bezels ทั้งวงเล็กและวงใหญ่ และ ไฟ DRL แบบ LED เสริมความเท่กับสเกริ์ตใต้กันชนหน้าชิ้นเล็กตกแต่งลายคาร์บอนสีเข้ม
ด้านข้างเพื่อความสบายของคนนั่งหลังที่ดีจึงออกแบบหลังคารถลาดลงไม่มากนักและดีไซน์บังโคลนรถหน้าและหลังถอดแบบความคลาสสิกจากรุ่นอื่นๆในอดีตของ Bentley ตกแต่งเข้มด้วยกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูนมองเห็นชัด ที่เปิดประตูรถเป็นก้านสีดำ เมื่อเปิดประตูรถจะมีไฟประตูด้านล่างสองมาด้วยในเวลาค่ำคืน บังโคลนรถซ้ายขวาติดตั้งช่องระบายอากาศด้านข้างแบบเข้มกลมกลืนกับตัวรถ ด้านล้ออัลลอยเป็นแบบสีดำตัดกับสีเงิน ขนาด 21 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ Five Tri-Spoke พร้อมยางขนาด 265/40 ZR21 สำหรับล้อหน้าและล้อหลังขนาด 305/35 ZR21 จากค่าย Pirelli รุ่น PZero ตกแต่งพิเศษกับสเกิร์ตข้างลายคาร์บอน ด้านท้ายตกแต่งด้วยสปอยเลอร์เรียวเล็กติดขอบฝากระโปรงท้าย สัญลักษณ์ โลโก้ปีกกับ ตัวหนังสือ Bentley ไฟท้าย LED ทรงกลมพร้อมกรอบ กันชนหลังออกแบบเข้าทีพร้อมท่อไอเสียคู่รูปทรงเลข 8 สองฝั่งซ้าย-ขวา ฝังในชุดกันชน และลิ้นสปอยเลอร์เสริมกันชนหลังลายคาร์บอนเข้ามาเติมเต็มให้ตัวรถดุกร้าวมากขึ้น ไฟตัดหมอกหลังและ มีเซ็นเซอร์กระยะจอดรถฝังในกันชนหน้าและหลังแต่ว่ารุ่นเริ่มต้นจะได้กล้องมองหลังเท่านั้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือ สัญลักษณ์ติดบังโคลนรถซ้าย-ขวา V8
ตัวรถใหญ่ตามยุคตามสมัยในร่างคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง กับความยาว 4,850 มม. ความกว้าง 1,954 มม. ความสูง 1,405 มม. ฐานล้อ 2,851 มม. น้ำหนักรถ 2,164 กก. จากแพลตฟอร์ม MSB platform ที่ใช้ร่วมกับรถในเครือ Volkswagen ทั้ง Bentley Flying Spur, Bentley Mulliner Bacalar เพื่อนร่วมค่ายและเพื่อนต่างค่ายจากเยอรมันอย่าง Porsche Panamera (971)
ภายในต้องขอออกตัวก่อนว่ามันคือรุ่นพื้นฐาน การแต่งองค์ทรงเครื่องยังมีความหรูหราแต่ออพชั่นบางรายการถูกตัดออกไปเพื่อความเหมาะสมและถ้าอยากได้ข้าวของเพิ่มเติมทั้งเบาะนั่ง วัสดุตกแต่ง ลำโพงไฮเอนด์คุณภาพคับแก้วอย่าง Bang& Olufsen ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มเหมือนกับภายนอกตกแต่งเข้มแบบสีดำ Nappa Beluga พร้อมเบาะตกแต่งภูมิฐานด้วยวัสดุหนังแท้คุณภาพสูงคัดสรรมาจากสัตว์กินพืชที่เลี้ยงอยู่บนพื้นที่ที่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเลในภาคเหนือของทวีปยุโรป แถมไม่เป็นริ้วรอยด่างบนผืนหนังจากพวกแมลงที่จ้องกัดต่อยทิ้งริ้วรอยในชุดหนังแท้ เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตกระชับดีปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง พร้อมระบบความจำ 2 ตำแหน่ง แต่ถ้าจะเข้าไปนั่งที่เบาะหลังที่ให้ความสบายพอสมควรก็ต้องใช้สวิตช์ปรับเบาะที่อยู่ข้างๆตัวเบาะหน้าแต่พื้นที่วางขามีนิดเดียวตามประสารถคูเป้ และวัสดุหุ้มหลังคารถขึ้นรูปแบบคุรภาพสูงสีดำ
คอนโซลหน้าตกแต่งหุ้มหนังแท้สัมผัสผสมกับลายไม้แบบวีเนียร์ชั้นดี สีดำ Piano Black เผยให้เห็นความมันเงาของอัญมณีสีเข้ม สะท้อนรายละเอียดของความประณีตและความร่วมสมัย พร้อมออพชั่นประจำรถทั้ง พวงมาลัยหุ้มหนังแท้คุณภาพแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน กิ๊ปจับพวงมาลัยขอบหนาพอดีจับกระชับสาวพวงมาลัยได้อย่างสบายๆ ควบคุมการเปิดปิดเครื่องเสียงรับโทรศัทท์ ควบคุมมาตรวัด และยังมีก้านระบบ Cruise Control ธรรมดาด้านหลังซ้ายของพวงมาลัยที่ใช้งานอาจไม่สะดวกเท่าไหร่แต่ต้องศึกษาเปิดใช้งานอย่างดีๆ พร้อม Paddle Shift เลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เองเพิ่มความมันได้ มาตรวัดดิจิทัลมาในขนาดใหญ่ ปรับการใช้งานได้หลากรูปแบบทั้งบอกความเร็วบอกรอบเครื่องยนต์ จอกลางในชุดมาตรวัดแบบ TFT บอกทั้งวันที่ คลื่นวิทยุและแผนที่ ฯลฯ จอสัมผัสขนาดใหญ่แบบความละเอียดชัด HD 12.3 นิ้ว ให้ความบันเทิงและการสิ่อสารเชื่อมต่อมือถือสบายๆด้วยระบบ IOS Android Bluetooth WIFI USB 4 ตำแหน่ง พร้อมระบบนำทาง กับลำโพง Bentley 10 จุด กำลังขับ 650 วัตต์ เอกลักษณ์ตามสไตล์รถยุโรปหรูด้วยนาฬิกาเข็มอนาล็อก ช่องลมแอร์ที่ให้ความคลาสสิกด้วยสวิตช์ดึง/กด สำหรับเปิดปิดแอร์ แบบไฟฟ้า บริเวณคคอนโซลเกียร์ เริ่มที่หัวเกียร์ตกแต่งสีเงินโครเมี่ยมสลับหนังสีดำ เลื่อนขึ้นเลื่อนลงตั้งแต่เกียร์ R ถึง D และ M ด้วยการกดตรงหัวเกียร์รูปตัว B แต่ถ้าจะจอดรถต้องกดปุ่ม P หลังหัวเกียร์ ตกแต่งคอนโซล์เกียร์ด้วยสีดำ Piano Black โครเมี่ยมและสีเงินด้าน รายล้อมด้วยสารพัดแผงควบคุมต่างๆที่เกี่ยวกับตัวรถ สวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ระบบอุ่นเบาะคู่หน้า สปอยเลอร์หลังเปิด-ปิดได้ และระบบโหมดการขับขี่ แบบ 4 โหมดทั้ง Sport Bentley Mode, Comfort และ Custom มาพร้อมเบรกมือไฟฟ้าแต่ระบบ Auto Brake Hold ต้องเหยียบเบรกให้สุดแล้วระบบจะทำงานแบบเดียวกับ Mercedes-Benz และปุ่ม Push Start ตรงกลางปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ ด้านระบบความปลอดภัยให้มาพอเพียงทั้งระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot ถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบแจ้งสถาะนลมยาง 4 ล้อ TPMS ฯลฯ แต่ถ้าอยากได้ระบบจอ Head up Display ระบบ Adaptive Cruise control กล้องรอบคัน ก็ต้องเพิ่มเงินอีกเช่นกัน
สปอร์ตคูเป้จากอังกฤษที่ถึงจะลดขนาดเครื่องยนต์แต่ความมันส์ยังเต็มพิกัดเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ใหญ่ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V8 4.0 ลิตร ปริมาตรความจุ 3,993 CC. ให้กำลังมากถึง 550 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 770 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด 8-speed Bentley Dual-Clutch transmission กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time ตามข้อมูลโรงงานทำความเร็วสูงสุดได้ 318 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.0 วินาที
ด้วยเวลาที่ให้ทดลองขับแค่ 1 วัน จึงอาจจะเล่าได้พอสังเขป ตั้งแต่รับกุญแจรถมาจากโชว์รูมแถวคลองเตย ขับวนในกทม.เสียเป็นส่วนใหญ่ เสียงเครื่องยนต์ยังคำราม ดุดัน ในย่านความเร็วสูงๆ กดทีมาทันอกทันใจหลังติดเบาะแบบสนุกสุนทรีย์มีแรง G แบบโหดเอาเรื่อง แรกๆคิดว่ารถที่มีความยาวเกือบ 5 เมตร กับน้ำหนัก 2 ตันต้นๆ จะอุ๊ยอ๊าย ไม่ฉับไว ที่ไหนได้กลับคล่องตัวเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีความสุขุมในการใช้งานชีวิตประจำวัน ขับทั่วๆไป ขับโฉบสาวๆเท่ๆได้ ด้านอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จับได้ 3 ครั้ง ดังนี้ 1. 4.76 วินาที 2. 4.66 วินาที 3. 4.54 วินาที = เฉลี่ย 4.65 วินาที ก็ถือ ใกล้เคียงกับตัวเลขที่โรงงานแจ้งไว้ถือว่าไม่เลวทีเลยเดียวระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีดทำงานสมูทราบเรียบ ไม่หน่วง เหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วๆไปและยิงแป้น Paddle Shift เพิ่มอรรถรสการขับขี่ มั่นใจอีกขั้นกับโหมดการขับขี่ 4 โหมด ดังนี้
- Sport เน้นความเข้มข้นของการขับขี่เน้นเสียงท่อที่หนักโหดสร้างโสตประสาทอย่างเร้าใจ ช่วลงล่างจะหนึบขึ้นพวงมาลัยจะมีน้ำหนักแข็งขิ้นเล็กน้อย
- B Bentley เน้นการขับขี่ทั่วๆไปโดยไม่ต้องไปยุ่งกับมันเพราะมันจะคำนวณปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้อัตโนมัติ
- Comfrort เน้นความสบาย ช่วงล่างนุ่มขึ้นเหมาะกับขับรถในเมือง
- Custom เน้นตามใจคนขับสามารถปรับตั้งตัวตนของเครื่องให้แรง ช่วงล่างจะหนึบนุ่มตามใจ เป็นต้น
ถึงจะเป็นช่วงล่างถุงลมแต่ก็สามารถปรับสูงต่ำ ตัวรถได้ตามความเหมาะสมและยังทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ โดยถ้าขับในโหมด Comfort เน้นความนุ่มนวล แต่ถ้าโหมด Sport เน้นความหนึบไม่กระด้าง และความยืดหยุ่นของช่วงล่าง หรือ รีบาวน์เก็บรายละเอียดได้ดีและยิ่งได้ระบบ Full-Time 4WD มาคนขับถึงกับยิ้มกันเลยทีเดียวกับความหรรษาในการขับขี่ที่รืนรมย์สมอุรา แถมยังทำงานร่วมกับพวงมาลัยไฟฟ้าปรับน้ำหนักเบาและหนักตามโหมดการขับขี่ที่ให้ความคมแม่นยำไม่แพ้คู่แข่งจากเยอรมัน
ตลอด 1 วัน ที่ได้ทดลองขับรถสปอร์ตจากอังกฤษ ขอชื่นชมในเรื่องการเซ็ตรถกับช่วงล่างที่ดีงาม พลัง V8 เทอร์โบคู่ก็เพียงพอแล้วที่จะฟาดฟันกับความเร็วความเร้าใจแซงคันอื่นๆอย่างเฉียบฉับไว แต่ด้วยค่าตัว 17,300,000 บาท กับออพชั่นที่ให้มาถือว่าน้อยไปนิด โดยเฉพาะกล้องรอบคัน คือสิ่งจำเป็นกับการใช้งานในที่ตรอกแคบๆ แต่อย่างอื่นก็สามารถสั่งเพิ่มได้ ทั้งเบาะนั่งหนังแท้ ลายไม้ ลำโพงและอื่นๆ และถ้าชอบความป็นอังกฤษแท้ คันนี้ ตอบโจทย์ได้ดีกับ Bentley Continental GT V8
ขอขอบคุณ บริษัท เอ เอ เอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด หรือ เบนท์ลีย์ แบงค็อก ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในไทย ที่ให้ความอนุเคราะห์รถยนต์ Bentley Continental GT V8 มารีวิวทดลองขับครั้งนี้
สิ่งที่ชอบ >>> หน้าตาหรูดูดีเข้มขึ้น ภายในตกแต่งให้ใช้งานง่ายกว่า Bentley รุ่นก่อนๆ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V8 ตอบสนองที่คล่องแคล่วกว่า พวงมาลัยที่คมช่วงล่างดีนุ่มหนึบตามนิสัยรถแรง และยังสามารถ Customize ออพชั่นทั้งภายในโทนสี ลายไม้ ข้าวของต่างๆได้ตามอัธยาศัย
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ราคา 17 ล้านกว่าควรให้กล้องรอบคัน ก็ถือว่าโอเคแล้วนะเพราะมันคือสิ่งจำเป็นในการขับขี่และไม่อยากให้เสียความรู้สึกที่ต้องมาเห็นรถราคาแพงเป็นริ้วเป็นรอย
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com