Mazda BT-50 Pro หล่อลุยพม่า ..ความสามารถเกินคาด
- โดย : Autodeft
- 10 ก.ย. 56 00:00
- 12,317 อ่าน
มาพบบททสอบ Mazda BT-50 Pro จากเส้นทางเปิดประตูสู่อาเซียนในพม่า เจ้าหล่อคันนี้มีสมรรถนะดีกว่าที่คาดเยอะ
พม่า..ประเทศที่อยู่ติดเรา หลายคนรู้สึกไม่ดี กับบ้านเมืองนี้ ด้วยในอดีตเราเรียนรู้มาว่านี่คือดินแดนแห่งอริ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องร้องยี้!! ยังไม่นับข่าวคราวครึกโครมเห็นกันออกบ่อยตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า แรงงานพม่า โหดเหี้ยมมากมายทำให้ อาจจะเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นใจ
ถ้าคุณยังรู้สึก แล้วทำไม ผมจะไม่ นั่นเป็นความรู้สึกเดียวกัน ทันทีที่รับโทรศัพท์ จากพี่ อุทัย บัวขาว (ชื่อเล่น เรียกทับศัพท์ในวงการนักข่าวรถยนต์เรา) ว่า พี่เขามีโครงการมานำเสนอ แต่เมื่อพูดจบปุ๊ป สิ่งต่อไป ที่ผมนึกได้ทันทีแล้วตอบไปแบบไม่รีรอ ว่า “เอาจริงหรอ..พี่” แล้ว มันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราไปตะลุยอีกครั้ง
ย้อนกลับไปในช่วงปีกลาย Mazda ทำให้ค่ายรถยนต์หลายเจ้าต้องจับตา เมื่อค่ายรถยนต์สายเลือดญี่ปุ่นเจ้านี้ เตรียมเปิดตัว กระบะใหม่ และมันไม่ใช่เพียงกระบะที่ดูทั่วไป บึกบึน แข็งแรงแกร่ง แต่ใครก็รู้ว่า Mazda มักจารึกไว้บนตราของพวกเขาเสมอ ยันโบว์ชัวร์ที่ให้ลูกค้า พกกลับไปพิจารณาที่บ้านว่า “เราใส่ความสปอร์ตไปในรถยนต์ทุกรุ่น”
ส่วนผสมนี้ เราได้ยินมานาน แต่ ใครเลยจะคิดว่าในรุ่นใหม่ Mazda BT-50 Pro ประกาศศักดา ด้วยการให้รายละเอียดความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น จนสาวกกระบะหลายคนอดไม่ได้ ที่จะรู้สึกว่า พวกเขาต้องหันมามองเจ้ากระบะค่ายนี้ ด้วยเรือนร่างที่สวย ดุดัน และยังคงความแข็งแกร่ง หล่อได้ใจหน้าตาอันเป็นมิตร มองปร๊าดก็รู้ทันที ว่ามันคือ Mazda BT-50 Pro
แต่ก่อนการเดินทาง Mazda ก็พาชม เมืองย่างกุ้งกันหอมปากหอมคอ ว่าอย่างน้อยๆเท้าแตะพม่าแล้ว จะได้ไม่เสียเที่ยว
ที่จริงนี่เป็นครั้งแรก ที่ผมมาพม่า ไม่น่าแปลกใจเรามักจะรู้สึกว่า การมาพม่าเหมือนมาบ้านศัตรู เหลียวซ้ายเหลียวขาดูแล้วก็ไม่สบายใจ เหมือนกลัวว่าคนพม่าจะมาอะไรกับเรา แต่เอาเข้าจริง คนพม่าดีกว่าที่คิดเยอะนะครับ
หลังโดนต้อนขึ้นรถบัสคันโต การเดินทางในเมือง “ย่างกุ้ง” ก็เริ่มขึ้น มัคคุเทศชาวพม่า แต่พูดไทยปร๋อจนเรางง ว่าสรุปนี่คนไทยหรือคนพม่ากัน ก็เริ่มต้นทักทาย และพูดโปรแกรมท่องเที่ยวแบบไม่หมกเม็ดว่าจะไปที่ไหนกันบ้าง
ท่ามกลางสายลมแสงแดด ในนครย่างกุ้ง มีความคล้ายคลึงกับกรุงเทพ แม้จะเป็นอดีตเมืองหลวงไปแล้ว แทนที่ด้วย กรุงเนปิดอร์ ที่ปลายปีนี้ ซีเกมส์จะมาจัดที่นครดังกล่าว แต่ย่างกุ้งก็เปี่ยมด้วยสีสันมากมายที่คุณจะได้สัมผัสกัน
ถนนหนทางแม้จะคับแคบนึกไม่ออกมันก็พอๆกับเมืองอยุธยาบ้าน เรา แต่ที่รถเยอะมากมายกว่าหลายเท่าและ ถนนหนทางก็มากมาย คนก็พลุกพล่าน แต่เมืองย่างกุ้งนี้แปลกอย่าง ว่าแม้พม่าจะเจริญแต่ไม่มีตึกระฟ้า ไกด์เรารีบสาธยายให้ฟังว่า นั่นเพราะ ความเชื่อการก่อสร้างที่ถูกบัญญัติเป็นกฏในเมืองย่าง มิให้สร้างอาคารสูง เพื่อไม่ต้องการให้บดบัง เจดีย์ชเวดากอง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของชนชาวย่างกุ้งมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
นอกจากตึกสูงๆไม่มีแล้ว เรื่องที่น่าแปลกอีกอย่างในถนนพม่า ก็ไม่พ้นรถยนต์ยอดนิยม .. คุณเชื่อหรือไม่ ว่า ชาวพม่า นิยม ขับรถ 5 ประตู กันมาก ยิ่งรุ่นเก่าๆ อย่างโตโยต้าสามห่วงที่บ้านเราว่าคนขับแฮทช์แบ็ค ว่าเทพแล้ว ที่นี่หมือนเป็นรถธรรมดาๆ ซ้ำ ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นรถแท็กซี่ด้วย ยแถมเลิกกังวลเรื่องรถมอเตอร์ไซค์กวนใจ เพราะ ย่างกุ้งห้ามนำมอเตอร์ไซค์เข้ามาในบริเวณตัวเมือง
เลี้ยวผ่านมาหลายถนน ในใจก็คิดว่าจะไม่เห็นรถสปอร์ตในพม่าเป็นแน่แท้ แต่แล้วใครว่าพม่าเมืองไม่เจริญนี่ต้องคิดใหม่ เพราะ Mazda RX8 เป็นที่นิยมของที่นี่ และยังมีที่เห้นผ่านตาอีกอย่าง Nissan Skyline ไกด์บอกว่า รถส่วนใหญ่ในพม่านำเข้ามทอสองจากญี่ปุ่น แทบทั้งหมด
เผลอแวบเดียวรถบัสของเราก็เลี้ยวเข้ามายัง “ถ้ำมหาปาตะนะกูหะ” หลายคนคงงงถ้ำอะไรมาอยู่ที่ใจกลางกรุงย่างกุ้งได้ จริงๆแล้วนี่คือถ้ำที่สร้างเพื่อสร้างขึ้นไม่ได้มีอยู่ดั้งเดิม และที่สำคัญนี่เป็ สถานที่สังคายนาพระไตรปิฏกครั้งที่ 6
บ้านเราการเข้าวัดเขาวา อาจจะคุ้นเคยโดยการเดินเหินเข้าไปเฉยๆ แต่ที่พม่า จะว่าลำบากก็ว่าใช่ จะว่าดูศักดสิทธิ์ก็ถูกอีกเช่นกัน เพราะคุณต้องถอดเกิบของคุณก่อนที่จะเข้าบริเวณตัววัดไม่ว่า จะใส่อะไร ต้องถอดให้หมดเหลือแต่เท้าเปล่าเดินเขาไป
อากาศที่ร้อนข้างนอกก็ชวนให้ไม่น่าเดิน แต่เมื่อย่างเข้าสู่ในตัวถ้ำ มันก็แปลกที่ภายในเย็นสบายประดุจดั่งเดินเข้าห้างสรรพสินค้า ติดแอร์ จนอดถามไม่ได้ว่า ถ้ำนี้ติดแอร์หรือเปล่า แต่ที่จริงแล้วเปล่าเลย นี่คือความอัศจรรย์ทางด้านการก่อสร้างล้วนๆ
หลังจากชมถ้ำเราก็เดินทางไปไม่ชมเจดีย์กาบาเอกันต่อ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถ้ำมากนัก เจดีย์กาบาเอ เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกการสังคายนาพระไตรปิฏกที่ “ถ้ำมหาปาตะนะกูหะ” โดยคำว่า “กาบาเอ” หมายถึง โลกแห่งสันติสุข ในภาษาพม่า
โดยรายรอบเจดี จะบรรจุพระพุทธรูปปางต่างๆ จำนวน 28 องค์ ที่รวบรวมจากทุกประเทศที่มีพุทธศาสนาเข้าไว้ รวมทั้งพระพุทธรูปจากบ้านเราเอง รวมถึงพระพุทธรูปทรงเครื่อง ซึ่งสถิตย์อยู่ที่ใจกลางกระเจดีย์
หลังล่ำลาจากเจดย์ เราก็มาถึงอีกไฮไลท์ของที่นี่ “พระนอนตาหวาน” หรือ พระเจ้าทัดจี พระพุทธรูปปางไสยยาสน์ สุดแปลกตากว่าทีอื่นและเป็นหนึ่งเดียวที่ไมาเหมือนใคร ซึ่งเชื่อว่าปางที่เห้นนี้เป็นปรางค์ปราบยักษ์ จากการบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2509 หลังจากพระนอนองค์เดิมเกิดความเสียหายตามจากเหตุแผ่นเดินไหว
ทางวัดก็เริ่มให้ช่างทำการแต่งแต้มสีลงไป จนมีหน้าตาและการลงศิลปะตามแบบพม่าอย่างเช่นทุกวันนี้ ซึ่งด้วยหน้าตาที่ขาวปากแดง และ มีจนตา คนไทยที่มาก่อนหน้า จึงเรียกว่า “พระนอนตาหวาน” และเท้าของพระนอนตาหวาน ก็มีรูปแกะสลักนูนต่ำบอกเล่ามงคล 108 ประการ
พูดถึงพม่าจะไม่มาที่นี่คงเป็นไปไม่ได้หรืออาจจะเรียกว่า มาไม่ถึง ถ้าไม่ได้ย่างกรายมา “เจดีย์ชเวดากอง” เราหลายคนทราบดีว่าทรัพย์สินทองหยองจากอโยธยาเราถูกมาสุมเอาไว้ที่เจดีย์แห่งนี้ แต่ที่จริงทองจากบ้านเราเป้นเพียงส่วนหนึ่ง เพระาประเพณีถวายทรัพย์สินกับองค์กระเจดียร์มานานแล้วและบรรดาเจ้าเมิงที่ขึ้นครองย่างกุ้ง ก็มักจะนำทรัพย์สินมาถวายต่อเนื่องทำให้องค์เจดีย์มีความใหญ่ขึ้นจวบจนปัจจุบัน
เจดีย์ชเวดากอง เชื่อกันว่า เริ่มสร้างครั้นสมัยพุทกาล เมื่อ 2,595 ปีที่แล้ว ครั้นเมื่อย่างกุ้งยังเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า อสิตันชนะ หรือเมืองโอกกะละ โดยพ่อค้าชาวมอญ 2 คน ชื่อว่า ผดุสสะและภัลลิกะได้เดินทางไปชมพูทวีป(อินเดีย) เพื่อค้าขาย และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งประทับใต้ต้ศรีมหาโพธิ ทั้งยังได้ถวายภัตตาหารให้กับพระพุทธเจ้าในคราเดียวกัน
หลังจากที่พระพุทธเจ้า ฉันเสร็จ พระองค์มแบพระเกศาจำนวน 8 เส้น ให้พ่อค้าทั้งสอง ระหว่างทาง พญานาค ขอไป 2 เส้น และพระราชาแห่งอเชตตะได้ขอ ไปอีก 2 เส้น และเมื่อกลับมาถึงยังเมืองอสิตันชนะ พระเจ้าโอกกะละปะได้ เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่แ ละเริ่มสร้างเจดีย์ขึ้น แต่ในระหว่างที่ขุดเตรียมสร้างเจดีย์ก็พบพระบริโภคเจดีย์ของพระพุทธเจ้าองค์อื่น อีก 3 พระองค์ คือไม้ธารพระกร ภาชนะสำหรับใส่น้ำ และ สบง จึงได้นำของทั้งหมด บรรจุพร้อมพระเกศาธาตุ บรรจุไว้ในเจดีย์
ด้วยเหตุนี้เจดีย์ชเวดากองจึงมีความยิ่งใหญ่มานานตั้งแต่สมัยโบราณกาล จากเดิมที่สร้างสูงเพียง 66 ฟุต แต่ปัจจุบันเจดีย์มีขนาดรองวง 1,420 ฟุต และสูง 326 ฟุต
ความน่าตื่นใจในการผจญภัยเมืองเมียนมาร์ เป็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นมากมาย จนบอกไม่ถูกกันจริงๆ และ หนึ่งในนั้นเป็นการดั้นด้นมาถือพวงมาลัยกุมบังเหียน ขับรถ Mazda BT-50 Pro รับบทโชว์เฟอร์ จาก พม่ากลับกรุงเทพมหานคร และมันคือการเบิกฤกษ์ของกระบะซูมซูม เปิดประตูสู่อาเซียน
ตะลุยย่างกุ้ง..ความเหนือชั่นที่สั่งได้
เช้าวันใหม่ บรรยากาศในย่างกุ้งทักทายด้วยฝนที่เทกระหน่ำลงมา พาถนนเปียกต้อนรับการเดินทางในครั้งนี้ ผมและเพื่อนอีกสองคนถูกเรียกขานขึ้นรถคันเดียวกัน แม้ทั้งรถจะเรียกว่าเป็นแก๊งเด็กหนุ่มที่สุดในทริปครั้งนี้ แต่ว่าก็ออกแนวจะเกี่ยงกันเล็กน้อย และ ท้ายสุดทุกคนก็ลงมติแบบไม่ต้องยกมือเหมือนในสภาให้บอลขับ
การมาพบน้องแดง Mazda BT-50 Pro รุ่น 4 ประตู ขับสองยกสูง Hi-Rider คันนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผมได้ขับเจ้ากระบะหน้าหวาน เปี่ยมด้วยความใจดีขัดเกลาลงตัวในความสปอร์ต ด้วยก่อนหน้านี้เคยได้มีโอกาสจับต้องมาบ้างแล้ว
เรือนร่างของ Mazda BT-50 Pro ไม่ว่าใครคงจะรู้สึกชื่นชอบมันพอสมควร ด้วยการออกแบบทีดูดีจน ค่าย Mazda เริ่มเป็นที่ติดตาติดใจ จนคนที่ไม่ยึดแบรนด์ตลาดเห็นปั้ปดูปุ๊ป ก็แทบอยากจะโดดขึ้นมาขับ ขึ้นมาตวัดพวงมาลัยออกล้อเอี๊ยดอ๊าด ในเรือนร่างที่บึกบึนสไตล์แข็งแกร่งลุคสปอร์ตของมัน
การเริ่มต้นการเดินทางท่ามกลางสายฝน และ การขับวนซ้ายตามฉบับพม่าที่อยากต่างจากอังกฤษ ทำให้เรากังวลอยู่บ้างแต่เมื่อ ขับตามกันไปในรูปแบบคาราวาน เรียงหนึ่งแถวตอนลึก มันก็ไม่ได้ยากอะไรเกินนัก ส่วนหนึ่ง Mazda BT-50 Pro ช่วยลดความเคอะเขินไปได้ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วยให้เหยียบ เร่งๆ เบรก ๆ ตามจังหวะ
เครื่องยนต์ 2.2 เอง ก็ให้สมรรถนะที่เร้าใจ เหยียบนิดหน่อย แรงบิด 375 นิวตันเมตร ก็โผงผางขึ้นมาให้หลังติดเบาะง่ายๆ มาหนักๆสบายๆ ตั้งแต่ 1,500- 2,500 รอบต่อนาที ต่อเนื่องแบบนอนสต๊อป
เครื่องยนต์ที่เรียกกำลังดี ช่วยให้รถขับง่ายขึ้น ยิ่งในจังหวะขับขันในเมืองพม่า ที่ต้องใช้ความเปรี้ยวเข้าข่มบ้าง Mazda BT-50 Pro ก็ทำได้อย่างสมเกียตรติ แม้เรือนร่างขนาดยักษ์ของมัน จะถูกมองตาเป็นมัน จากชาวพม่า ที่ไม่เคยพบเห็นกระบะ Mazda จนอยากขับช้าๆ ให้ได้เหร่กันชัดๆ แต่จังหวะขับขี่บางครั้ง ก็ต้องไปตามขบวน เขาไปทางไหน เราไปทางนั้น ด้วยตำรวจพม่าช่วยนำขบวนตลอดการเดินทางในนครย่างกุ้ง
ใครว่า เมืองพม่าไม่มีรถติด เห็นทีจะต้องคิดใหม่ เพราะ ผ่านมาไม่ทันไร ขบวนกระบะยักษ์ Mazda BT-50 Pro ก็มาติดอยู่จุดหนึ่งที่ดูเหมือนสามแยกย่านหัวลำโพง ซึ่งตอนนี้ที่กำลังก่อสร้าง สะพานลอยข้ามแยกจนเปลี่ยนจากการทดสอบบนถนนธรรมดา มาเป็นสไตล์แรลลี่ครอสชั่วในชั่วขณะ
โชคดี เราอยู่บนกระบะ Mazda BT-50 Pro ซึ่งมาพร้อมสมรรถนะที่วางใจได้ ด้วยระบบช่วงล่างแบบ ปีกนกอิสระ พร้อมคอยสปริงและเหล็กกันโคลงทางด้านหน้า ส่วนด้านหลังมาในแบบแหนบแผ่นซ้อน พร้อมโช๊คอัพสองจังหวะ จัดวางไขว้แทยง เปลี่ยนทางขุระขระหลุมบ่อ ณ กลางย่างกรุงให้นุ่มนวลประดุจปุยนุ่ม แม้จะยังคงความเป็นรถกระบะในด้านความกระด้างบ้างแต่ก็ให้การขับขี่อย่างมั่นใจ
ขบวนเราเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ แต่ไม่วายการจราจรติดขัด ทำให้ได้ทดสอบพวงมาลัย ไหนจะไปซ้าย เดี๋ยวจะไปขวา สับหลีกโยกรถที่อยู่ด้านข้าง มิหนำซ้ำบางช่วงขบวนขาดติดท่ามกลาง ผู้สัญจรชาวพม่า การระวังในการขับขี่เพิ่มเป็นสองเท่า ที่ต้องไว้ใจได้มากที่สุดเป็นพวงมาลัย และด้วยขนาดของ Mazda BT-50 Pro ที่ใหญ่คับเลนในพม่า การแทรกการจราจร ต้องมั่นใจในการบังคับทิศทาง และมันไม่ทำให้เราผิดหวังด้วยความแม่นย่ำ ที่แม้แต่รถเก๋งบางรุ่นยังอาย สามารถ ควบคุมเรือนร่างขนาดใหญ่ได้ดั่งใจคิด แม้ตวัดเพียงเล็กน้อยเหมือนคนเอี้ยวตัวในที่แคบ ก็สามารถทำได้จริงๆ
หลังใช้เวลาราวๆเกือบ 2 ชั่วโมงออกจากตัวเมืองย่างกุ้ง ซึ่งผู้นำเรา พี่อ้นจาก Transasia พูดผ่านวิทยุสื่อสารว่า “นี่ถ้าไม่มีตำรวจนำ จะใช้เวลามากกว่านี้” พลันก็นึกขึ้นมาทันทีว่า นี่มันกรุงเทพ 2 ชัดๆ หรือว่า เมืองหลวงในแถบอาเซียนจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดไม่รู้ เพราะ จากประสบการณ์ที่เคยไปจาการ์ต้าเมื่อปีกลาย รถก็ติดนรกไม่แพ้กัน
ไม่นานนัก เราก็ออกสู่นอกเมิง ถนนชนบทในพม่ามีการทำขึ้นใหม่บ้างยางส่วน โดยเฉพาะ เส้นที่ไปเมืองเนปิดอร์และ เส้นทางถนนหลวงที่ต่อไปยังเมืองหงสาวดี ถนนทางหลวงตามสไตล์บ้านเรายุคเก่า มีด่านเก็บค่าผ่านทางตลอดรายทางไว้บำรุงรักษาถนน
แต่กระนั้นเส้นทางนอกเมืองของพม่าก็ไม่ได้ราบเรียบโดยด้วยกรีบกุหลาย ช่วงแรกๆ ที่ออกนอกเมือง ถนน สไตล์ 4 เลนไม่ตีเส้นจราจร ช่วยให้ความเร็วได้บ้าง แต่ก็อุดมด้วยลูกคลื่น เฉซ้ายแลบขวาตามสไตล์ถนนลาดยาง แต่ด้วยระบบกันสะเทือนที่ไว้ใจได้ และพวงมาลัยที่โดดเด่นของ Mazda BT-50 Pro ก็ช่วยให้เราฝ่าฟันไปได้แบบสบายๆ และทำให้เรายอดรับได้มากในความเป็นกระบะไลฟ์สไตล์ที่เน้นความสามารถในการขับขี่และการนั่งมากกว่าที่คิด
สนุกสุดเหวี่ยง...นมัสการพระธาตุอินทรแขวน
การขับรถในพม่านับว่าประสบการณ์ที่ยากจะหาอะไรเทียบ ส่วนหนึ่ง มีคนจำนวนน้อบยมาที่ได้รับโอกาสนี้ ยิ่งก่อนหน้านี้ พม่าไม่เคยเปิดประเทศมาก่อน และเมื่อเปิดก็ไม่ใช่ว่าทุกคนเข้าประเทศนี้มาจะได้ขับรถ ด้วยการจราจรที่วุ่นวาย ถนนหนทางไปต่างเมืองก็แคบ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงคุณขับ ถนนเลนสวนไม่มีไหล่ทางไปตลอดระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร บางช่วงมีไหล่ทางเป็นดินแดงด้านข้าง แต่ยิ่งไปกว่านั้นบ้านเรือนคนพม่า ปลูกแทบจะแนบชิดถนน 2 เลนที่เราใช้ความเร็วในการขับขี่
ขับรถในพม่ามาพอตัว ได้เวลาลองฝีมือการขับขี่ของชาวพม่ามาบ้าง หลายคนในคณะสงสัยเฉกเช่นเราว่า ทำไมต้องจอด Mazda BT-50 Pro ไว้ที่ด้านล่างไม่ขับกันขึ้นไปเลย ไม่ดีกว่าหรือ แล้วเราก็ได้คำตอบเรื่องความยากของเส้นทาง และเปิดความมันส์ในสไตล์พม่าให้เราสัมผัสกัน
เสียดายที่ผมกลัวเกินกว่าจะควักกล้องถ่ายรูปออกมาถ่าย เจ้ารถรับส่งขึ้นพระธาตุอินแขวน ด้วยกลัว จะต้องบอกลาอุปกรณ์ทำมาหากินไปตลอดกาล แต่ให้ลองนึกถึงรถบรรทุก 6 ล้อขนาดใหญ่ ที่มีกระบะท้าย ถูกตีด้วยแผ่นเหล็กเสริมฟูกนั่งให้พอสบายตูดไร้เข็มขัด ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ที่จริง ที่นั่งแบบนี้คล้ายไวกิ้งในสวนสนุกดรีมเวิลด์
ใครจะคิดว่ารถบรรทุกก็พาคุณเสียวได้ นี่คือความมันส์ที่สุดในการเดินทางแม้จะใช้ความเร็วไม่มาก แต่รถบรรทุกที่อัดแน่นด้วยคณะสื่อมวลชน ขับเร่งขึ้นเขาไต่ไปยังปลายยอดจุดหมายปลายทาง พระธาตุอินแขวน หนทางที่ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติ แต่ระหว่างทางอุดมไปด้วยโค้งและความลาดชัน
เหลียวมองไปด้านข้างให้ความเสียวระดับ 5 ด้วยซ้ายเป็นเหวขวาเป็นป่า บางจังหวะสลับกันบ้าง แถมคนขับรถก็เหยียบได้สะใจ ขับเร็วสุดบาทา ไม่ได่หวั่นโค้ง แถมเบรกบางครั้งเบีกอย่างกับจะสาดโค้งดูรถดริฟท์ ไม่ห่วงพวกเราทางด้านหลัง ที่เหวี่ยงไปๆมาๆ จนจากความเสียวในช่วงแรก กลายเป็นความสนุกสนาน ความชินทำให้ผมเริ่มปล่อยมือแล้ว นึกว่า นั่งรถไฟเหาะสไตล์บ้านๆ ในพม่า ที่พาสนุกสุดแสนระหหว่างทางที่ลัดเลาะไปตามป่าเขา
ด้วยความชำนาญเส้นทางของคนขับ ไม่นานมากเราก็มาถึงยอดเขา ซึ่งสุดเขาลูกนี้เป็นที่ตั้งของ “พระธาตุอินแขวน”
พระธาตุอินแขวน หรือที่คนพม่า เรียกว่า “เจดีย์ไจก์ทิโย” เป็นเจดีย์ที่ได้รับความเคารพสักการะมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ด้วยความเชื่อว่ าพระอินทร์ได้นำพระธาตุดังกล่าวนี้ลงมาจากสรวงสวรรค์ แล้วประดิษฐานบนยอดผาเพื่อให้ผู้คนได้สัการะบูชา
ไม่แปลกใจเลยว่าด้วยความน่าเหลือเชื่อที่หินก้อนหนึ่งจะตั้งอยู่บนชะง่อนผานี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจะดูศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใครที่เกิดปีจอ คงอยากจะมาที่นี่เป็นอย่างมาก เพราะมีความเชื่อว่า พระธาตุแห่งนี้เป็นตัวแทนของพระธาตุเกศแก้วจุฬามณีของชาวปีจอ ที่ต้องไปกราบไหว้บนชั้นฟ้า ซึ่งใครที่เกิดปีนี้ควรจะมากราบสักการะ
ใครเลยจะคิดมันลุยได้มากกว่าที่คิด
ที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดตัวออกมา Mazda BT-50 Pro อาจจะถูกการถล่มด้วยสื่อและเครื่องมือการตลาดจนถูกมองว่า Mazda BT-50 Pro เป็นกระบะที่เน้นใช้งานแบบครอบครัว หรือเพื่อสนองตอบต่อวิถีชีวิตสุดซิ่งในแบบค่ายรถยนต์ ที่ต้องใส่ความสปอร์ตในรถทุกรุ่น ..จนมีหลายคนตั้งแง่เรื่องสมรรถนะการขับขี่ โดยเฉพาะกระบะ ต้องมาพร้อมความแข็งแกร่ง ดุดัน บึกบึน ...ที่สำคัญ ต้องพร้อม ลุย!!!!
การเดินทางวันที่ 2 เราเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ แต่วันนี้ไม่มีอะไรเลยที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะต้องพบบททดสอบที่สำคัญ อย่างยิ่ง ทั้งเราคนขับ และMazda BT-50 Pro ที่จะต้องพร้อมกับการเดินทาง
หลายคนที่ขับมาจากกรุงเทพ และบินกลับอย่างสบายบอก..บอลต้องลองด้วยตัวเอง แต่ก็ยังคงนึกไม่ออกว่าหนทางที่ตัดขึ้นเขาลุยป่าดิบๆกลับไปยังแม่สอดบ้านเราจะเป็นอย่างไร อะไรมันจะโหดขนาดนั้น ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านเส้นทางทดสอบรถมาก็มาก ขับรถก็หลากหลาย ถ้ามีเพื่อนพี่ ที่ขับทดสอบผู้มากประสบการณ์บอกว่า มันโหดจริงอะไรจริงขนาด สำหรับผมมันต้องลอง ด้วยความชอบเรื่องท้าทาย
ว่าแล้วในวันนี้ก็เหมือนโชคชะตาฟ้ากำหนดมาแล้วว่า ต้องโดนแน่กับเส้นทางสุดหิน การกุมบังเหียนเพื่อเอาเพื่อนๆและรถกลับกทม. โดยสวัสดิภาพ ทั้งหมด อยู่ที่ผมแล้ว
ถ้าจะเปรียบ Mazda BT-50 Pro เป็นคน เจ้ากระบะคันนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากอนันดา เอเวอร์แฮม ..ขอโทษจริงๆ … ที่ต้องเทียบกับบุคคลที่ไม่ใช่ พรีเซนเตอร์ของรถคันนี้ แต่สิ่งที่หลายคนมักจะอดสงสัยเมื่อเจอหนุ่มหล่อ มักจะต่อด้วยคำถามในยุคสมัยที่อะไรกลับตาลปัตรว่า … หล่อขนาดนี้เกย์หรือเปล่า
อย่างพิ่งเข้าใจผิดว่าผมเหยียดเพศ ที่พูดมานี้เพื่อจะให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนขึ้นของ Mazda BT-50 Pro ที่แทบไม่มีใครเคยได้เห็นลีลาการลุยของมันว่าจะมีดีแค่ไหน จนแทบจะพูดได้ว่า แม้แต่สาวก Mazda เองก็ไม่รู้สึกว่ากระบะ Mazda จะบุกตะลุยอะไรได้มากมายนัก
ลึกไปในพม่าใกล้กับเมืองเมียวดี อีกไม่ไกลนักจากพรมแดนไทยพม่า แสงแดดสาดส่องระหว่างที่เล่าเรื่องโปกฮาผ่านเครื่องวิทยุวอแดงเพื่อประชาชน ถูกขัดจังหวะขึ้น เมื่อพี่ผู้นำขบวนเริ่มอยากให้สื่อมวลชนทั้งหมด ตั้งใจการขับขี่มากขึ้น
บ้านเรือนที่เราเห็นตามรายทางเริ่มเรือนหายไป สองข้างทางเริ่มเป็นป่า รถที่สวนทางมาก็เริ่มมีน้อยลง สุดลูกหูลูกตาทางด้านหน้า เป็นภาพที่น่าประทับใจของ Mazda BT-50 Pro หลายคันกำลังวิ่งตะบึงแบบไม่คิดจะหยุดด้วยความเร็ว เรียกว่าจัดเต็มในทางลาดยางคร่ำครึ ไร้การเหลียวแลจากแขวงการทางพม่า แถมยังมีขนาดแคบพอกับซอยแคบๆในบ้านเรา ที่จ้า Mazda BT-50 Pro วิ่งได้พอดีคัน …
มีรถสวยมาๆ !! พลัน ขบวน ฉีกหลบขวาพาฝุ่นฟุ้งด้านหน้า ประเดิมความท้าทาย ทำให้เราเริ่มรู้สึกระทึกมากขึ้น แต่หนทางแคบๆนี้ก็ยังยาวต่อไปเรื่อยๆ เหมือนไม่ที่สิ้นสุด จนผมหวนรำลึกว่ากาลครั้งหนึ่งเคยฝันว่าอยากมาขับรถในที่แบบนี้
ไม่นานนัก เราก็มาถึงตีนเข้า เสียงวิทยุดัง “ได้เวลาเริ่มโปรโมชั่น” แว่วเข้าหู พลันตรงหน้า หนทางก็เริ่มเป็นลาดยางปนฝุ่นแดงในสไตล์ลูกรัง ตลบอบอวนด้วยฝุ่นที่พัดโดยสายลมธรรมชาติ ให้จางไปอย่างรวดเร็ว รถของเรา Mazda BT-50 Pro Hi-racer ขับ 2 ยกสูง ไม่เคยมีใครคิดว่ามันจะลุยได้ บัดนี้มันกำลังพิสูจน์ตัวเอง มากกว่าแค่เป็นเจ้ากระบะหน้ามนต์ และถึงเราจะไม่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตะกุยแหลกแบบที่ทุกคนหวังว่า น่าจะต้องใช้ในเส้นทางแบบนี้ แต่ในเจ้าบึ้กคันนี้ก็มีเฟืองท้ายที่ไม่ธรรมดา limited Slip Differential ที่พร้อมปั่นตะกุยสองล้อพร้อมกัน กระจายแรงบิดให้ฝ่าอุปสรรคไปได้ โดยไม่ติดขัดบนเส้นทาง
ขบวน Mazda BT-50 Pro ตะลุยขึ้นไปเรื่อยๆ ตามทางเพื่อกลับข้ามชายแดน เส้นทางจากลาดยางมีให้เห็นประปราย จวบจนกลายเป็นหินโรยด้วยทราย ถนนทั้งเส้นสร้างโดยแรงงานคน ที่รู้ เพราะ การทางพม่ามาเร่งปรับปรุงถนนขณะขบวนผ่าน
พี่อ้นแวบเข้ามาในวิทยุสื่อสารให้ความรู้ว่ าเมื่อก่อนเส้นทางที่เรามานี้ไม่มีใครผ่านได้ เพราะโดนกลุ่มกระเหรี่ยงยึดเอาไว้ แต่วันนี้ที่เรามาทุกอย่างสงบแล้ว และมันก็เหมือนการลองของ ทั้งคนขับและรถไปพร้อมกัน
ถ้านึกไม่ออกว่า Mazda BT-50 Pro และผมกำลังเจออะไร ลองนึกถึงสภาพรถที่เขย่าเหมือนมีไทยมุงมากระชากเขย่ารถซ้ายๆ ขวาๆ ตลอดเวลา แถมบางจังหวะยังต้องอาศัยการวางล้อที่เหมะสม ด้วยร่องน้ำจากฝนที่ตกลงมาเพิ่มความยาก รวมถึง บางจังหวะผิวถนนที่เป็นยังโดนกัดร่องลึก อาจจะเป็นอันตรายต่อยาง จนนึกในใจว่ามันจะไหวหรือเปล่า
เส้นทางสุดโหดแบบนี้พร้อมผู้โดยสาร 3 คน โดยมีผมกุมบังเหียน น่าจะเรียกว่าเป็นเส้นทางที่ท้อมาก ทั้งคนทั้งรถ คุณขับหลุมโยกหัวซ้ายขวา นึกว่าเพลงแดนซ์กันตลอดทาง ขวาเป็นหน้าผา ซ้ายเป็นเชิงเขา ขับอย่างนี้กันเกือบตลอดทาง สำหรับคนนั่งมันดูสวย จนหยุดห้ามใจไม่ให้ควัก I-Phone มาถ่ายภาพที่ระทึกไม่ได้ แต่สำหรับผมคนขับ ขี่เป็นเส้นทางที่ว่ายากจริง แต่มันก็เป็นเรื่องท้าทาย ยิ่งมีร่องรอยอารยธรรมรถตกเขา ที่น่าจะเกิดขึ้นหมาดๆ เมื่อไม่นาานมานี้ ก็ยิ่งทำให้ต้องตั้งใจกับเส้นทางนี้มากขึ้น
ไม่นานนักขบวนมาถึงช่วงถนนดีให้ได้พักหายใจหายคอหลังจากเขย่ามาตลอดระยะทางราวๆ 10 กว่ากิโลเมตรที่ไต่เขาบวกทางโค้ง หักศอกทำมุมลาดชัน เรียกว่ามาครบหลักสูตรของความโหดโดยแท้ ก็ยังดีที่เราหยุดพักบ้างอะไรบ้าง
อะไรนะ รถติดกลางเขา คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่รถกระบะขนของชาวพม่าที่มุ่งหน้าชายแดนเช่นเดียวกับเราเกิดกลับบ้านเก่าโดยไม่ทันคิด ว่าแล้ว ทีมงานมาสด้า ก็แสดงความมีน้ำใจฉบับคนไทย แม้แต่พี่ซู สุรีทิพย์ ละอองมอง โฉมทองดี ยังแปลงร่างเป็นซุปเปอร์เกิล เข็นรถชาวพม่าออกพ้นทาง ซึ่งกว่าจะฝ่าตรงนี้ไปก็มีครึ่งชั่วโมง แต่ก็ดีที่เราหยุดพักดื่มด่ำธรรมชาติ หลังจากที่ฮ้อตะบึงขึ้นมาเขย่าจนไขมันที่พุงแทบทะลักออกมากอง
ขบวนเดินทางต่อ แต่ก็เพียงแค่ช่วงเดี๋ยวเดียวเท่าน้น เราก็กลับสู่โหมดโหดกันต่อ เส้นทางเขย่าความมันส์กันอย่างไม่หยุดหน่อน จนเป็นบททดสอบช่วงล่างของ Mazda BT-50 Pro ไปด้วยในตัว แต่ใยเลยจะสู้สมรรถนะที่เยี่ยมยอดของเครื่องยนต์ที่ทำงานสอดผสานได้อย่างดีเยี่ยม จนหลายคนคงไม่นึกว่ากระบะ Mazda จะลุยได้ขนาดหนักเช่นนี้ ลบภาพที่เพียงแค่เป็นหนุ่มหน้าหล่อออกไปทั้งหมด แต่กลายเป็น “ลูกผู้ชายตัวจริง ต้อง Mazda BT-50 Pro”
เรายังเดินทางในสภาวะเขย่าอีกหลายนาทีนานนับชั่วโมง บนระยะทางข้ามเขานี้ ราวๆ 46 ก.ม. จากที่จำได้ เรียกว่าไม่มีที่ไหน ที่ไม่เป็นหลุมบ่อ จนเราเริ่มรู้สึกว่าสนุกไปกับการเขย่า พลันคิดว่าหลังจากจบขับ Mazda BT-50 Pro น่าจะจองสักคันไปขับแรลี่ ด้วยระบบช่วงล่างที่เยี่ยมแม้จะไม่นิ่ง แต่เส้นทางที่โหด ทำได้ขนาดนี้ เราคงต้องยกนิ้วเยี่ยม !!! ให้เลย
หลังผ่านศึกเส้นทางสุดโหดมาได้ คงต้องยอมรับว่า Mazda BT-50 Pro มีอะไรมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะช่วงล่างเองที่ไม่เป็นสองรองใคร ที่มาสด้าจัดหนักให้ลุยกันแบบถึงกึ๋นอย่างไม่เสียดายรถ แถมเครื่อง Thunder Pro เองก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเกินคาดสมบทบาทบล็อกเล็ก 2.2 ลิตร พาเราลุยข้ามชายแดน จนมาถึงยังฝั่งไทยอย่างสวัสดิภาพ
ผ่านจากทริปมานานพอตัว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงความสามารถที่ไม่เคยได้เห็นใน Mazda BT-50 Pro ในการลุยในพม่า ก็ต้องยอมรับว่า Mazda BT-50 Pro เป็นกระบะที่แฝงไว้ด้วยความไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องช่วงล่างเครื่องยนต์ ผสานกับรถที่และดูเท่าไรก็งดงาม น่าจะเรียกว่า นี่คืออีกหนึ่งสุดยอดกระบะ ที่คุณควรจับจอง...อย่างไม่ต้องลังเล..
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ภาพจาก Mazda
ขอบคุณคาราวานทดสอบ จาก บริษัท มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย จำกัด
ขอบคุณ พี่ อุทัย เรืองศักดิ และ พี่ ซู สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดีา ที่เชิญ ผมเป็นเกียรติเข้าร่วมการเดินทางเปิดประตูสู่อาเซียนในครั้งนี้ ...ขอบคุณ จากใจ จริงๆ ครับ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com