Hands on : Mitsubishi Lancer EX 1.8 สวมสูทความหล่อแอ๊บสปอร์ตสมรรถนะประหยัด
- โดย : Autodeft
- 7 ก.พ. 57 00:00
- 19,924 อ่าน
พบบทพิสูจน์พลังงานทางเลือก E 85 ในเจ้าปลาฉลาม Mitsubishi Lancer EX 1.8
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
เอ้ย!!! ขึ้นอีกแล้ว ....เสียงน้องในออฟฟิศผู้เขียนลั่นขึ้นมาทันทีที่เขารู้ว่าราคาน้ำมัน หนึ่งในค่าใช้จ่ายแสนแพงของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ต่างเพิ่มขึ้นอีก 50 สตางค์ในตี 5 วันพรุ่งนี้ พลันก็ด่าฉอดๆ ปตท. ปนเรื่องเล่าเคล้าการเมือง ทำเอาเราเสียสมาธิเขียนงานยกใหญ่
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเชื่อว่าหลายคนคงจะประสบด้วยตัวเองบ่อยครั้งไป แต่หากจะให้พูดแล้ว การหาพลังงานทางเลือกที่ประหยัดมากกว่าด้วยน้ำมัน E85 ก็เป็นทางออกที่หลายคนคงเริ่มมองมากขึ้น ด้วยสถานีบริการน้ำมันที่มากขึ้นกว่าเดิม และรถที่ใช้พลังงาน E85 ได้ก็มีมากมายเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ย้อนกลับไปในหลายปีก่อนหน้านี้ ช่วงที่พลังงานทางเลือก E85 ยังไม่บูม!! เท่าทุกวันนี้ Mitsubishi Lancer EX 1.8 เป็นรถยนต์คันแรกๆในตลาดจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่สร้างปรากฏการณ์ ด้วยความสามารถพลังงานทางเลือกที่คลุกเคล้าเข้าเรือนร่างสปอร์ต จวบจนการปรับรุ่นปรุงโฉมในช่วงหลังปรับไปสู่ตัวตนที่พยายามหรูหรามากขึ้น แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักเรื่องดีเอ็นเอสปอร์ตที่ถ่ายทอดในสมรรถนะการขับขี่
จากรุ่นสู่รุ่น ในโฉมปี 2014 Mitsubishi Lancer EX 1.8 ใหม่ พยายามทำตัวให้มีความโดดเด่นในความหรูหรา โดยเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 นี้ ถือเป็นรุ่นที่ค่ายรถยนต์สามเพชรค่อนข้างให้ความสำคัญ เพราะเป็นรุ่นที่คนให้ความสนใจมากที่สุดและขายดีที่สุด ยิ่งน้ำมันแพงแบบนี้รับเงินเข้ากระเป๋าเหนาะๆสบายๆ
ในปี 2014 เจ้าทรวดทรงปลาฉลามกลับมาอีกครั้ง แต่สลัดคราบตัวตนในเรื่องของความสปอร์ตออกไปมากพอตัวด้วยการปรับรายละเอียดการออกแบบใหม่ในหลายๆจุด ตั้งแต่การออกแบบกระจังหน้าและช่องดักลมที่กันชนหน้าใหม่ลดดีกรีความสปอร์ตจากเดิมออกไป ลัดด้วยคิ้วโครเมี่ยม รวมถึงมือจับเปิดประตูโครเมี่ยม
พร้อมเพิ่มคิ้วที่ฝากระโปรงท้ายให้มีความโดดเด่นในความสปอร์ตด้วยโครเมี่ยม จัดคู่กับล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว แต่ทีเด็ดยังคงอยู่ที่ออพชั่นพิเศษหนึ่งเดียวในกลุ่มคอมแพ็คคาร์กับระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกรถ (Welcome lighting) และ ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Coming Home lighting) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งให้ความดูดีในเรื่องการใช้งาน
ด้านในห้องโดยสารในงวดนี้แนะนำการตบแต่งใหม่ด้วยวัสดุดำเงา ที่เป็นได้ทั้งตัวตนแบบความหรูหราและยังสะท้อนออกในความสปอร์ตจัดมาให้ยกเซทที่ใจกลางคอนโซลหน้า ลงตัวด้วยระบบความบันเทิง CD Mp 3 แบบ 2 Din และสะดวกสบายทุกเส้นทางด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
การแต่งแต้มคอนโซลหน้าด้วยสีดำตัดกับการตบแต่งโดยรวมภายในห้องโดยสาร ซึ่งแนะนำมาพร้อมสีเบจ ตั้งแต่ชายล่างของคอนโซลหน้า ไปยันเบาะนั่งแบบสปอร์ตปรับด้วยระบบอัตโนมือตามความต้องการ แม้จะยังคงติดที่ความสปอร์ตเสียส่วนใหญ่แต่เมื่อหย่อนตัวลงนั่งก็กว้างสบายในระดับที่คนตัวใหญ่พอใจ แถมเบาะนั่งหนังผสมหนังสังเคราะก็ให้ความดูดี
การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเอื้อมถึงได้หมดด้วยจิตสัมผัสไม่ต้องเหลียวตามอง คันเกียร์แบบขั้นบันไดช่วยให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น ส่วนที่พวงมาลัยมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และ Mitsubishi Lancer EX 1.8 เป็นหนึ่งในรถคอมแพ็คคาร์ไม่กี่รุ่นที่ริเริ่มแนะนำระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมาตอบโจทย์ ซึ่งปัจจุบันอาจจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ไปแล้วในรถในกลุ่มนี้
ที่นั่งตอนหลังยังคงไม่มีที่วางขาให้ผู้โดยสารมากมายนัก แต่ก็ไม่ได้จัดว่าคับแคบอะไรมากมาย เพราะล้วนเป็นไปตามขนาดของห้องโดยสารรถยนต์กลุ่มนี้ที่เน้นความพอดีไม่ได้อึดอัดหรือสบายตัวจนเกินไป ยังดีที่เบาะหลังสามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ เพื่อให้สอดคล่องต่อชีวิตที่อาจจะต้องการความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ให้ความสามารถในการปรับพับได้ในอัตรา 60/40 ก็พอจะช่วยได้เมื่อคุณซื้อของที่มีความใหญ่และยาว จากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
ความจริงแล้ว การขับ Mitsubishi Lancer EX 1.8 นี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่โจทย์การทดสอบครั้งนี้มีความแตกต่างออกไปด้วยการหมายมั่นปั้นมือที่จะมาทดสอบพลังงานทางเลือก E85 ซึ่งปัจจุบันมีคู่แข่งมากมายหลายรุ่นที่เข้ามาตอบโจทย์มากขึ้น
การใช้น้ำมัน E85 มีข้อดีแง่หนึ่งคือ มันประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยราคาที่ตกลิตรละ 25 บาท โดยประมาณ เรียกว่าถูกกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอลล์95 เกือบครึ่งต่อครึ่ง และเช่นเดียวกันในแง่ของสมรรถนะก็เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง
คงไม่แปลกว่าจุดหนึ่งที่ทำให้หลายคนสนใจ Mitsubishi Lancer EX 1.8 อยู่ที่ความสามารถของการใช้พลังงานทางเลือกของมัน แม้ว่า ใต้ฝากระโปรง Mitsubishi จะแนะนำเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ที่มีกำลังเพียง 139 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แต่ก็กลับเป็นเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงพอตัวเลยทีเดียวด้วยกำลัง 172 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงของ Lacer EX 1.8 ให้ความรู้สึกตัวตนในความสปอร์ต เร่งดีติดเท้า ช่วยให้ปลาฉลามสามารถแทรกตัวไปท่ามกลางการจราจรเมืองกรุง และ ด้วยระบบเกียร์ CVT พร้อมระบบควบคุม Invect III ช่วยให้มันมีความคล่องตัวการต่อเกียร์แบบนุ่มนวลช่วยลดดีกรีความสปอร์ตลงไป
พวงมาลัยเองก็ให้น้ำหนักกำลังดี เมื่อบวกกับการออกแบบรถที่มีระยะยื่นสั้นแล้ว ช่วยให้รถมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นในการขับขี่ในเมือง แถมเพิ่มความคล่องตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยวงเลี้ยวแคบสุด 5.0 เมตร เรียกว่าดีพอๆกับรถซิตี้คาร์บางรุ่นด้วยซ้ำไป
แม้การใช้ E85 จะมีข้อดีในเมืองเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ่ายให้มากกับรถติด แล้วกับนอกเมืองล่ะจะเป็นเช่น คำตอบนี้ ค้นหาๆด้วยการท่องเที่ยวที่อยุธยาแม้จะห่างออกไปไม่ไกล แต่ถนนไร้การจราจรติดขัดวิ่งยาวตลอดเส้น เราทำความเร็วตลอดเส้นทางที่ 110-120 ก.ม./ช.ม.
ช่วงใช้ความเร็วเจ้าฉลาม Mitsubishi Lancer Ex 1.8 ตอบโจทย์เรื่องสมรรถนะการขับขี่อย่างดีเยี่ยมด้วยระบบกันสะทือนที่เหนียวหนึบนุ่มหนับ ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และเพื่อสมรรถนะขับขี่ที่ดีที่สุดด้านหลังใช้แบบอิสระมัลติลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ชุดโช๊คและสปริงถูกถ่ายทอดด้วย ยาง yokohama ขนาด 205/60 รัดเข้ากับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว การใช้ยางดี มีผลโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่ ให้ความมั่นใจพอสมควรในขณะขับด้วยความเร็ว และเช่นกันกำลังเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เอาเข้าจริงแม้ม้าจะน้อยแต่แรงบิดเยอะของมัน ช่วยให้คุณสามารถเร่งแซงได้ ดี แต่ก็มาพลาดตรงระบบเกียร์ CVT ซึ่งต้องสร้างความคุ้นเคยกับระบบเกียร์ประเภทนี้ เพราะ หลายครั้งต้องออกแรงเค้นเหยียบคันเร่งแบกับพื้นเพื่อเร่งรอบ ซึ่งสามารถไกลได้ดี ทว่าจะขึ้นช้ากว่าระบบเกียร์อัตโนมัติธรรมดาแบบทอร์คคอนเวิร์ตเตอร์ หรือ ระบบคลัทช์คู่
ทำให้หลายครั้งพบว่า ช่วงเวลาที่ต้องเร่งแซง ต้องรีบเดินคันเร่งเพื่อใช้กำลังแรงบิดมากกว่าหวังพึ่งแรงม้าของเครื่องยนต์ ซึ่งกว่าจะรู้มือรู้ทีน ก็ต้องสร้างความคุ้นเคยต่อระบบเกียร์ แต่ในบางจังหวะก็มีความฉลาดดี ซึ่งก็ต้องขอบคุณระบบควบคุม InvectII สร้างความง่ายดายมากขึ้นต่อการขับขี่
แม้เกียร์จะต้องเข้าใจ ขับแล้วต้องรู้นิสัยเหมือนมีเพื่อนสองคนที่จะช่วยเราเดินทาง แต่เมื่อมาดูในแง่ของอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. และ 80-120 ก.ม. /ช.ม. กลับพบว่า สมรรถนะของเกียร์ CVT ซึ่งมีอัตราทดกว้างตั้งแต่ 2.349-0.394 ปั่นลงเฟืองท้าย 6.120 นั้นรีดความเร้าใจได้เกินตัว
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ด้วยเวลาดีที่สุด 11.0 วินาที และช่วง 80-120 ก.ม./ช.ม. ทำเวลาได้ดีเท่ากันทุกครั้งที่ 6.0 วินาที แทบเอ่ยได้อย่างเต็มปากว่า ตัวตนหรูของมันยังมาพร้อมความสปอร์ตในดีเอ็นเอ
ด้วยความเร็วยืนพื้นที่ 110 ก.ม./ช.ม. การทำงานของเครื่องยนต์ที่ 2200 รอบต่อนาที และที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ก็จะใช้รอบเครื่อง 2400 รอบต่อนาที ก็ค่อนข้างจะชัดเจนมากว่า Mitsubishi Lancer Ex 1.8 เน้นความสำคัญในเรื่องการประหยัด และยังมีดีเท่าๆกับรถรุ่นใหม่หลายๆรุ่น ที่ใช้ E85 ได้
หลังเดินทางมาทั้งวันเฉียดๆ 200 ก.ม. ในท่องเทียวอยุธยาเราจบการทดสอบด้วยการสรุปอัตราประหยัด ซึ่งจากระยะทาง186. 5 ก.ม. และเหลือขับได้อีก 350 ก.ม. สรุปแมทช์จบอัตราประหยัดเฉลี่ยรวมที่ 9.09 ก.ม./ลิตร โดยในระหว่างการทดสอบไม่ใช่ Cruise Control เลยในการขับขี่
โชคร้ายหน่อยที่งวดนี้เรายังไม่มีโอกาสในการ ขับท่องล่องในเมืองกรุง ด้วยปัญหาทางการเมืองที่ร้อนแรง แต่หลังการขับขี่เราก็เชื่อว่า Mitsubishi Lancer EX 1.8 น่าจะทำตัวเลขได้ดีกว่านี้อีก ถ้ามีการปรับระบบส่งกำลังให้ดียิ่งขึ้น แม้เครื่องยนต์จะมีแรงบิดมาก แต่หลายครั้งการตอบสนองเกียร์กลับไม่ดีอย่างที่คิด ทำให้ต้องมีการเดินคันเร่งมากขึ้น และเมื่อประกอบกับการจ่ายน้ำมันมากขึ้นเมื่อใช้น้ำมัน E85 จึงเป็นสาเหตุสำคัญของความไม่ประหยัดในภาพรวมการขับขี่ แต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ทว่าเทียบกับคู่แข่งที่ทำได้ดีกว่า แม้ไม่ฝช่ระบบเกียร์ CVT ก็ยังตกเป็นรองอยู่
แม้เรื่องอัตราประหยัด e85 อาจจะไม่หวือหวาอย่างที่คาด แต่ในภาพรวม Mitsubishi Lancer EX 1.8 เป็นรถที่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเกินตัว สมรรถนะเร้าใจเกินคาด และแม้ท้ายสุดมันจะสวมสูทเพิ่มความหล่อตัวตนหรูหรา แต่ดีเอ็นเอเรื่องความสนุกในการขับขี่ไม่เคยเปลี่ยน ....ไปเลย
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณรถทดสอบ Mitsubishi Lancer EX 1.8 จาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ผลการทดสอบ Mitsubishi Lancer EX 1.8
รถยนต์ Mitsubishi Lancer EX 1.8 GLS Ltd.
ราคาจำหน่าย 899,000 บาท
ตารางการทำงานของเครื่องยนต์
ความเร็ว (ก.ม./ช.ม.) |
รอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) |
80 |
1650 |
90 |
1800 |
100 |
2000 |
110 |
2200 |
120 |
2400 |
อัตราประหยัดเฉลี่ย 9.09 ก.ม/ลิตร
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY282]