ถ้าคุณเจอใบสั่งในข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ถูกค่าปรับ 500 บาทแล้วบ่นว่าแพง ถ้าคุณเจอเคสนี้เข้าไปคงจะหัวใจวายตาย เมื่อชาวเมืองจอร์เจียในสหรัฐ โดนใบสั่งให้ไปเสียค่าปรับเป็นเงิน 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 50 ล้านบาท
หลังจากที่ประกาศมาว่า หลังวันที่ 1 เมษายนเป็นต้นมา ถ้าใครค้างค่าปรับการกระทำผิดกฎจราจร จะไม่สามารถต่อทะเบียนรถประจำปีได้ แต่บางคนยังแย้งว่า ไม่จริงหรอก วันนี้มีหลักฐานมายืนยันว่า การประกาศนี้เป็นจริงแน่นอน
หลังจากที่มีข่าวมานานแล้วว่า ถ้าใครไม่มีการชำระค่าปรับตามใบสั่ง จะมีการงดไม่ให้ต่อภาษีประจำปีได้ แต่ที่ผ่านมาก็ยังมีการต่อภาษีรถประจำปีกันได้อย่างสบายใจ แต่ล่าสุดมีการแจ้งวันดีเดย์ออกมาแล้วว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป ข้อบังคับนี้จะกลายมาเป็นความจริงแล้ว
เมื่อผู้ใช้ถนนมีการขับรถแล้วผิดกฎหมาย ตำรวจจะทำหน้าที่ในการเขียนใบสั่งเพื่อให้ไปจ่ายค่าปรับ แต่กลับมีเมืองหนึ่งในรัฐ Arkansas ตำรวจกลับโดนสั่งห้ามเขียนใบสั่งเพื่อทำการปรับคนขับรถอีกต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี สามเหตุเพราะอะไรลองมาดูกัน
หลังจากที่มีประกาศให้ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่อยู่ในที่สาธารณะ รวมทั้งยังมีกระแสเรื่องการขับรถด้วยรถยนต์ส่วนตัวตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปต้องใส่แมสก์ด้วย จนมีคนมาโพสต์ถึงใบสั่งใบแรกที่ถูกตำรวจจับข้อหาไม่ใส่แมสก์ขณะขับรถจถถูกปรับ 500 บาท ซึ่งแท้จริงแล้วที่มาของใบสั่งใบนี้คืออย่างไร ลองมาติดตามกัน
ทุกประเทศบนโลกนี้ที่มีกฎหมายจราจร มีการจำกัดความเร็วกันทั้งนั้น ด้วยความเร็วที่แตกต่างกันไปในสถานที่แต่ละแห่ง และรุ่นรถยนต์ที่ถูกใบสั่งก็แตกต่างกันไป โดยมีรายชื่อออกมาแล้วว่า รุ่นรถยนต์ไหนที่เป็นเจ้าของแล้ว มีโอกาสถูกใบสั่งเรื่องความเร็วเกินกำหนดมากที่สุดในสหรัฐ ลองมาดูกัน
ปกติการติดตั้งกล้องเพื่อตรวจจับผู้กระทำความผิดนั้น ก็จะเป็นพวกขับรถเร็วเกินกำหนด หรือเปลี่ยนเลนทับเส้นทึบ ซึ่งเท่านี้ใบสั่งก็ถูกส่งไปเรียกค่าปรับกันแบบนับไม่ถ้วนแล้ว แต่แค่นี้ยังไม่พอ ล่าสุดทางตำรวจที่อังกฤษได้เตรียมติดตั้งระบบตรวจจับเสียงท่อดังเกินกำหนด แล้วส่งใบสั่งให้เสียค่าปรับอีกข้อหาแล้ว
เทคโนโลยีมันเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตเราได้มากมาย รวมทั้งการตรวจจับผู้กระทำผิดในการขับขี่รถยนต์ด้วย แต่ก็มีหลายครั้งที่เทคโนโลยีเองก้ไม่สามารถทำงานได้ถูกต้อง 100% เหมือนที่เราได้เห็นใบสั่งเรียกค่าปรับจากกรณีแปลกมากมายหลายครั้งในเมืองไทย ล่าสุดก็มีเรื่องแปลกออกมาอีก เมื่อหนุ่มชาวจีนคนหนึ่ง ได้ทำการเกาหน้าขณะขับรถ แต่กลับโดนใบสั่งส่งมาถึงบ้าน ให้ไปจ่ายค่าปรับจำนวน 230 บาท
ปัญหาเรื่องการแย่งที่จอดรถของคนขับที่มีสภาพปกติ เบียดเบียนที่จอดของผู้พิการ ทั้งที่มีสัญลักษณ์เตือนอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ได้เป้นปัญหาของประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของคนทั่วทั้งโลก และมีการเปิดเผยข้อมูลทางฝั่งแดนผู้ดีออกมาว่า ในปีที่แล้ว มีการออกใบสั่งปรับเงินคนที่จอดในช่องผู้พิการไปแล้วกว่า 4.2 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 173 ล้านบาท
แน่นอนว่าทุกประเทศบนโลกนี้ที่มีกฎหมายจราจร ต้องมีการกำหนดอตราความเร็วไม่ให้เกินในพื้นที่ต่างๆ ถ้าเกินแล้วถูกจับได้ ก้ต้องมีการไปเสียค่าปรับกันตามธรรมเนียม แต่ถึงจะมีกฎหมายบังคับใช้อยู่ ก็ยังมีผู้ขับขี่บนท้องถนนจำนวนมาก ก็อยากจะลองใช้ความเร็วเกินกำหนดอยู่ซักหน่อย ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป
หลายคนก่อนจะขับรถออกจากบ้านในตอนเช้า ยังใช้วิธีการสตาร์ทรถเพื่ออบอุ่นเครื่องยนต์ก่อนซัก 5 นาทีแล้วค่อยออกเดินทางอยู่ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีเมื่อวิ่งออกไป เช่นเดียวกับชายคนหนึ่งในมิชิแกนก็ใช้วิธีนี้เช่นกันที่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับถูกตำรวจเขียนใบสั่งแล้วปรับเป็นเงิน 128 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,500 บาท ข้อหาวอร์มเครื่องทิ้งไว้หน้าบ้าน
ปัจจุบันการตรวจจับคนที่ขับรถผิดกฎจราจร ก็มีระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานเพื่อแบ่งเบาภาระของตำรวจมากแล้ว แต่บางครั้งระบบตรวจจับก็อาจสร้างความมึนงงให้กับเราได้เหมือนกัน อย่างที่จะนำมาเล่ากันต่อไปนี้