ปัจจุบันเราจะเห็นการบริการขับรถให้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการบริการ Taxi, UBER, GRAB หรือแม้กระทั่ง You Drink I Drive ที่มีพนักงานบริการขับรถส่วนตัวของผู้ใช้บริการให้ แต่ล่าสุดมันล้ำหน้าไปมากกว่านั้น เพราะมี Startup แห่งหนึ่งในเมืองเบียร์ผุดบริการใหม่ กับรถขับเคลื่อนได้ด้วยระบบรีโมทผ่านทางไกล ทดแทนการขับรถจริง เพื่อบริการส่งรถให้ผู้ใช้บริการถึงที่
เราอาจจะคุ้นชื่อ Baidu ว่าเป็นผู้ให้บริการ Search Engine และแอพพลิเคชั่นจากประเทศจีนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทนี้ได้เริ่มก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีด้านอื่น ๆ อีกหลายอย่าง รวมทั้งด้านยานยนต์ด้วย ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถแท็กซี่อัตโนมัติรุ่นใหม่ Robotaxi ต้นแบบรถในอนาคตออกมาแล้ว
ได้รับการตอบรับอบ่างดีจากกลุ่มผู้ใช้รถแท็กซี่และถูกใจเหล่าผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นสำหรับ Toyota JPN TAXI และปีนี้เพื่อความสดใหม่และจดจำง่ายทาง โตโยต้า ญี่ปุ่น จึงเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY 2021 ให้กับรุ่นนี้
กระทรวงคมนาคมเตรียมปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ใหม่ โดยจะเพิ่มทั้งในส่วนของอัตราระหว่างระยะทาง, อัตราค่ารถติด, อัตราค่าเซอร์ชาร์จจากสนามบิน, อัตราการบรรทุกกระเป๋าเดินทาง รวมทั้งการประกาศยกเลิกการใช้งาน Taxi OK โดยคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ภายใน 1 เดือน
การได้ยิน ถือเป็นอีกระบบสัมผัสที่มีความจำเป็นในระหว่างการขับรถ ทั้งได้ยินเสียงแตร, เสียงหวอ หรือเสียงสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อให้การเดินทางนั้นปลอดภัย ยิ่งกับรถที่ให้บริการประชาชนอย่างแท็กซี่ ยิ่งมีความจำเป็นมาก เพราะต้องมีการสื่อสารกับทางผู้โดยสารด้วย ดังนั้นคนที่หูหนวก ก็แทบจะทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ไม่ได้เลย
หลังจากที่ BYD กลับมาทำตลาดรถยนต์เมืองไทยอีกครั้งผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการไรเซน เอนเนอร์จี โดยเน้นจำหน่ายให้กับ หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชนรายใหญ่ๆ
หลังจากที่ซุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ไร้คนขับมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ล่าสุดทางนิสสันได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่า จะเริ่มทดสอบการใช้งานรถแท็กซี่แบบไร้คนขับ ในช่วงเดือนหน้าที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว
เมื่อสองปีก่อน Toyota JPN TAXI ได้แนะนำไปแล้วที่งาน Tokyo Motor Show ในเวอร์ชั่นขายจริง หรือ Production Car จนองค์กร ห้างร้าน โรงแรมชั้นนำของต่างถามถึงเป็นจำนวนมากว่าจะมีขายไหม
ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย จนทำให้ทั่วโลกหลงใหล หลงเสน่ห์ วัฒนธรรมจนมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก และยานพาหนะในภาคบริการ ที่จะเรียกว่าเป็นหน้าเป็นตาได้ก็คงหนีไม่พ้น รถ TAXI
กระแสการใช้งาน Uber หรือ Grab Car กำลังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างมากมายในประเทศไทย ว่าดูแล้วน่าจะปลอดภัยและสะดวกสบายกว่าการเรียกแท็กซี่ทั่วๆไป ถึงแม้ว่ามันจะผิดกฎหมายก็ตาม อย่างไรก็ดีการใช้บริการ Uber ก็ไม่ได้ยืนยันว่าผู้โดยสารจะปลอดภัยเสมอไป เมื่อล่าสุดที่สหรัฐฯ ตำรวจได้ทำการจับผู้ขับรถ Uber คนหนึ่ง ในข้อหาพกตราตำรวจและปืนปลอม
ปัญหาเรื่อง Taxi เมืองไทย ยังคงเป็นตำนานอันแสนยาวนานกับปัญหาที่มาจากตัวคนขับอยู่ไม่หยุดไม่หย่อน เริ่มจากปัญหาเบสิคอย่างไม่รับผู้โดยสารจากข้ออ้างมากมาย ทั้งแก๊สหมด, ส่งรถ, รถติด, ไม่คุ้นทาง ยิ่งกับบริเวณที่มีฝรั่งเยอะๆนี่ แทบจะปิดไฟไม่ต้อนรับผู้โดยสารคนไทยเลย จนถึงปัญหาที่ใหญ่กว่าทั้งพูดจาแทะโลมผู้โดยสาร, โกงมิเตอร์, พาขับอ้อมเพื่อเอาเงินเพิ่มเป็นต้น จนทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะไปใช้วิธีเรียก
เป็นเรื่องที่เถียงกันไม่จบมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว กับปัญหาเรื่องแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ด้วยเหตุผลนานับประการทั้ง แก็สหมด, ส่งรถ, ไปไม่ถูก และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว รถยนต์บริการสาธารณะอย่างแท็กซี่ ไม่มีสิทธิ์ในการปฏิเสธผู้โดยสาร ถ้าไม่ต้องการรับผู้โดยสารต้องวางป้ายงดรับจ้างให้มองเห็นอย่างชัดเจน
เป็นหน้าที่ของผู้เป็นเจ้าของรถทุกคนที่มีทะเบียนขึ้นอยู่กับกรมขนส่งทางบก ที่จะต้องทำหน้าที่จ่ายภาษีการใช้รถเป็นประจำทุกปี ซึ่งถ้าท่านพี่ตำรวจเรียกตรวจ แล้วพบการขาดของทะเบียน ก็จะโดนค่าปรับ 200 บาทแน่นอน
ประชาชนชาวอเมริกันอาจมีสิทธิ์ได้ใช้บริการรถแท็กซี่พลังงานไฟฟ้า BYD E6 เมื่อคุณใช้ Uber
ปัญหาที่เรื้อรังมานานของแท็กซี่โจทย์ทางสังคม รือกำลังจะเปลียนไปเมื่อแท็กซี่ยุคใหม่กำลังจะบังเกิด หรือได้เวลารึยังที่กรมขนส่งจะต้องออกมาทำอะำรบ้าง นอกจากนอนกินภาษีรถรับจ้างจากแท็กซี่