เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้มีการประกาศกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายยานพาหนะและค่าดูแลรักษายานพาหนะ พ.ศ.2564 ถึงค่าใช้จ่ายของรถที่จอดทิ้งเอาไว้ข้างทางหลวง โดยมีอัตราปรับเอาไว้สูงสุด 5,000 บาท รวมทั้งค่าดูแลรายวันอีกสูงสุด 1,500 บาท มีผลบังคับใช้แล้ว
หลังจากที่มีประกาศให้ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่อยู่ในที่สาธารณะ รวมทั้งยังมีกระแสเรื่องการขับรถด้วยรถยนต์ส่วนตัวตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปต้องใส่แมสก์ด้วย จนมีคนมาโพสต์ถึงใบสั่งใบแรกที่ถูกตำรวจจับข้อหาไม่ใส่แมสก์ขณะขับรถจถถูกปรับ 500 บาท ซึ่งแท้จริงแล้วที่มาของใบสั่งใบนี้คืออย่างไร ลองมาติดตามกัน
หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า Covid-19 ทำให้หลายหน่วยงานต้องออกมาตรการบังคับให้ประชาชนต้องอยู่ในข้อบังคับ เพื่อลดการแพร่เชื้อให้ได้มากที่สุด ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่า ใครที่ขับรถอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ที่มีคนโดยสารตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท แม้ว่าจะอยู่ในครอบครัวเดียวกันก็ตาม
ก่อนหน้านี้มีกระแสการแสดงความเห็นว่า ผู้ที่จะสามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือทีเรียกกันว่ารถมอเตอร์ไซค์ Big Bike นั้น ควรจะต้องมีใบขับขี่เฉพาะทางได้หรือยัง เพราะการควบคุมรถที่มีกำลังแรงนั้น ต้องใช้ทักษะในการขับขี่มากกว่ารถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กทั่วไป ล่าสุดทางกรมการขนส่งมทางบกก็ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาแล้วว่า ทางคณะรัฐมนตรีได้ทำการประชุมและลงมติผ่านร่างกฎกระทรวงออกมาแล้ว ว่าผู้ขับรถจักรยานยนต
เมืองเบียร์อย่างประเทศเยอรมนี กำลังทำการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ ล่าสุดได้ทำการออกกฎใหม่ ด้วยการบังคับให้ทุกปั๊มน้ำมันในประเทศ ต้องมีสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าด้วย เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
เป็นที่ถกเถียงกันอยู่เสมอเรื่องความเร็วในการใช้ถนนหลวง ว่าสรุปแล้วจะใช้ได้ที่เท่าไหร่บ้างกันแน่ ทางตำรวจทางหลวงเลยจัดทำให้เป็นรูป Demographic ให้เห็นได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น โดยสรุปได้ดังนี้
เรามักจะเคยได้ยินเรื่องการเช่าซื้อรถยนต์แล้วไม่มีความสามารถในการส่งค่างวด จนรถถูกยึดแล้วถูกฟ้องจนเป็นเรื่องเป็นราวยืดยาวกันมาเยอะแล้ว จนทำให้หลายคนคิดว่า ทางออกเรื่องนี้จะมีแค่การหาทางขาย แล้วนำเงินไปจ่ายให้กับไฟแนนซ์คืนให้จนครบตามสัญญา หรือปล่อยให้เจ้าหนี้ยื่นฟ้องศาล แล้วปล่อยให้กระบวนการของศาลดำเนินการไล่เบี้ยเก็บหนี้ตัวเองต่อไป มีผลทางด้านเครดิตกันไป แต่วันนี้เรามีทางออกที่ดีกว่านั้น ไม่ผิดสัญญ
ช่วงประมาณปี 2018 ทางรัฐบาลอังกฤษได้ทำการร่างกฎหมายเพื่อห้ามจำหน่ายรถยนต์แบบสันดาปภายในตั้งแต่ปี 2040 เป็นต้นไป แต่ล่าสุดอาจจะเร็วกว่านั้น เพราะเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการขยับให้เร็วขึ้น กลายเป็นบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2035 แทน
ช่องทางทางด้านขวาสุด ปกติแล้วเอาไว้ใช้สำหรับวิ่งแซงรถคันอื่นที่ช้ากว่าเท่านั้น แต่มีรถบางคันที่ยังคงขับรถแช่ขวาแล้วขับช้าอยู่ ซึ่งเป็นเหตุที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ล่าสุดทางกระทรวงคมนาคมเตรียมชงเพิ่มข้อบังคับใหม่ ให้จัดการปรับรถยนต์ที่วิ่งแช่ช่องทางด้านขวาสุด แต่ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. คาดบังคับใช้ได้เดือนกุมภาพันธ์นี้
ก่อนหน้านี้ได้มีรายงานข่าวออกมาว่า คณะกรรมการควบคุมมลพิษ ได้ทำการเสนอต่อสภาเยอรมนี เพื่อเสนอให้ออกกฎหมายจำกัดความเร็วถนน Autobahn ที่ปกติจะไม่มีการจำกัดความเร็ว ให้จำกัดความเร็วเหลือเพียง 130 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น แต่ล่าสุดร่างกฎหมายฉบับนี้แท้งไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อทางสภาไม่เห็นชอบ ปัดร่างกฎหมายนี้ให้ตกไป
แดนจิงโจ้ ออสเตรเลีย ก็มีกฎหมายห้ามใช้งานโทรศัพท์ขณะขับรถเช่นกัน แต่ก็เช่นเดียวกับเมืองไทยที่การตรวจจับอาจจะทำได้ลำบาก เพราะคนขับสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการวางโทรศัพท์ลงเมื่อเห็นตำรวจ แต่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เตรียมใช้งานกล้องตรวจจับการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถอย่างเต็มรูปแบบภายในปีนี้ เพื่อตรวจจับและปรับให้เข็ดหลาบ จะได้ลดต้นเหตุการเกิดอุบัติเหตุ
หลังจากเป็นที่ถกเถียงกันมานานว่า การที่เรามีใบขับขี่ แล้วเรากระทำความผิดกฎหมายจราจร ตำรวจสามารถเรียกดูใบขับขี่แล้วยึดเอาไว้ได้หรือไม่นั้น ถ้าเป็นกฎหมายเก่านั้นสามารถทำได้ แต่จากการแก้กฎหมายใหม่ ไม่อนุญาตให้ตำรวจจราจรสามารถทำได้แล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ 20 กันยายนนี้เป็นต้นไป
ตอนนี้กฎหมายเกือบทุกประเทศ จะห้ามผู้ที่กำลังขับขี่รถยนต์ ใช้งานโทรศัพท์ขณะขับรถ แต่อนุโลมให้สามารถใช้งานเป็นอุปกรณ์เสริมจำพวก Hand-Free อย่างสายหูฟัง,หูฟัง Bluetooth, ระบบเครื่องเสียง เป็นต้น แต่จากนี้ไปอาจจะไม่สามารถใช้ได้แล้วที่ประเทศอังกฤษ
ปัญหาการเดินเท้าบนทางเดินแถบกรุงเทพมหานคร นอกจากจะเสี่ยงในการเหยียบแผ่นปูพื้นว่าจะมีน้ำกระเด็นขึ้นมาหรือไม่ ยังต้องคอยระมัดระวังรถจักรยานยนต์ที่ขี่ขึ้นมาร่วมใช้งานอีก ดังนั้นเพื่อลดความอันตรายของการใช้ทางเท้าในเขต กทม. จึงได้มีการประกาศเพิ่มค่าปรับให้เป็น 2,000 บาท และแบ่งค่าปรับให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสเข้ามาด้วย 1,000 บาท เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
ปกติการติดตั้งกล้องเพื่อตรวจจับผู้กระทำความผิดนั้น ก็จะเป็นพวกขับรถเร็วเกินกำหนด หรือเปลี่ยนเลนทับเส้นทึบ ซึ่งเท่านี้ใบสั่งก็ถูกส่งไปเรียกค่าปรับกันแบบนับไม่ถ้วนแล้ว แต่แค่นี้ยังไม่พอ ล่าสุดทางตำรวจที่อังกฤษได้เตรียมติดตั้งระบบตรวจจับเสียงท่อดังเกินกำหนด แล้วส่งใบสั่งให้เสียค่าปรับอีกข้อหาแล้ว