ทดสอบรถยนต์ OMODA 5 EV ในงาน Chery International User summit 2023 พร้อมขับเคลื่อนภารกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม
- โดย : PR Autodeft
- 3 พ.ย. 66 16:30
- 1,848 อ่าน
เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แบรนด์ OMODA ได้จัดงานประชุมสุดยิ่งใหญ่ Chery International User summit 2023 เพื่อรวบรวมกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และโชว์ผลิตภัณฑ์ต่างๆนอกเหนือจากรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ OMODA และ JAECOO เพื่อเชื่อมโยงการใช้ชีวิตของผู้บริโภคให้เป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์
ทั้งนี้ในงานได้จัดให้สื่อมวลชนและกลุ่ม KOL ได้ทดลองขับและสัมผัสกับเทคโนโลยีของ OMODA 5 EV รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่เตรียมเปิดตัวในปีหน้าที่ประเทศไทย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่แสดงความสนใจในรถยนต์เพิ่มมากขึ้น การเล็งเห็นถึงความชอบของตนเองจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ยานยนต์ที่มุ่งมั่นในการบุกตลาดในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงขึ้น สำหรับกลุ่มวัยรุ่น รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์และรสนิยมของพวกเขาอีกด้วย ในฐานะแบรนด์ยานยนต์ระดับโลกที่เกิดขึ้นใหม่ OMODA เน้นทัศนคติที่เปิดกว้างกับกลุ่มประชากรอายุน้อยตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง รุ่นเปิดตัว OMODA 5 EV ตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นยุคใหม่อย่างชาญฉลาดผ่านสุนทรียภาพเหนือจริงและเทคโนโลยีล้ำหน้ามากมายที่ตอบสนองความต้องการในความเป็นเอกลักษณ์และความเป็นปัจเจกบุคคล OMODA 5 EV ยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบสุดพิเศษ "Light of Movement" หรือการเคลื่อนไหวแห่งแสง โดดเด่นด้วยสไตล์ที่ล้ำสมัยและไร้ขอบเขต ปรากฏเป็นชิ้นงานศิลปะที่เกิดจากแสงและเงา ห้องนักบินที่ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งเต็มไปด้วยหน้าจอแสดงผลที่สมจริง ช่วยสร้างความรู้สึกดื่มด่ำในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ใช้และผู้วิจารณ์สื่อจำนวนมากในงานทดสอบการขับขี่ต่างยกย่อง OMODA 5 EV ในเรื่อง "การออกแบบที่ล้ำสมัยและเหมาะกับคนรุ่นใหม่"
ในชื่อ "OMODA" ตัว "O" หมายถึงความประหลาดใจและความมีชีวิตชีวา และยังเป็นสัญลักษณ์ขององค์ประกอบสำคัญของชีวิตซึ่งก็คือออกซิเจน "MODA" มาจาก "Modern" หรือ "สมัยใหม่" ซึ่งหมายถึงเทรนด์แฟชั่นและเป็นตัวแทนของไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืนของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ซึ่งเป็นศูนย์รวมของความเขียวขจีในระบบนิเวศและสไตล์ที่ล้ำหน้า
มิติตัวถังและดีไซน์ภายนอก
ขนาด ยาว 4.4 เมตร กว้าง 1.82 เมตร และสูง 1.58 เมตร ฐานล้อขนาด 2.63 เมตร
Richard ผู้ออกแบบ OMODA 5 EV กล่าวว่า “EV มีภาษาการออกแบบใหม่ล่าสุด – Light of Movement ซึ่งเป็นความต่อเนื่องของ Art in Motion รุ่นก่อนหน้า โดยได้รับแรงบันดาลใจจากแสงแบบไดนามิกและเงาของฟ้าผ่าในธรรมชาติ” นักออกแบบได้จับภาพความงามแบบไดนามิกของสายฟ้าที่ตัดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนในธรรมชาติ และรวมไว้เป็นแรงบันดาลใจในรูปทรงของรถใหม่ ซึ่งมีความคมชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของแสงและเงา นำเสนอสุนทรียภาพที่ทันสมัยซึ่งอยู่เหนือความสมจริงและเป็นปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ ในฐานะที่เป็นรุ่นไฟฟ้าล้วน OMODA 5 EV แสดงรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปตัว “X” แบบสปอร์ตและประสิทธิภาพการลดแรงเสียดทานลมได้ดี ในขณะเดียวกัน รูปทรงของไฟหน้าก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจากรุ่นน้ำมันเช่นกัน ด้วยการรวมแถบไฟวิ่งกลางวันแบบ LED และแถบคิ้วชุบโครเมียมที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ไฟตัดหมอกรวมถึงสไตล์ของล้อและกันชนหน้าและหลังได้ทำการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อนำเสนอความสวยงามของเส้นสายในการไหลเวียนของอากาศ ทำให้โดยรวมแสดงถึงความรู้สึกพรีเมียมมากขึ้น
สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ตสอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งสามารถยกระดับความเร็วของรถไปสู่ระดับใหม่เพื่อสร้างแรงกระตุ้นทางสายตาและการแสดงออกทางสัญลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์ รองรับคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักในการแข่งรถ เช่นเดียวกับประสบการณ์การดริฟท์ในการขับขี่
1. OMODA 5 EV นำเสนอภาษาการออกแบบใหม่ล่าสุด นั่นคือ Light of Movement
ต่อยอดจาก Art in Motion ในรุ่นน้ำมัน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแสงและเงาแบบไดนามิกของสายฟ้าในธรรมชาติ"
2. มีไดนามิกของแสงและเงา เส้นสายของตัวรถ OMODA 5 EV มีความเฉียบคมและไดนามิก
3. ด้านหน้าทรงตัว "X" สไตล์สปอร์ต และต้านทานลมได้ดี
4. แถบไฟวิ่งกลางวันแบบ LED และแถบตกแต่งชุบโครเมียมที่กว้างขึ้น
5. สไตล์ของล้อและกันชนหน้าและหลัง ดีไซน์สปอร์ต
6. ล้อ 18 นิ้ว
7. มีไฟตัดหมอก
8. ด้านหลัง มีสปอยเลอร์แบบสปอร์ต
9. ไฟท้ายมาพร้อมแถบเส้นแนวตั้งบางๆ ฝังอยู่ ดูสปอร์ตและใส่ใจรายละเอียด
ภายใน
ภายในของ OMODA 5 EV มีหน้าจอ Duo Screen ขนาด 24.6 นิ้ว ที่ออกแบบอย่างไร้รอยต่อ เบาะนั่งแบบสปอร์ตพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศ รวมถึงมีระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ระบบปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางแบบ Co-pilot และติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซนพร้อมแผ่นกรองฟอกอากาศ PM 2.5 ไปจนถึงเครื่องเสียงยี่ห้อ Sony และไม่ต้องกังวลเรื่องความบันเทิงภายในรถ เพราะสามารถเชื่อมต่อ Apple Carplay หรือ Android ได้อัตโนมัติ รวมทั้งที่ชาร์จไร้สายที่จะทำให้ความบันเทิงของคุณไม่มีสะดุด
1. หน้าจอขนาด 24.6 นิ้ว ที่ออกแบบอย่างไร้รอยต่อ เป็น Duo screen แบบ Curve
2. เบาะนั่งแบบสปอร์ตพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศ มีระบบปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางแบบ Co-pilot
3. ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผ่นกรองฟอกอากาศ PM 2.5
4. เครื่องเสียงยี่ห้อ Sony
5. 50W wireless charging
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของ Omoda 5 EV ด้วยสถาปัตยกรรมตัวถังเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง คุณสมบัติช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ 17 รายการ และการรับรองระดับห้าดาวระดับโลก Omoda 5 EV รับประกันความปลอดภัยรอบด้านและความอุ่นใจขณะอยู่บนท้องถนน ได้แก่ ระบบตรวจจับมุมอับสายตา ระบบควบคุมเลน ระบบช่วยขับขณะรถติด ระบบตรวจจับสมาธิของคนขับ ถุงลมนิรภัยรอบด้าน กล้องมองหลังและเซนเซอร์รอบคัน นอกจากนี้ การโต้ตอบด้วยภาพ HMI5.0 มอบประสบการณ์ทางเทคโนโลยีที่ดื่มด่ำอย่างเต็มที่ ในขณะที่ฟังก์ชันการตรวจสอบความล้ารับประกันความปลอดภัยในการขับขี่ มีโหมดให้เลือกถึง 10 โหมด ได้แก่ แคมป์ปิ้ง ประหยัดพลังงาน Sobering วอร์มอัพ ทำความเย็น ต้อนรับ คาราโอเกะ หมอกควัน สัตว์เลี้ยง และการสตาร์ท การันตีด้วยรางวัล EURO NCAP ระดับ 5 ดาว
แบตเตอรี่ของรถ
Omoda 5 EV ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี EIC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของยานพาหนะได้อย่างมาก การใช้พลังงานต่ำมากเพียง 15kWh ต่อ 100 กม. และอายุการใช้งานยาวนานถึง 510 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ NEDC. ช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางได้โดยไม่จำเป็นต้องชาร์จบ่อยๆ ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็วทำให้แบตเตอรี่ของ Omoda 5 EV สามารถชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 35 นาที Omoda 5 EV ยังมีเทคโนโลยี V2L ซึ่งทำให้มีพลังงานไฟฟ้าพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา และอำนวยความสะดวกต่อความต้องการพลังงานไฟฟ้าของผู้ใช้
1. มีกำลัง 61 kWh
2. เดินทางได้ไกล 510 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ NEDC (วิ่งจริง 450 km)
3. ชาร์จเร็ว (DC) กำลัง 80 kW จะใช้เวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น (30-80%)
สมรรถนะ
1. กำลัง 204 แรงม้า
2. แรงบิดที่ 340 นิวตันเมตร
3. ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ประมาณ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
4. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 7.8 วินาที
ด้วยคุณสมบัติที่ล้ำสมัยเหล่านี้ Omoda 5 EV จึงพร้อมจะเป็นผู้นำแห่งการเดินทางแห่งอนาคต การเปิดตัวที่กำลังจะเกิดขึ้นจะกำหนดเทรนด์พลังงานใหม่และรับประกันอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นด้วยการปกป้องสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com