LEXUS เปิดตัวคอนเซปต์รถยนต์ BEV เจเนอเรชันใหม่และวิสัยทัศน์ด้านอนาคตแห่งการขับเคลื่อนในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023

  • โดย : PR Autodeft
  • 27 ต.ค. 66 14:23
  • 1,775 อ่าน

ระหว่างการแถลงเปิดบูธ ภายในงาน Japan Mobility Show 2023 เลกซัสเปิดตัวคอนเซปต์โมเดลหลายรุ่นภายใต้แนวคิด "ก้าวข้ามขีดจำกัดของประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟ้า" โดยเลกซัสมุ่งเน้นการมองภาพความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับการขับเคลื่อนด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ภายในบูธของเลกซัส มีการจัดแสดง LF-ZC คอนเซปต์คาร์ BEV เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งมีกำหนดออกจำหน่ายพ.ศ. 2569 พร้อมด้วย LF-ZL คอนเซปต์โมเดล BEV อันโดดเด่น สะท้อนภาพรวมอนาคตของแบรนด์เลกซัส  

 

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2532 เลกซัสได้ก้าวข้ามขีดจำกัดมากมายในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยท้าทายแนวคิดทั่วไปในด้านความหรูหรา และนำเสนอผลิตภัณฑ์ รวมถึงประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่หรูหราแห่งวงการยานยนต์ จากความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เลกซัสมุ่งใช้ความคิดสร้างสรรค์และใส่ใจในรายละเอียด ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่เหนือทุกความคาดหมาย

เลกซัสมุ่งมั่นสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าภายในปีพ.ศ. 2578 โดยจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในส่วนของสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ขั้นเป็นพื้นฐานตัวรถ ผ่านโครงสร้างโมดูลาร์แบบใหม่ มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย และการบูรณาการแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ใหม่ๆ อย่างสมบูรณ์แบบ

การแนะนำคอนเซปต์คาร์ LF-ZC (Lexus Future Zero-emission Catalyst) ในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เลกซัส BEV เจเนอเรชันใหม่ที่มีกำหนดออกจำหน่ายในตลาดในพ.ศ. 2569 เลกซัสมุ่งหวังให้ชื่อของรถรุ่นนี้เป็นดังตัวเร่ง เพื่อนำไปสู่ประสบการณ์ใหม่ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่มอบพลวัตด้านการขับขี่ที่สูงขึ้น มาพร้อมการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด และบริการพิเศษใหม่ๆ อันเป็นบทสรุปของแบรนด์เลกซัส ที่มุ่งสร้างยนตรกรรมที่ยกระดับชีวิตของลูกค้าผู้มีวิสัยทัศน์

 

คอนเซปต์คาร์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV อีกหนึ่งรุ่น คือ LF-ZC (Lexus Future Zero-emission Catalyst) นำเสนอภาพรวมของอนาคตที่การขับเคลื่อน ผู้คน และสังคมเชื่อมโยงเข้าหากันอย่างราบรื่น อีกทั้งยังสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับรถยนต์อย่างเหนือชั้น ผ่านการมอบประสบการณ์การขับขี่แบบเฉพาะบุคคล มีการเก็บข้อมูลจากพฤติกรรมและให้คำแนะนำได้อย่างต่อเนื่อง รถรุ่นเรือธงแห่งอนาคตนี้ มุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์แบบหรูหราที่ยั่งยืนและไม่ต้องรู้สึกผิด ช่วยให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้ตามความต้องการและความพึงพอใจ ขณะเดียวกันก็มีส่วนในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยรวมในเชิงบวก

LF-ZC คอนเซปต์ BEV เจเนอเรชันใหม่ กำหนดผลิตจริงในปี 2569

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เลกซัสได้รักษาคำมั่นสัญญา ที่จะมอบการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส ด้วยเทคโนโลยีการใช้พลังงานไฟฟ้า เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหมือนงานฝีมือชิ้นพิเศษผ่านรถยนต์ BEV โดยผลิตให้เป็นรถยนต์ที่ผสมผสานทั้งด้านการใช้งานและความสวยงามเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จากวิสัยทัศน์ดังกล่าว LF-ZC จะเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางในยุคพลังงานไฟฟ้า ความโดดเด่นของ LF-ZC มาจากรูปทรงที่โฉบเฉี่ยว มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ห้องโดยสารกว้างขวาง และการออกแบบที่เข้าถึงอารมณ์ ผสมผสานทั้งฟังก์ชันการทำงานและสุนทรียภาพแบบไร้รอยต่อ

BEV เจเนอเรชันใหม่ของเลกซัสจะพัฒนาไปเป็นยานยนต์ที่มีความอเนกประสงค์มากขึ้นด้วยการลดจำนวนส่วนประกอบหลักให้เหลือน้อยที่สุด ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่ โดย LF-ZC จะมีพลวัตการขับขี่ที่น่าดึงดูดและเร้าใจ เสมือนผู้ขับขี่และรถยนต์รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้จุดเด่นของ BEV และเทคโนโลยีที่ต่อยอดจาก Lexus RZ เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ DIRECT4 ที่ให้การควบคุมแรงขับเคลื่อนเป็นไปอย่างราบรื่น และระบบ Steer-by-Wire ที่มอบความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวที่ราบลื่น

พื้นที่ค็อกพิธอัจฉริยะแบบดิจิทัล มีฟังก์ชันการทำงานตามสถานการณ์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงฟังก์ชันที่เหมาะสมได้ตามความต้องการ จึงเป็นอินเทอร์เฟซการควบคุมที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่ดื่มด่ำกว่าที่เคย การบูรณาการอินเทอร์เฟซ “Arene OS” แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ใหม่ จะช่วยให้ผู้ใช้อัปเดตฟังก์ชันต่างๆ ได้ในทุกการเปลี่ยนแปลง รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและข้อมูลมัลติมีเดีย สำหรับประสบการณ์การขับขี่เฉพาะบุคคล รถยนต์คันนี้จะเป็นคู่หูคู่แท้ของลูกค้า โดยลูกค้าสามารถปรับแต่งคุณสมบัติด้านสมรรถนะขั้นพื้นฐานได้ เช่น การเร่งความเร็วและการควบคุมรถตามความต้องการของผู้ขับขี่ ผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อซอฟต์แวร์นี้อยู่

นอกจากนี้ ระบบจดจำเสียงเจเนอเรชันใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การบริการที่เหมือนกับได้สนทนากับผู้ช่วยส่วนบุคคล ทีเอาใจใส่และช่วยเหลือเป็นอย่างดี มีการตอบสนองต่อคำสั่งเสียงและให้คำแนะนำอย่างรวดเร็ว รถคันนี้มีคุณสมบัติการนำทาที่เหนือกว่าแบบเดิมๆ โดยให้คำแนะนำเส้นทางและโหมดการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่ได้ ผ่านการประมวลผลกิจกรรมและอารมณ์ของผู้ขับขี่ในแต่ละวัน

การใช้คอนเซปต์ Bamboo CMF (สี วัสดุ พื้นผิว) ภายในห้องโดยสาร สะท้อนถึงความพยายามเพื่อสร้างความยั่งยืนอันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียน ในขณะเดียวกันก็มอบคุณค่าจากประสบการณ์ที่สดใหม่ให้แก่ลูกค้าผ่านการออกแบบภายในที่ล้ำสมัย จากทิศทางดังกล่าว เลกซัสกำลังศึกษาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการนำเทคโนโลยีมาใช้กับวัสดุแบบดั้งเดิม ซึ่งผสานหลักการสองประการ ทั้งด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสังคม และการออกแบบที่หรูหรา

เอกลักษณ์การออกแบบภายนอกแบบฉบับ BEV ผสมผสานสมรรถนะที่เร้าใจกับรูปลักษณ์แห่งอนาคต

ธีมในการออกแบบที่ "เรียบง่ายแต่เร้าใจ" สะท้อนวิวัฒนาการของอัตลักษณ์เฉพาะแบบฉบับเลกซัส โดดเด่นด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและประณีต ทีมออกแบบให้ความสำคัญกับหลักอากาศพลศาสตร์และการรวมองค์ประกอบการทำงานกับโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของ BEV เพื่อให้ได้รูปทรงตัวรถที่กะทัดรัด สะดุดตา พร้อมจุดศูนย์ถ่วงต่ำ บ่งบอกถึงประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น ด้วยการออกแบบรูปทรงเพรียวบางที่ทอดยาวจากฝากระโปรงต่ำและปรับห้องโดยสารให้เรียวลงไปทางด้านหลัง ทำให้เห็นคิ้วล้อหลังที่โดดเด่น ช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์กับมิติความกว้างของตัวรถ

 

การออกแบบตัวรถแบบ Spindle body ขยายเลยส่วนหน้ารถออกไปและต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อไปจนถึงด้านข้างประตูและกันชนหลัง เป็นสัญลักษณ์ของวิวัฒนาการที่ครบครัน ทั้งในแง่ฟังก์ชันการใช้งานและการออกแบบผ่านการใช้พลังงานไฟฟ้า ฟังก์ชั่นการใช้งานถูกเปลี่ยนให้เป็นคุณสมบัติการออกแบบที่โดดเด่น โดยการผสานองค์ประกอบทางอากาศพลศาสตร์ เช่น ช่องลมเข้าและช่องลมออก ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของรถ น่าดึงดูดและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยยังคงความสวยงามและประสิทธิภาพไว้ได้

 

พื้นที่ค็อกพิธอัจฉริยะแบบดิจิทัลและภายในที่กว้าง จากสถาปัตยกรรม BEV ใหม่ 

ตำแหน่งผู้โดยสารด้านหน้า จัดวางในระดับลาดต่ำไปด้านหน้า สร้างความรู้สึกกว้างขวางภายในห้องโดยสาร พื้นตัวรถที่เรียบสนิทและหลังคาแบบพาโนรามา ช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะ ส่งผลให้การออกแบบภายในโล่งกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งไม่อาจตัดสินได้จากเพียงรูปทรงตัวรถ

 

ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ที่เคยกระจายทั่วพื้นที่ค็อกพิธ ถูกรวมเข้าไว้ในแผงดิจิตอลที่อยู่ในระยะเอื้อมมือถึง แผงดิจิตอลด้านซ้าย จะเป็นส่วนควบคุมสำหรับฟังก์ชั่นต่างๆ ของรถ เช่น การเปลี่ยนเกียร์ ADAS การเลือกโหมดขับเคลื่อน ส่วนด้านขวา เป็นคุณสมบัติด้านความสะดวกสบาย เช่น ดนตรี ระบบควบคุมสภาพอากาศ โทรศัพท์ และฟังก์ชัน AI  เพื่อการใช้งานที่ง่ายและเป็นธรรมชาติ มุ่งให้ผู้ขับขี่ “ใช้สายตาจดจ่อกับถนน” ด้วยการวางจอมาตรวัดที่แสดงผลข้อมูลมายังกระจกหน้ารถ ไว้ด้านหลัง ซึ่งเป็นคอนเซปต์เดียวกันกับ HUD นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งกระจกดิจิตอลไว้ที่ทั้งสองด้านของตัวรถด้วย ด้วยการแสดงสภาพรอบตัวรถ การปรับทั้งจุดดึงดูดสายจาของผู้ขับขี่ จุดสนใต และการเคลื่อนไหวของศีรษะ ให้น้อยลง ทำให้ได้มุมมองตรงพื้นที่ ค็อกพิธที่ไม่มีอะไรบดบัง ช่วยเพิ่มสมาธิขณะขับขี่

 

จอภาพที่กว้างขวางทางฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ าทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดที่สามารถตั้งโปรแกรมได้แบบขั้นสูง เพื่อความบันเทิงและการใช้งานที่หลากหลาย ขยายโอกาสการการขับเคลื่อนสำหรับอนาคต

คอนเซปต์ BAMBOO CMF นวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่ค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียนด้วยเทคโนโลยี

จากปรัชญาด้านความยั่งยืนของเลกซัส ไม้ไผ่ถูกเลือกให้เป็นวัสดุอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่จะช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการลด การใช้ซ้ำ และเกิดกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งนี้ ไม้ไผ่สะท้อนให้เห็นความสมดุล ระหว่างการเติบโตที่รวดเร็ว ความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยสำคัญ และความงดงามที่ยั่งยืน ดังที่ไม้ไผ่มีบทบาทในงานก่อสร้างและงานฝีมือของญี่ปุ่นมานานหลายศตวรรษ การนำไม้ไผ่มาใช้ในการออกแบบรถยนต์ BEV เจเนอเรชันใหม่โดยใช้เทคนิคต่างๆ ช่วยยกระดับรถยนต์ไฟฟ้าไปสู่อีกขั้นของความหรูหราและความสวยงาม โดยเป็นคุณสมบัติที่ครบครันทั้งความสวยงามและการใช้งานได้จริง องค์ประกอบที่ผสมผสานเส้นใยไม้ไผ่และผ้าที่ทอด้วยด้ายไม้ไผ่จะพาทุกคนเปิดประตูสู่ประสบการณ์อันน่าหลงใหลเวลาที่มันกระทบกับแสง

 

คุณสมบัติการขับขี่ที่เหนือชั้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ BEV และคุณสมบัติการปรับแต่งได้หลากหลาย จะสร้างสรรค์รถยนต์ที่เข้ากับแต่ละบุคคลได้อย่างแท้จริง

ด้วยระบบส่งกำลังขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้นของ BEV ผสานรูปทรงที่สวยงามซึ่งมาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สูงตามหลักอากาศพลศาสตร์ รถรุ่นนี้ตั้งเป้าค่า Cd (ค่าแรงเสียดทานอากาศ) ไว้ที่ประมาณ 0.2 ฝากระโปรงและฝาครอบที่ต่ำทำให้ขอบเขตการมองเห็นจากพื้นที่ค็อกพิธกว้างไกลขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจดจ่อกับถนนได้อย่างเต็มที่

 

LF-ZC มีเป้าหมายที่จะเพิ่มระยะวิ่งให้ได้มากกว่า BEV ทั่วไปประมาณสองเท่า ด้วยการใช้แบตเตอรี่แบบแท่งปริซึมเจเนอเรชันใหม่ประสิทธิภาพสูง บรรเทาความกังวลเด้านระยะทางในการขับขี่ และเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ให้กับลูกค้าในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองไปจนถึงการเดินทางทางระยะไกล

 

ระบบ "Butler" ซึ่งเป็นระบบจดจำเสียงเจเนอเรชันใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง ประมวลผลผ่านฟังก์ชันการเรียนรู้ด้วยตนเองในการปรับแต่งซอฟต์แวร์ และตั้งค่าการขับขี่แบบส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติสำหรับทุกการขับขี่  ระบบ "Butler" มุ่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ส่วนบุคคลที่ดียิ่งขึ้น ผ่านการประมวลผลของจำนวนข้อมูลการขับขี่ที่ดียิ่งกว่า โดยเป็นมากกว่าแค่การทำความเข้าใจลักษณะของลูกค้าและให้คำแนะนำตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ยังช่วยสร้างคุณค่าจากประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยการระบุความชอบที่ตัวลูกค้าเองก็อาจจะไม่ทราบ

 

ระบบปฏิบัติการ Arene ใหม่ จะช่วยมอบประสบการณ์ของพลวัตการขับขี่รถยนต์ ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยรถยนต์เพียงคันเดียว สามารถใช้จำลองการทำงานของรถ ลักษณะการขับขี่ เสียง และการสั่นสะเทือนต่างๆ ที่เหมาะกับความชอบส่วนบุคคลได้ การผสมผสานกันของ Steer-by-Wire และการอัพเดทซอฟท์แวร์ โดยดาวน์โหลดข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์หรือ Wi-Fi หรือ ผ่าน OTA (Over The Air Update) จะทำให้เลกซัสสามารถนำการตั้งค่ารถยนต์จากพื้นที่เสมือนจริงมาใช้งานจริง นอกจากนั้น ลูกค้ายังสามารถมีส่วนร่วมใน eSports ผ่านเทคโนโลยี Steer-by-Wire ภายในรถยนต์ ด้วยการตั้งค่าในแบบที่ต้องการผ่านการอัปเดต OTA เพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่จริง นอกจากนี้ การอัปเดต OTA จะช่วยให้รถยนต์ได้เติบโตไปพร้อมกับลูกค้า ตอกย้ำประสบการณ์ในการครอบครองที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

 

เทคโนโลยีด้านการผลิตเจเนอเรชันใหม่

BEV เจเนอเรชันใหม่ของเลกซัส จะมีโครงสร้างโมดูลาร์ใหม่ ด้วยการใช้กระบวนการหล่อแบบ gigacasting ซึ่งแบ่งตัวถังออกเป็นสามส่วนคือ ด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลัง การหล่อทำให้มีอิสระในรูปทรงมากขึ้น ในขณะที่การรวมชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวรถ เพื่อสร้างพลวัตของรถยนต์ที่ราบลื่นและแบบธรรมชาติ การวางตำแหน่งแบตเตอรี่ไว้ที่ส่วนกลางของตัวรถ ทำให้มั่นใจได้ว่า ด้านหน้าและด้านหลังยังคงเป็นอิสระในเชิงโครงสร้าง ทำให้สามารถบูรณาการการพัฒนาแบตเตอรี่เข้ากับตัวรถได้อย่างรวดเร็ว และช่วยส่งเสริมการพัฒนาในอนาคตที่มีความคล่องตัวมากขึ้น
 

กระบวนการผลิตจะมีสายการประกอบรถยนต์แบบไม่ใช้มนุษย์ควบคุม ซึ่งตัวรถสามารถเคลื่อนตัวไปยังขั้นตอนการประกอบถัดไปได้โดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้รถเคลื่อนที่ได้เองโดยใช้แค่แบตเตอรี่ มอเตอร์ ยางรถยนต์ และส่วนประกอบขั้วต่อไร้สายที่ด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลังเท่านั้น การกำจัดสายพานลำเลียงออกจากสายการผลิต ช่วยเพิ่ความยืดหยุ่นในการวางแผนผังโรงงานใหม่ ตามความจำเป็น ทั้งช่วยลดระยะเวลาของขั้นตอนการเตรียมการผลิต และลดต้นทุนการลงทุนในโรงงานลงได้อย่างมาก ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของด้านธุรกิจ
 

ทั้ง LF-ZC และ BEV เจเนอเรชันใหม่รุ่นอื่นๆ จะใช้แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่มีความล้ำสมัย โครงสร้างแบตเตอรี่แบบแท่งปริซึมมีการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อเพิ่มระยะขับขี่โดยปรับปรุงการบูรณาการหลักอากาศพลศาสตร์กับการลดน้ำหนัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์และเสริมการทำงานของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่มีรูปทรงเตี้ยจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบรถยนต์ ทำให้มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อพลวัตการขับขี่ที่ดีขึ้น การลดความซับซ้อนและกระชับโครงสร้างแบตเตอรี่ก็ยังช่วยให้ความหนาแน่นของพลังงานสูงได้ด้วย ช่วยเพิ่มจำนวนพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนตัวรถยนต์ได้มากยิ่งขึ้น

 

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญของ LF-ZC

ความยาวทั้งคัน

4750 มม.

ความกว้างทั้งคัน

1880 มม.

ความสูงทั้งคัน

1390 มม.

ฐานล้อ

2890 มม.

ค่า Cd

ต่ำกว่า 0.2 (ค่าเป้าหมาย)

*1 แสดงค่าข้อมูลจำเพาะของยานรถยนต์

 

คอนเซปต์ BEV รุ่นเรือธง “LF-ZL” กับวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

LF-ZL เป็นตัวแทนของรถลักชัวรีรุ่นเรือธงในอนาคตของเลกซัส มีเป้าหมายเพื่อมอบความภาคภูมิใจในการครอบครอง ที่มากกว่าแค่การเป็นรถยนต์ พัฒนาขึ้นด้วยนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรม BEV เจเนอเรชันใหม่และการพัฒนาของซอฟต์แวร์จากระบบปฏิบัติการ Arene ใหม่ ห้องโดยสารที่กว้างขวางและดูสงบ จากความเป็นอิสระของรูปทรงเฉพาะแบบรถ BEV และการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่ภายใน ทำให้ เทคโนโลยีมีส่วนช่วยยกระดับจิตวิญญาณแห่งการบริการ (Omotenashi) แบบดั้งเดิม และนำไปสู่ประสบการณ์การขับเคลื่อนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

เลกซัสได้สร้างการบูรณาการข้อมูลขั้นสูง ที่เรียนรู้และคาดการณ์ความต้องการของผู้ขับขี่ ด้วยการควบคุมความสามารถเต็มรูปแบบของระบบปฏิบัติการ Arene ใหม่ ช่วยสร้างประสบการณ์การขับเคลื่อนแบบเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ ยังสร้างคุณค่าเชิงประสบการณ์ใหม่ ด้วยการเพิ่มการโต้ตอบกับโครงสร้างพื้นฐานและบริการทางสังคมที่หลากหลาย เซ็นเซอร์ภายในรถจะทำงานร่วมกับข้อมูลดิจิทัลจากบริเวณโดยรอบผ่าน "Interactive Reality in Motion*"* เมื่อผู้ขับขี่เคลื่อนที่ไปยังวัตถุหรือสถานที่ที่น่าสนใจในระหว่างการเดินทาง จอแสดงผลบนรถจะแสดงข้อมูลพร้อมคำแนะนำด้วยเสียงทันที ช่วยให้รถสามารถขยายการเชื่อมต่อระหว่างคนในรถกับสภาพแวดล้อมได้

นอกจากนี้ การใช้ Big data ยังช่วยในการวางแผนเพื่อเติมพลังงานไฟฟ้าและสำรองแหล่งจ่ายไฟ  ให้รถสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้อย่างราบรื่น และกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมในขณะที่จอดอยู่ แนวทางนี้ช่วยส่งเสริมการบูรณาการโซลูชั่นการขับเคลื่อนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ

**คอนเซปต์สำหรับแพลตฟอร์มประสบการณ์ความเป็นจริงเชิงโต้ตอบ มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่รถเก็บไว้เข้ากับข้อมูลดิจิทัลที่มาจากบริเวณโดยรอบ ด้วยการรวมข้อมูลจากแผนที่และกล้องติดรถยนต์ร่วมกับการใช้ฟังก์ชัน Al Chat รวมถึงการจดจำเสียงและท่าทางในรถยนต์

 

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญของ LF-ZL***

ความยาวทั้งคัน

5300 มม.

ความกว้างทั้งคัน

2020 มม.

ความสูงทั้งคัน

1700 มม.

ฐานล้อ

3350 มม.

 *** ตัวเลขของค่าประมาณการที่เหมาะสม

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ