รู้จักเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid เทคโนโลยีอัจฉริยะเอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD ที่ทำให้ “รถปลั๊กอินไฮบริด” มอบประสบการณ์ขับขี่ได้เสมือนรถ EV

  • โดย : PR Autodeft
  • 12 มิ.ย. 67
  • 1,316 อ่าน

ระยะหลังมานี้ผู้เล่นในตลาดยานยนต์ประเทศไทยนำเสนอรถยนต์หลากหลายประเภทเพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคกันมากขึ้น และหนึ่งในยนตรกรรมที่ยังคงได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อยก็คือรถยนต์ประเภท PHEV (Plug-in Hybrid) หรือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยการผสานขุมพลังที่สร้างจากไฟฟ้าร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเอง โดย BYD ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ได้เผยโฉมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่จะเข้าสู่ตลาดยานยนต์ไทยไปในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมา นำร่องโดย BYD SEALION 6 DM-i เอสยูวีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด 1.5 ลิตร ที่ใช้แพลตฟอร์ม DM-i เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD ที่ทำให้รถยนต์ PHEV มอบประสบการณ์ขับขี่ได้เสมือนรถยนต์ไฟฟ้า

แต่ DM-i คืออะไร และมีความแตกต่างจากเทคโนโลยีไฮบริดอื่นๆ อย่างไร วันนี้เราจะพามาเจาะลึกถึงเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ไปพร้อมกัน
DM–i Super Hybrid เทคโนโลยีขับเคลื่อนยานยนต์ที่ใช้ขุมพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์เป็นหลัก 
เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid เป็นเทคโนโลยีระบบพลังงานและชุดควบคุมการทำงานของรถยนต์ประเภท PHEV เอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BYD โดยอักษรย่อ “DM” หมายถึง “Dual Mode” หรือระบบการทำงานที่ประสานขุมพลัง 2 รูปแบบ คือมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ส่วนอักษร “i” ย่อมาจากคำว่า “Intelligent" หรือเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผสานการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างลงตัว

สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid โดดเด่นเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ คือ เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาภายใต้การขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก (Electricity-based) โดยหลักการคือจะใช้ขุมกำลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถรองรับการสร้างพลังงานด้วยการชาร์จไฟทั้งในรูปแบบกระแสตรง DC และ การแสสลับ AC จากภายนอก ซึ่งหากยังไม่เพียงพอในการใช้งานในชีวิตประจำวัน การสร้างพลังงานจากเครื่องยนต์ก็จะเป็นส่วนเสริมในการสร้างพลังงานหลักเพื่อการขับเคลื่อนให้กับ “มอเตอร์ไฟฟ้า” และเมื่อต้องการสร้างพลังงานสูงสุดเพื่อการขับเคลื่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพ “เครื่องยนต์” จะสร้างพลังงานเสริมการขับขี่ เช่น การเร่งความเร็วกะทันหัน การแซง การขึ้นเนินสูง การขับขี่ทางไกลที่ใช้ความเร็วคงที่  เป็นต้น 
ดังนั้นส่วนสำคัญของเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid คือ แพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับการใช้เชื้อเพลิงพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และมากกว่านั้นก็ยังพัฒนาเพื่อให้รถยนต์มีการปล่อยมลภาวะให้น้อยที่สุด กล่าวคือ ทุกๆ มลภาวะที่ปล่อยออกมาจะต้องมีอย่างจำกัดและถูกปล่อยออกมาเพื่อการใช้งานมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเปรียบเสมือนการขับเคลื่อนที่เสมือนรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด ซึ่งการขับเคลื่อนจะมีการส่งกำลังนิ่งเรียบและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและต่อเนื่องตลอดเส้นทาง
 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ