บริดจสโตน ฉลองชัยชนะทีมผู้คว้าชัยในการแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยี ENLITEN®
- โดย : PR Autodeft
- 23 พ.ย. 66 17:01
- 1,627 อ่าน
บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น ฉลองความสำเร็จในการแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge (BWSC) พร้อมเปิดตัวการนำเทคโนโลยี ENLITEN® มาใช้ในการแข่งขัน ตอกย้ำศักยภาพอันแข็งแกร่งด้วยการสนับสนุนทีม Innoptus Solar Team ผู้ชนะเลิศในคลาส Challenger และทีม Sunswift Racing ผู้ชนะเลิศในคลาส Cruiser
บริดจสโตนร่วมกับองค์กร South Australian Motor Sport Board (SAMSB) ซึ่งเป็นทีมผู้จัดการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ฉลองชัยชนะแก่ทีมที่ชนะในคลาสการแข่งขัน รวมถึงมอบรางวัล Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) ที่มีขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อชื่นชมทีมตัวอย่างที่สะท้อนคุณค่า Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) ในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ทีมที่ชนะเลิศในคลาส Challenger: คุณ Cedric Verlinden หัวหน้าทีม “Innoptus Solar Team” (ประเทศเบลเยียม) กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องบอกว่ามันเยี่ยมมากที่ทีมเราได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ และอยู่ในกลุ่มคนที่ให้ความสนใจเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงชนะเลิศในการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ถึงสองครั้งติดต่อกัน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีที่เราได้ขับขี่ด้วยยางรถยนต์ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงในระยะทาง 3,000 กิโลเมตร และแม้ว่าเราต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ทุกวัน แต่เราก็ไม่พบความเสียหายใดๆ บนตัวยางรถยนต์นั้น เรารู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริดจสโตนในการใช้ยางรถยนต์เหล่านี้”
ทีมที่ชนะเลิศในคลาส Cruiser: คุณ Andrea Holden หัวหน้าทีม “Sunswift Racing” (ประเทศออสเตรเลีย) กล่าวว่า “ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่ทีมได้ค้นพบศักยภาพที่ทำให้เราชนะการแข่งขันรายการนี้ เพราะเป็นเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก ครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันรายการที่ท้าทายและ Bridgestone World Solar Challenge ก็เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเรารู้สึกดีใจที่ทีมออสเตรเลียได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ และเรายังคงเดินหน้าแสดงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบต่อไป โดยยางรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี ENLITEN® ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ครั้งนี้เราไม่ได้เปลี่ยนยางรถยนต์เลยจนถึงระยะทาง 1,500 กิโลเมตร แต่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ด้วยระยะทางที่กำหนดไว้ แม้ว่าจะไม่เจอความเสียหายบนยางรถยนต์ก็ตาม”
ทีมที่ชนะเลิศรางวัล Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน): คุณ Matt Jennings หัวหน้าทีมรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ “ASCEND” จากมหาวิทยาลัย Deakin ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า “เป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม ผมรู้สึกหลงใหลเรื่องความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน เราจึงต้องมองหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เรารักบริดจสโตนที่ได้นำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียน นำกลับมาใช้ใหม่ด้วยเทคโนโลยี ENLITEN® และภูมิใจว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำมาตลอดได้รับการชื่นชมจากบริดจสโตน และทำให้เรามุ่งสู่เส้นทางด้านวิศวกรรมอย่างถูกต้อง”
บริดจสโตนสานต่อการครบรอบ 60 ปี ในวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งบริษัทกำลังมุ่งมั่นสนับสนุนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตโดยกำหนดให้ความยั่งยืนเป็นแกนหลัก พร้อมพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยียางรถยนต์ผ่านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตเช่นเดียวกัน การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ไม่เพียงเป็นกิจกรรมที่สำคัญสำหรับบริดจสโตนในฐานะผู้สนับสนุนหลักเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่แสดงถึงความท้าทายในการนำเสนอเทคโนโลยียางรถยนต์ที่ยั่งยืนของเราเสมือนกับ “รถโมบายแล็บ (mobile lab)” นอกจากนี้บริดจสโตนยังรับฟังความต้องการของทีมผู้เข้าแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge และเข้าใจถึงเงื่อนไขของการแข่งขันเพื่อนำมาพัฒนายางรถยนต์ให้คงทนต่อการเดินทางในเขตชนบทด้วยระยะทางรวม 3,000 กิโลเมตร ซึ่งช่วยให้รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์แต่ละคันดึงสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีออกมาในขณะเดียวกันก็ยังมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย บริดจสโตนยังคงสนับสนุนการแข่งขันรายการดังกล่าวเพื่อพัฒนาความยั่งยืนร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พร้อมร่วมมือขับเคลื่อนนวัตกรรมและถ่ายทอดความตื่นเต้นเร้าใจและความหลงใหลในการแข่งขันนี้ นอกจากนี้เรายังส่งมอบความมุ่งมั่นซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จให้กับทีมผู้เข้าแข่งขันเพื่อเปิดรับความท้าทายขั้นสุดและยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พวกเขาด้วย
ในโอกาสนี้บริดจสโตนได้พัฒนายางรถยนต์ใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะและมาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN® เพื่อใช้สำหรับการแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีใหม่ของบริษัทในการออกแบบยางรถยนต์ โดย ENLITEN® จะช่วยยกระดับให้กับยางรถยนต์ด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในขณะเดียวกันก็ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้กับลูกค้าและตอบโจทย์ตามความต้องการของตลาดในด้านสมรรถนะของยางรถยนต์ นับเป็นครั้งแรกที่นำเทคโนโลยี ENLITEN® มาใช้ในกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตผ่านการแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge
คุณ Masahiro Higashi เจ้าหน้าที่บริหาร/กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการร่วมระดับโลก บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น กล่าวในพิธีมอบรางวัลในการแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge ว่า“การแข่งขันรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge เป็นการรวมตัวกันของหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นทีมผู้จัดงาน คณะอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ทีมผู้เข้าแข่งขัน เหล่าอาสาสมัคร และผู้สนับสนุนจากทั่วโลกซึ่งล้วนมีความตระหนักเป็นอย่างดียิ่งในเรื่องความยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการรวมตัวกันเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ความท้าทายพร้อมร่วมกันผลักดันนวัตกรรมเพื่ออนาคตของการเดินทางให้ดียิ่งขึ้น ทีมงานของเราเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ทุ่มเท และมุ่งมั่นเพื่อเอาชนะความท้าทายและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ผมสามารถจินตนาการได้ถึงความสำเร็จที่จะตามมา เช่นเดียวกับความล้มเหลว ความสุข และความยากลำบากซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเบื้องหลังของการเดินทางมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ความมุ่งมั่นและทุ่มเทของทุกคนในการก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีคือสิ่งที่จะขับเคลื่อนอนาคตของการเดินทางในวันพรุ่งนี้ต่อไป พวกคุณกำลังสร้างสรรค์อนาคตของการเดินทางที่ยั่งยืน บริดจสโตนรู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้ร่วมและเป็นส่วนหนึ่งกับทีมผู้ชนะเลิศเพื่อสร้างอนาคตของการเดินทางร่วมกันในฐานะผู้สนับสนุนหลัก”
ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN® สำหรับการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทีมผู้เข้าแข่งขันให้ใช้งานอย่างเต็มสมรรถนะบนเส้นทางสุดท้าทายระยะทางรวม 3,000 กิโลเมตร ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยลดความต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ ทำให้ยางรถยนต์มีน้ำหนักเบา และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน ทั้งนี้บริดจสโตนพัฒนายางรถยนต์มาโดยเฉพาะตามความต้องการของทีมผู้เข้าแข่งขันเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีใหม่อย่าง ENLITEN® และประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของยางรถยนต์ ซึ่งยางรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งรายการ 2023 Bridgestone World Solar Challenge ยังพัฒนาด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ถึง 63% เมื่อเทียบกับการแข่งขันรายการ 2019 Bridgestone World Solar Challenge มีประมาณ 30%
คุณ Masato Banno รองผู้อำนวยการอาวุโสและเจ้าหน้าที่บริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีแก่ทีมผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดซึ่งสามารถก้าวข้ามสถานการณ์ความท้าทายจากเมืองดาร์วินสู่เมืองแอดิเลด และในฐานะผู้สนับสนุนหลักผมมีความสุขที่ทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง ผมรู้สึกดีใจที่เทคโนโลยี ENLITEN® ในยางรถยนต์ของเราซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge ได้ส่งมอบสมรรถนะที่ทรงพลัง ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยลดความต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน และเช่นเดียวกันเรายังได้รับการตอบรับที่ดีจากทีมผู้เข้าแข่งขัน สำหรับบริดจสโตนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต เสมือนกับ “รถโมบายแล็บ (mobile lab)” และยังเป็นที่ให้เราพัฒนาและฝึกอบรมทีมงานของเราให้มั่นใจถึงความปลอดภัย พัฒนาประสิทธิภาพทางเทคโนโลยี และยกระดับแบรนด์ของเรา นอกจากนี้เราจะร่วมกับวิศวกรรุ่นใหม่เพื่อพัฒนายางรถยนต์สมรรถนะสูงไปอีกขั้นสำหรับการจัดการแข่งครั้งต่อไป”
ด้วยการกำหนดให้ความยั่งยืนเป็นแกนหลักในการบริหารและการดำเนินธุรกิจ บริดจสโตนมุ่งมั่นส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืนภายในปี ค.ศ. 2050 การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge มีบทบาทสำคัญในการเดินทางครั้งนี้ซึ่งเป็นการรวมตัวกันระหว่างกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตและโซลูชั่นเพื่อความยั่งยืนสำหรับอนาคต
การแข่งขันรายการ Bridgestone World Solar Challenge สอดคล้องกับ “ด้าน Energy (พลังงาน)” และ “ด้าน Emotion (ความรู้สึก)” ใน Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ของบริดจสโตนสู่การสร้างสังคมแห่งการเดินทางที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Energy) และปลุกพลังบันดาลใจ เติมเชื้อไฟแห่งความตื่นเต้นสู่โลกแห่งการเดินทาง (Emotion)
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com