ยลโฉมจริง !! Toyota Camry MY2017 ปรับอีกครั้ง...ซาลูนหรูในราคาเดิม เริ่ม 1.399 ล้านบาท

พึ่งจะเปิดตัวรรุ่น Extremo กับชุดแต่งใหม่ได้ไม่นาน โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) ใช้เวทีงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ Bangkok International Grand Motor Sale หรือ BIG Motor Sale 2017 ส่งยานยนต์แห่งภาพลักษณ์ที่เหนือกว่าอย่าง Toyota Camry MY2017 ลงตลาดอีกครั้ง

สำหรับ Toyota Camry MY2017 ตกแต่งใหม่อีกครั้ง (ว่ากันว่าปรับครั้งสุดท้ายก่อนเจนใหม่มา) บนเรือนร่างเดิม ตั้งแต่ กระจังหน้าโครเมี่ยมแนวเส้นยาวที่ปรับลุคให้ออกแนวสปอร์ตมากขึ้นพร้อมคิ้วโครเมี่ยมที่กันชนหน้าด้านล่างพร้อมไฟตัดหมอกหน้าในรุ่นปกติ ส่วนรุ่น Hybrid กระจังหน้าและช่องระบายอากาศที่กันชนหน้าจะเป็นจะเป็นแบบ Mesh Radiator Grilleและไฟตัดหมอกหน้า ไฟหน้า LED แบบ Dual Projector พร้อมไฟ DRL และ ไฟตัดหมอกหน้า แบบ LED และไฟหน้า LEDแบบ Projector เดี่ยว พร้อมไฟ DRL แบบ LED และ ไฟตัดหมอกหน้า ในรุ่น 2.0 G,2.5 G  ล้ออัลลอยลายโฉบเฉี่ยวขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/55 R17 พิเศษ!! ในรุ่น Hybrid เป็นแบบพ่นเงา 17 นิ้ว สง่างามขึ้นทั้งขณะหยุดนิ่งและพุ่งทะยาน และ ไฟท้าย LED พร้อมคิ้วฝากระโปรงแบบโครเมี่ยมช่วยให้ตัวรถหรูหราขึ้น มิติตัวรถยังคงเดิม เริ่มจากความยาว 4,850 มม. ความกว้าง 1,825 มม. ความสูง 1,470 มม. ระยะฐานล้อ 2,775 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 150 มม. น้ำหนักรถ 1,475- 1,635 กก. ความจุถังน้ำมัน 65 ลิตร และรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.5 ม.

ภายในรถหรูค่าย Toyota  ยังคงเดิมเพิ่มเติมด้วย โทนห้องโดยสารสีใหม่ จากเดิมเป็นดำ-เบจ เป็นดำ-น้ำตาลเข้ม Kagone พร้อมเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หันมาใช้แบบ 3 ก้าน ทรงสปอร์ต พร้อมหุ้มด้วยหนังแท้กึ่งลายไม้ พร้อมออพชั่นเดิมคับคั่งไม่ว่าจะเป็น มาตรวัดเรืองแสงดีไซน์พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 4.2 นิ้ว แผงคอนโซลกลางออกแบบใหม่ทั้งสวิตช์เครื่องปรับอากาศพร้อมระบบแยกอิสระซ้ายขวาทุกรุ่น พิเศษในรุ่น Hybrid รุ่นท็อป มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกสามโซน ทั้งซ้าย ขวาและด้านหลัง เพลินกับเสียงเพลงด้วยเครื่องเล่น DVD พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ และช่องเสียบ USB VTR พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech 12 ลำโพง 8 ตำแหน่ง ครั้งแรกในกลุ่มรถ D-Car ด้วยระบบชาร์จสายไฟแบบไร้สาย สะดวกและง่ายขึ้นในการชาร์จสมาร์ทโฟน กุญแจ Smart Key ดีไซน์ใหม่พร้อมปุ่ม Push Start ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง 

ขุมพลังยังคงเดิมเริ่มจาก เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 2.5 ลิตร รุ่น 2AR-FXE ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 213 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาทื ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังถึง 142 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 205 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับพลังสูงสุด E20 ส่วนเครื่องยนต์เบนซินปกติก็ยังมีให้เลือกเช่นเดิม เริ่มที่ เครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i 2.5 ลิตร รุ่น 2AR-FEให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบ/นาที และเครื่องยนต์เบนซิน VVT-iW D-4S 2.0 ลิตร รุ่น 6AR-FSE 167 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 199 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ทั้งสองขนาดจับคู่กับระบบเกียร์อัตโนัมัติ 6 สปีดพร้อม Sequential Shift  และรองรับพลังงานสูงสุด E20

ระบบความปลอดภัยมอบให้แบบเต็มคัน ทั้ง ควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC และระบบเบรก ABS ระบบกระจายเบรก EBD  ระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้างทั้งสองฝั่ง (Blind Spot Monitor) โดยจะมีสัญญาณเตือนในกรณีที่จะเปลี่ยนเลน ระบบสัญญาณเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) ในกรณีเมื่อมีรถคันอื่นอยู่ด้านหลังรถเราเพิ่มความสะดวกในการถอยหลัง ไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ (Emergency Stop Signal) เมื่อเบรกกระทันหัน ถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน พิเศษ!! ในรุ่น Hybrid Premium ติดตั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน9 จุด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติควบคุมด้วระบบไดนามิก เรดาร์ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam) และระบบเตือนให้รักษาตำแหน่งรถเมื่ออกนอกเลนแบบไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว (Lane Departure Warning)โดยจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอ และระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ (TPMS)

ค่าตัวยานยนต์หรูจาก โตโยต้า ยังคงจำหน่ายในราคาเดิมดังนี้ 

2.5 HV Premium     1,849,000 บาท 

2.5 HV Navigator    1,659,000 บาท

2.5 ESPORT          1,639,000 บาท 

2.5 G                      1,599,000 บาท

2.0 G Extremo       1,525,000 บาท

2.0 G                     1,399,000 บาท 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com