MG 6 การกลับมาของตำนานจากเกาะอังกฤษ
- โดย : Autodeft
- 19 มิ.ย. 57 00:00
- 11,812 อ่าน
เปิดรายละเอียดรถยนต์ MG 6 น้องใหม่ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ สัญชาติอังกฤษที่พร้อมลุยไทยด้วยดีกรีจากยุโรป
เมื่อต้องกล่าวถึงรถยนต์ในอดีตสักยี่ห้อในตลาดรถยนต์ที่เคยเข้ามาสู่ประเทศไทย MG หรือ Morris Garage อาจจะไม่ใช่ชื่อแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันมากมายนักในทุกวันนี้ ด้วยการห่างหายจากตลาดไปนาน แต่ในปีที่ผ่านมา MG ก็กำลังเตรียมตัวกลับมาทำตลาด และท้ายที่สุดรถรุ่นแรกของ MG ก็พร้อมแล้วที่จะให้จับจอง
MG 6 เรียกว่าเป็นรถยนต์ที่เข้ามาเปิดตลาดอีกครั้งให้คนรู้จักแบรนด์รถยนต์ MG มาขึ้น ด้วยการผนึกกำลัง ระหว่างค่ายรถยนต์จาอังกฤษและความสามารถทางด้านเงินทุนจากจีน ทำให้การเข้ามาบุกตลาดรถยนต์ในประเทศไทยนั้นกลายเป็นที่จับตา โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นแรก MG 6
ตัวตนแบบรถยนต์อังกฤษอันทรงเสน่ห์เป็นจุดขายหลักในรถยนต์ MG 6 ด้วยการสวมจิตวิญญาณ “บริท ไดนามิก” (Brit Dynamic) ซึ่งเป็นการประกอบกันของคุณลักษณะที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ สมรรถนะ, การควบคุมรถ, การออกแบบและความปลอดภัย สู่การเป็นเป็นรถยนต์ที่มีความน่าสนใจ ไม่ใช่เพียงแค่แรกเห็นท่านั้น แต่เมื่อสัมผัสยังประทับใจ
ตัวตน MG 6 เริ่มต้นด้วยการเป็นรถยนต์ที่ออกแบบให้มีความลงตัวในการขับขี่มากขึ้น ด้วยเส้นสายการออกแบบที่สื่อถึงความเป็นรถอังกฤษให้ความภูมิฐานดูมีสไตล์ ด้วยการออกแบบที่ให้ความลงตัวแต่แตกต่าง แนะนำในสองเรือนร่างการขับขี่ที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะสไตล์สี่ประตูซีดาน หรือ 5 ประตูในแบบที่แตกต่าง ด้วยทรวดทรง Fastback ท้ายลาด ที่ให้การใช้งานที่ลงตัวและยังนั่งได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
ใบหน้าแนะนำด้วยไฟหน้าที่ไม่เหมือนใครด้วยการจัดวางใหม่ตอบโจทย์ในความแตกต่างการออกแบบ มาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 16 และ 17 นิ้ว เปลี่ยนไปตามแต่ละรุ่น มาพร้อม เสาอากาศรูปทรงครีบฉลามออกแบบแบบยูโรเปียน และ สปอยเลอร์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมระบบ Air-Flow Tuner Plus ให้สมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้น
ภายในห้องโดยสารภายในให้ความดึงดูด ด้วยรายละเอียดการออกแบบและความกว้างขวางของห้องโดยสาร สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการออกแบบเชิงบูรณาการแบบไดนามิกของเอ็มจี
MG 6 ได้พัฒนาเพื่อให้มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่วางขาและพื้นที่ส่วนไหล่ของผู้โดยสาร เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศการขับขี่ที่สะดวกสบาย แต่ก็ยังตอบความสบายด้วยออพชั่นที่จำเป็น เช่น ระบบปรับอากาศแยกทิศทางซ้ายขวา ไปจนถึง ระบบกุญแจอัจฉริยะ ทั้งยังรวมการขับขี่สุดสนุกเข้ามาด้วย ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift ตอบโจทย์ความร้อนแรง
ใน MG 6 รุ่นฟาสต์แบ็ค 5 ประตูนั้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ถูกขยายเพิ่มเติมเป็น 472 ลิตร พร้อมความสามารถในการพับเบาะที่นั่งตอนหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้
เช่นเดียวกัน MG 6 ยังรวบรวมเอาความสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ซึ่งให้พละกำลังและแรงบิดได้เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ทั้งยัง สามารถผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5
การติดตั้งเทคโนโลยีอินเตอร์คูล เทอร์โบชาร์จจิ้ง ทีซีไอ-เทค และวาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT (Double Variable Valve Timing) ตลอดจนการพัฒนารูปแบบของเครื่องยนต์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากปอร์เช่ และระบบระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำแบบรถแข่ง ทำให้ MG 6 เปี่ยมด้วยสมรรถนะในการขับขี่
ยิ่งรวมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Dual Clutch Transmission (DCT) ไม่ได้ให้เพียงแต่ความรวดเร็วในการเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้เป็นอย่างดี ระบบเกียร์อัจฉริยะช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลงเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และยังประกอบไปด้วยโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน 5 โหมด
รวมถึงแป้นแพดเดิลชิฟท์รูปแบบเดียวกับรถแข่งฟอร์มูล่า-วันที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว
MG 6 มาพร้อม ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัทและช่วงล่างหลัง มัลติลิงค์แบบซี-ไทป์ที่ด้านหลัง ทำให้ การควบคุมรถเอ็มจี6 จะให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นรถสปอร์ตขนาดเล็ก ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และเช่นเดียวกันยังตอบสนองได้เป็นอย่างดี
ในรถยนต์ MG 6 ยังตอบโจทย์ เรื่องความปลอดภัย ด้วยการออกแบบตัวถัง USD (Ultimate Stiffness Design) ที่โครงสร้างของตัวรถกว่า 63% ถูกสร้างขึ้นมาด้วยโลหะที่มีความแข็งแกร่งและโลหะที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ทำให้ MG 6ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนของยุโรประดับ 5 ดาว
แต่ในขณะที่การปกป้องอาจจะไม่จำเป็นเลย ด้วยระบบความปลอดภัยต่างๆ มากถึง ปลอดภัย 10 ระบบถูกติดตั้งอยู่ในรถยนต์เอ็มจี6 เริ่มระบบควบคุมการทรงตัว (VSC - Vehicle Stability Control) ระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว (MSR - Motor Control Slide Retainer) ระบบช่วยควบคุมแรงดันถังเบรก (CBC - Cornering Brake Control) ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD - Electronic Brake Distribution) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) ระบบตรวจสอบแรงดันยางรถยนต์อัจฉริยะ (ITPMS - Indirect Monitor Tire System) ระบบทำความสะอาดจานเบรคอัจฉริยะ (BDC - Brake Disc Cleaning) ระบบควบคุมการเบรคฉุกเฉิน (BA - Brake Assist) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System)
รวมถึงในยามฉุกเฉินในรุ่นท๊อปยังมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งเบาะผู้โดยสารตอนหน้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับน้ำหนักผู้โดยสารโดยเฉพาะให้ความมั่นใจในการขับขี่อีกด้วย
รถยนต์เอ็มจี6 เปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกัน 2 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ ตัวถังสปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค 5 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู โดยในรุ่นฟาสต์แบ็คจะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย (เอ็กซ์และดี) ขณะที่ในรุ่นซีดานจะมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก (เอ็กซ์, ดีและซี)
โดย การวางจำหน่าย รถยนต์เอ็มจี6 พร้อมแล้วที่จะเปิดรับจองอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งเอ็มจีได้เตรียมข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้กับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ ด้วยการมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (MG Roadside Assistance) บริการช่วยเหลือที่จุดบริการ (MG Mobile Service) และการรับประกันคุณภาพของสินค้านานถึง 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตร
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
ราคาจำหน่ายรถยนต์ MG 6
MG 6 Fastback |
|
MG 6 Fastback X Turbo 1.8 sunroof |
1,128,000 |
MG 6 Fastback X Turbo 1.8 |
1,098,000 |
MG 6 Fastback D Turbo 1.8 sunroof |
988,000 |
MG 6 Fastback D Turbo 1.8 |
968,000 |
MG 6 Sedan |
|
MG 6 Sedan X Turbo |
1,118,000 |
MG 6 Sedan X Turbo |
1,098,000 |
MG 6 Sedan D |
918,000 |
MG 6 Sedan 1.8 D sunroof |
898,000 |
MG 6 Sedan C 1.8 |
848,000 |
[GALLERY558] [GALLERY559]