Range Rover Evoque Convertible เผยตัวจริง สปอร์ตเปิดประทุนในร่าง SUV

  • โดย : สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม
  • 9 พ.ย. 58 00:00
  • 5,083 อ่าน

Range Rover ยอดรถ Premium SUV เผยสมาชิกใหม่ Range Rover Evoque Convertible พร้อมขายจริงกลางปีหน้าในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก

 

 

ถ้าจะเอ่ยถึงยอดรถออฟโรด จากอังกฤษ แฟนๆสิงห์ออฟโรดจะรู้จักแบรนด์ Range Rover เป็นอันดับต้นๆ ด้วยตัวตันที่บ่งบอกถึงความหรูหราระดับรถ Premium Car ผนวกกับความสมบุกสมบันในภาค Off-Road ทำให้ได้รับความนิยมมาตลอด 45 ปี

จนปัจจุบัน Range Rover แตกไลน์สินค้าตัวเองให้มีความหลากหลายขึ้นทั้ง Range Rover Sport และ Range Rover Evoque ล่าสุด Range Rover Evoque Convertible สมาชิกใหม่ เข้ามาเติมเต็มทางเลือกมากขึ้น ในรูปแบบสปอร์ตเปิดประทุนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นต้นแบบเมื่อปี 2012 มาพัฒนา โดยรุ่นนี้ใช้หลังคาผ้าใบ เปิด-ปิด อัตโนมัติ โดยกลไกการพับหลังคาจะเป็นรูปตัว Z เมื่อพับลงแล้วจะดูสะอาดตาขึ้น

หลังคาผ้าใบของ Range Rover Evoque Convertible ใช้เวลาการเปิดเพียง 18 วินาที และ ปิด 21 วินาที ความเร็วในการเปิดปิดหลังคานั้นไม่เกิน 48 กม./ชม. ด้านการเก็บเสียงเมื่อปิดหลังคาแล้วจะให้เสียงเงียบมากขึ้น

ภายในมอบความหรูหราไม่แพ้ Range Rover Evoque รุ่นปกติ ด้วย เบาะหนังเกรดคุณภาพ ระบบหน้าจอสัมผัสขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมระบบ infotainment InControl Touch Pro เป็นออฟชั่นเสริม โดยมี หน้าจอ 8 นิ้วเป็นออฟชั่นมาตรฐาน พร้อมลำโพง 12 ตัว กำลังขับ 660-watt จาก Meridian sound system เป็นออฟชั่นเสริม เชื่อมต่อการสื่อสารได้ด้วย Wi-Fi hotspot และยังรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ได้

ขุมพลัง Range Rover Evoque Convertible ติดตั้งเครื่องเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 240 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตรผ่านระบบเกียร์ออโต้ 9 สปีด ทำให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ 7.8 วินาที Top Speed 180 กม./ชม.พร้อมระบบความปลอดภัยที่โดดเด่นตั้งแต่ ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ หรือ roll-over protection device ด้วยตัวบาร์ที่ทำจากอลูมิเนียมจะเด้งขึ้นมาโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันคนในห้องโดยสารขณะเกิดการพลิกคว่ำ ติดตั้งถุงลมนิรภัยปกป้องในส่วนทรวงอกและศรีษะของผู้โดยสารตอนหน้า ฯลฯ

Range Rover Evoque Convertible มาพร้อมกันนี้สีตัวถังรถมีให้เลือกถึง 13 สี พร้อม 2 สีใหม่ Waitomo Grey metallic และ Baltoro Ice โดยจำหน่ายในราคา $50,475 หรือราว 1,810,000 บาท  และเริ่มขายจริงช่วงกลางปี 2016 ในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก

ที่มาคลิ๊ป Youtube : Motor 1

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

[GALLERY1773]

 

5 เรื่องน่าสนใจ