เปิดตัวอย่างเป็นทางการรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรง 761 แรงม้า Porsche Taycan เร่ง 0-100 ใน 2.8 วินาที

หลังจากการเปิดโฉมรถยนต์ไฟฟ้า Porsche Mission-E มาเป็นระยะเวลาร่วม 4 ปีแล้ว แฟน ๆ ก็เฝ้ารอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสักที ล่าสุดทางปอร์เช่ ได้ทำการเปิดตัว Porsche Taycan อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยเปิดสเปกความแรงออกมาสูงสุด 761 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น

Porsche Taycan (ปอร์เช่ ไทคานน์) ยนตรกรรมสปอร์ต 4 ประตูซาลูนพลังงานไฟฟ้า 100% จากปอร์เช่ ได้ทำการเปิดตัวจริงอย่างเป็นทางการที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรง ที่เปิดตัวมาพร้อมกันรวมทั้งหมด 2 รุ่น คือ Porsche Taycan Turbo S กับ Taycan Turbo โดยรุ่นเรือธงอย่าง Porsche Taycan Turbo S จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลังระดับ 625 แรงม้า แต่สามารถเร่งด้วยฟังก์ชัน Overboost เพิ่มเป็น 761 แรงม้าได้ แรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที และ 0-200 ได้ใน 9.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกลสุด 412 กิโลเมตรจากการชาร์จ 1 ครั้ง มาพร้อมล้อขนาด 21 นิ้ว ยางหน้าขนาด 265/35 ZR21 และยางหลังขนาด 305/30 ZR21

สำหรับ Porsche Taycan Turbo ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นนั้น ใช้มอเตอร์ขนาดเดียวกันคือ 625 แรงม้า แต่สามารถสร้างแรงบิดได้น้อยกว่าคือระดับ 850 นิวตันเมตร ทำ Overboost เพิ่มเป็น 680 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 3.2 วินาที และ 0-200 ได้ใน 10.6 วินาที สามารถวิ่งได้ไกลสุด 450 กิโลเมตรจากการชาร์จ 1 ครั้ง มาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว ยางหน้าขนาด 245/45 R20 และยางหลังขนาด 285/40 R20 ทั้ง 2 รุ่นใช้เกียร์ส่งกำลังแบบ two-speed transmission คิดค้นขึ้นโดยปอร์เช่ ได้รับการติดตั้งในชุดขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์แรกรับหน้าที่สร้างอัตราเร่ง จากจุดหยุดนิ่งที่ดีเยี่ยมให้แก่ ไทคานน์ (Taycan) ในส่วนของเกียร์ที่ 2 มีอัตราทดที่ยาวกว่าเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและรักษาพละ กำลังสูงสุดให้ถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในการขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ตาม

รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ ทั้ง Porsche Taycan Turbo S และ Taycan Turbo มีมิติตัวรถกว้าง 1,966 มม. (ไม่รวมกระจกมองข้าง) ยาว 4,963 มม. ฐานล้อกว้าง 2,900 มม.เท่ากัน จะต่างกันแค่ความสูง ที่ Turbo S จะสูง 1,378 มม. ส่วน Turbo จะสูง 1,381 มม. รวมถึงนำหนักตัวรถที่รุ่นบนจะหนัก 2,295 กิโลกรัม ส่วนล่างจะหนัก 2,305 กิโลกรัม ทั้ง 2 รุ่นรองรับการชาร์จไฟกำลังแรงสุดที่ 270 กิโลวัตต์ และเป็นรถสปอร์ตจากสายการผลิตปกติรุ่นแรก ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ แทนที่ระบบทั่วไปซึ่งมีแรงขับเคลื่อนเพียง 400 โวลต์ ในรถไฟฟ้าคันอื่น ทำให้การชาร์จไฟด้วยกำลังสูงสุดเพียง 5 นาที จะทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลสุงสุด 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว และสามารถชาร์จแบตจาก 5-80% ได้ในเวลาเพียง 22.5 นาที ตัวแบตเตอรี่มีความจุ 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถชาร์จพลังงานผ่านไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 11 กิโลวัตต์ ที่ใช้อยู่ในที่พักอาศัยทั่วไปได้ ใช้เวลาในการชาร์จที่บ้านจาก 0-100% ได้ใน 9 ชั่วโมง

ระบบช่วงล่างของ Porsche Taycan เป็นระบบ Porsche 4D-Chassis Control ทำหน้าที่วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลที่ได้จาก ระบบควบคุมช่วงล่าง ทั้งหมดในแบบ real time นวัตกรรมดังกล่าวประกอบด้วย ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension พร้อมเทคโนโลยี three-chamber รวมทั้งระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management) ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบเหล็กกันโคลงอัจฉริยะ และระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ควบคุมด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ทั้งสองตัว พร้อมระบบสะสมพลังงานย้อนกลับ หรือ recuperation ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร ให้กำลังสูงสุดกว่า 265 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าคู่แข่งทุกราย ผลจากการวิ่งทดสอบ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของแรงเบรกที่ใช้ในการขับ ขี่ปกติเกิดขึ้นจากกลจักรไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยแทบจะปราศจากการทำงานของระบบเบรกไฮดรอลิกที่ล้อรถ

โหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน สามารถเลือกได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยมีพื้นฐานในการออกแบบพัฒนา ที่ยึดหลักการเดียวกันกับยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ทุกคัน เพิ่มเติมด้วยการปรับตั้งลักษณะการตอบสนองให้เหมาะสม กับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ประกอบด้วยโหมดการขับขี่ถึง 4 รูปแบบคือ Range, Normal, Sport และ Sport Plus ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเลือกใช้งานโหมด Individual ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ได้เองอีกด้วย

ภายในห้องโดยสารแสดงออกถึงบรรยากาศของการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่ของยนตรกรรมล้ำอนาคต ปลอดโปร่ง ด้วยโครงสร้างและสถาปัตยกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์รายรอบ แผงหน้าปัทม์ทรงโค้งมน ในตำแหน่งบนสุดของแผงคอนโซลหน้า ให้มุมมองที่ชัดเจนที่สุดจากสายตาของผู้ขับขี่ คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ถึง 10.9-นิ้ว พร้อมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็น อุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติม วางตัวต่อเนื่องกันด้วยแผ่นกระจกที่ให้สัมผัสสไตล์ Black-panel สร้างบรรยากาศที่ กลมกลืนลงตัวกับงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งาน ทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่ สำหรับ Porsche Taycan โดยเฉพาะ ระบบควบคุมการทำงานแบบกลไกดั้งเดิม อาทิ สวิตช์ และปุ่มกดต่าง ๆ ได้รับการลดจำนวนลงอย่างมาก โดยถูกแทนที่ด้วยระบบควบคุมอัจฉริยะผ่านการสัมผัส หรือการสั่งงานด้วยเสียง Voice control function ซึ่งพร้อมตอบสนองต่อคำสั่งเริ่มต้น Hey Porsche

สำหรับ ไทคานน์ ปอร์เช่ นำเสนอมิติใหม่ของงานตกแต่งภายในที่ปราศจากการใช้วัสดุหนังเป็นครั้งแรก ชิ้นงานภายในประกอบด้วยนวัตกรรมวัสดุรีไซเคิล ซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์แนวคิดในการพัฒนารถสปอร์ต พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนยาวนานในชื่อว่า Foot garages ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ในบริเวณที่พักเท้าของ ห้องโดยสารตอนหลัง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารจะสามารถนั่งประจำที่ได้ด้วยความสะดวกสบาย และเบาะนั่งจะวางตัวในระดับต่ำตามลักษณะเฉพาะตัวของรถสปอร์ตพันธ์แท้ พื้นที่บรรทุกสัมภาระมีให้ใช้งาน ได้ถึง 2 จุด โดยด้านหน้ามีความจุที่ 81 ลิตร และในด้านท้ายรถมีความจุถึง 366 ลิตร

ปอร์เช่ตั้งราคาจำหน่ายของ Porsche Taycan Turbo S ที่เยอรมนีเอาไว้ที่ 185,456 ยูโร หรือประมาณ 6.25 ล้านบาท ส่วน Taycan Turbo ตั้งเอาไว้ที่ 152,136 ยูโร หรือประมาณ 5.12 ล้านบาท ส่วนที่อังกฤษ ตั้งราคา Taycan Turbo S เอาไว้ที่ 138,826 ปอนด์ 5.1 ล้านบาท และ Taycan Turbo ที่ 115,858 ปอนด์ หรือประมาณ 4.33 ล้านบาท แต่ถ้าข้ามไปยังฝั่งสหรัฐฯ จะตั้งราคาของ Taycan Turbo S ที่ 185,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5.65 ล้านบาท และ Taycan Turbo ที่ 150,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4.6 ล้านบาท ส่วนราคาในเมืองไทยนั้น ต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจาก ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการก่อน