All New Nissan Almera ใหม่หมด..สปอร์ตซิตี้คาร์เพื่อคนเมืองอัจฉริยะ เริ่ม 499,000 บาท
- โดย : Autodeft
- 15 พ.ย. 62 00:00
- 13,882 อ่าน
ประเทศไทยเป็นที่แรกของของเอเชียและโอเชียเนีย ที่เปิดตัวที่สุด 'Intelligent Urban Sedan’ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ใหม่โฉบเฉี่ยวพร้อมท้าทาย และเปลี่ยนทุกสิ่งที่เคยเชื่อทั้งหมดของรถยนต์ในระดับเดียวกันกับ All New Nissan Almera
All New Nissan Almera รถยนต์ใหม่ จากค่ายเพื่อนที่แสนดีหล่อ สปอร์ต ดู ตัวรถใหญ่โตขึ้นมิติภายนอกปราดเปรียวขึ้น ภายใต้ปรัชญาในการสร้างสรรค์รถยนต์ของนิสสัน แบบ “รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry” โดยมีองค์ประกอบที่โดดเด่นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ อาทิ กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า LED พร้อม LED Signature Light ทรงบูมเมอแรง และไฟท้าย Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (kick-up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (floating roof) ส่งต่ออัตลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความต่อเนื่องในรถยนต์นิสสันทุกรุ่น พร้อมล้อให้เลือกทั้งแบบอัลลอยและกระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/65 R15
มิติตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,495 มม. ความกว้าง 1,740 มม. ความสูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,620 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มม. น้ำหนักรถ 1,065-1,076 กก. ความจุถังน้ำมัน 35 ลิตร และ รัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร
ภายในออกแบบใหม่ทั้งหมดใช้วัสดุคุณภาพสูง เน้นความปราณีตเสริมความโดดเด่นและความหรูหรา ด้วยปรัชญาการออกแบบลายเส้นของปีกเครื่องร่อนของนิสสัน (Nissan Gliding Wing) เข้มด้วยโทนสีดำ และเสริมด้วยวัสดุสีเงิน เช่น ภายในบริเวณช่องแอร์ด้านข้าง และคอนโซลกลาง ส่วนวัสดุตกแต่งคอนโซลกลางสีเปียโน แบล็ค เบาะผ้าสีดำตัดขอบสีเทา โดยเฉพาะด้านคนขับสามารถปรับระดับเพื่อความเหมาะสมกับขนาดร่างกายส่วนด้านหลังที่นั่งมีช่องเก็บของอเนกประสงค์
พร้อมออพชั่นเด่นได้แก่ ระบบข้อมูลและความบันเทิง NissanConnect มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง พร้อมลำโพงคุณภาพดี 6 จุด และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอย่าง Apple CarPlay เพิ่มความสะดวกในการควบคุม ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูง-ต่ำ ยืด-หด ได้ พร้อมสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงและระบบโทรศัพท์บนพวงมาลัย ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง มั่นใจในการขับขี่ ด้วยมาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านหน้าจอ TFT หน้าจอสีขนาด 7 นิ้ว / แสดงผลข้อมูลการขับขี่ / แสดงมาตรวัดอุณหภูมิภายนอก ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) และรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key) และระบบกุญแจ Immobilizer
เมืองไทยเลือกใช้ขุมพลังใหม่หมดด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร 3 สูบ รหัส HRA0 ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที มีแรงบิดถึง 152 นิวตันเมตร 2,400 -4,000 รอบต่อนาที ให้อัตราสิ้นเปลืองน้้ามันเชื้อเพลิงที่ดีที่สุด ถึง 23.3 กม./ลิตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล แต่ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและทันใจ ตอบสนองอัตราเร่งแซงที่ดีขึ้น ช่วยให้การขับขี่มีประสิทธิภาพและประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้นกว่าเดิม
จุดเด่นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร Turbo เต็มไปด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคมากมายเช่น ลูกสูบแบบ Delta Cylinder Head, หัวฉีดแบบ Central Injector และ Turbocharger ที่การควบคุมไอเสียด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงเทคโนโลยีเคลือบบนกระบอกสูบแบบ Mirror Bore Coating เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถซูเปอร์สปอร์ตอย่าง Nissan GT-R ซึ่ง เพิ่มความทนทาน ช่วยลดการสึกหรอ และน้ำหนักของกระบอกสูบ ในขณะที่ปรับปรุงเรื่องการระบาย นอกจากนี้ยังมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ เมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น สามารถเปิด – ปิด ระบบการทำงานได้
พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน ภายใต้แนวคิดเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต Nissan Intelligent Mobility ทั้ง เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW), เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB), เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW), เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA), เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) และยังทำงานร่วมกับ เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD), เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC) , เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
นอกจากนี้ยังอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งในเชิงการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (Active Safety) และ ระบบลดความรุนแรง ความเสียหายจากอุบัติเหตุ (Passive Safety) อันได้แก่ โครงสร้างตัวถังเป็นแบบ Zone Body Concept เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และกระจายแรงกระแทก เพื่อปกป้องห้องโดยสารและผู้โดยสารกรณีเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่ ด้านข้าง (side airbags) และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (curtain airbags) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่น VL เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด แบบดึงกลับอัตโนมัติ และผ่อนแรงอัตโนมัติ ด้านหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารที่เป็นเด็กด้วยจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX และระบบป้องกันเด็กเปิดประตูจากภายในรถ ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
All New Nissan Almera มาพร้อม 6 สี ได้แก่ สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red) สีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange) สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White) สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic) และสีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver) โดยมีทั้งหมดห้ารุ่นย่อย ดังนี้:
• รุ่น S: 499,000 บาท
• รุ่น E: 509,000 บาท
• รุ่น EL: 559,000 บาท
• รุ่น V: 599,000 บาท
• รุ่น VL: 639,000 บาท
ชมภาพงานเปิดตัว All New Nissan Almera ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com