เผยก่อนพร้อมจอง...รถไฟฟ้าใหม่ NEW MG ES ลุ้นราคา Motor Show 2023 นี้

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 13 มี.ค. 66 00:00
  • 3,166 อ่าน

เผยรายละเอียดแล้วเรียบร้อยกับรถไฟฟ้าใหม่ NEW MG ES รถไฟฟ้าในร่างสเตชั่นแวกอน ที่ออกแบบมาภายใต้แนวคิด “COMFORTABLE เป็นทุกอย่างเพื่อทุกโมเมนต์” โดดเด่นด้วยดีไซน์พรีเมี่ยมทั้งภายนอกและภายใน พร้อมชูเรื่องสมรรถนะการขับขี่ และจัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัย ที่ปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมจาก MG EP มากมาย ซึ่งราคาค่าตัวจะเปิดตัวที่เท่าไหร่รอติดตามกันได้ที่งาน Motor Show 2023 นี้

MG ES

รถไฟฟ้าใหม่ MG ES มาพร้อม New ERA Design ที่ออกแบบตัวรถใหม่ทั้งภายนอกและภายในให้ดูเรียบหรูผสานความล้ำสมัย กับมิติตัวรถ 4,600 x 1,818 x 1,543 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง) มีระยะฐานล้อกว้าง 2,665 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 115 มิลลิเมตร

MG ES

ระบบไฟส่องสว่างต่าง ๆ ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย เป็น LED โฉมใหม่ แบบ Light Curtain Design พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และยังมีไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) 

หรูหราโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และ สปอยเลอร์หลัง ฝาปิดห้องเครื่องด้านหน้า และที่ปิดห้องเก็บสัมภาระท้าย ชุดราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม

MG ES

ส่วนของภายในห้องโดยสาร มาพร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats รองรับสรีระของผู้นั่ง กับความสามารถในกระจายน้ำหนัก ทำให้นั่งสบายตลอดเส้นทาง และพื้นที่บรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,367 ลิตร

MG ES

โดยการออกแบบคอนโซลแบบ DOUBLE LAYER พร้อมพื้นที่ช่องเก็บของรอบคัน และที่วางแก้ว เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN กับผิวสัมผัสที่สบายและดูแลรักษาง่าย พร้อมเส้นสายการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า ENERGETIC BLUE STRIP เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40 พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 จุด มีระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE- C และรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android 

MG ES

กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตัล พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart key) พร้อมปุ่ม Push Start 

ส่วนเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ มากับแพล็ตฟอร์มระบบส่งกำลัง SAIC E1 THREE - ELECTRIC SYSTEM ที่มีขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ให้พละกำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร และช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION กับช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม

MG ES

ติดตั้งมากับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE) พร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น 

MG ES

รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ ทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ที่เร็วขึ้น โดยแบบชาร์จเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 0% - 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 87 kW และการชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที* ที่ 6.6 kW รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW 

และยังรองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์ พร้อมการปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้ใช้งานต่อเนื่องได้ดียิ่งขึ้น และมีน้ำหนักเบาลง 22% 

มีรัศมีวงเลี้ยว 5.65 เมตร ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)

MG ES

ด้านระบบความปลอดภัยมากมายมาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ ได้แก่
•    ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
•    ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
•    ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
•    ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
•    ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
•    ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
•    ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
•    ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
•    ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
•    ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
•    ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
•    ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
•    ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
•    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
•    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
•    ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
•    ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK 
(Emergency Lane Keeping Assist)
•    ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
•    จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX 2 จุด
•    เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
•    ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย 
•    กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
•    สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
•    ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

MG ES

รถไฟฟ้าใหม่ MG ES ยังมาพร้อมกับระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ในรูปแบบ Lite version ตอบสนอง ให้เข้าถึงระบบการใช้งานรถไฟฟ้าเพียงปลายนิ้วสัมผัส

SMART CHECK (ระบบตรวจเช็คอัจฉริยะ) 
•    ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
•    ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
•    ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
•    ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
•    ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
•    ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ

SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ)
•    กุญแจดิจิตอล
•    ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
•    ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
•    ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน Emergency Call
•    ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน

รถไฟฟ้าใหม่ NEW MG ES มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Andes Gray) สีแดง (Scarlet Red) และ สีเงิน (Champagne Silver) และตกแต่งภายในสไตล์ทูโทนพร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN

ราคาจำหน่าย รถไฟฟ้าใหม่ NEW MG ES
- (พร้อมประกาศราคาจำหน่าย Motor Show 2023 นี้) 


 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ