มินิเปิดตัวรถใหม่ MINI John Cooper Works GP แรงที่สุด ราคา 4.2 ล้านบาท

วันที่ 22 เมษายน 2563 ทาง มินิ ประเทศไทย ได้เปิดตัว MINI John Cooper Works GP (มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี) เจเนอเรชั่นที่ 3 สู่แฟนชาวไทย ที่นับเป็นรถมินิที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจะมาให้จับจองในจำนวนจำกัดเพียง 30 คันเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดแล้วผลิตขึ้นมาจำนวนจำกัดเพียง 3,000 คันทั่วโลก และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

สำหรับรถใหม่มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ มากับขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เจเนอเรชั่นล่าสุด พร้อมยกระดับรายละเอียดเครื่องยนต์อีกมากมายที่เหนือกว่ามินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์รุ่นอื่นๆ เทอร์โบชาร์จเจอร์ รวมทั้งเพลาข้อเหวี่ยง ลูกสูบ หัวฉีดน้ำมัน และอ่างน้ำมันเครื่อง ที่ได้รับการพัฒนาใหม่

สามารถส่งพละกำลังสูงสุด 225 กิโลวัตต์ / 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,750-4,500 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 5.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงเครื่องยนต์เร้าใจจากระบบไอเสียที่ออกแบบมาให้มีโทนเสียงเฉพาะตัวอีกด้วย

รถใหม่ MINI John Cooper Works GP ได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของรถแข่ง มาพร้อมหม้อน้ำ 2 ช่องสำหรับหล่อเย็นสำหรับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ถังพักน้ำหล่อเย็นขนาดใหญ่ขึ้น ระบบเก็บน้ำยาหล่อเย็นที่ออกแบบมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ และมีพัดลมไฟฟ้าเสริมประสิทธิภาพการทำงานยิ่งขึ้นเพื่อควบคุมอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตลอดเวลา

ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ มีระบบระบายความร้อนแยก เสริมศักยภาพการทำงานระหว่างระบบการขับขี่และอัตราทดเกียร์ให้ดียิ่งขึ้น ระบบเกียร์ใหม่ยังช่วยเสริมความสปอร์ตให้กับการเปลี่ยนเกียร์ด้วยปุ่มเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้า หรือหากต้องการเปลี่ยนไปขับขี่ด้วยเกียร์ธรรมดาก็สามารถทำได้โดยใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย

ด้านของระบบช่วงล่างของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ ได้พัฒนาด้านหลักจลนศาสตร์ของล้อและเพลา เสริมความคล่องตัวด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้นและตัวรถที่ต่ำลง 10 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์รุ่นอื่นๆ พร้อมพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวถัง ระบบเบรกแบบสปอร์ตพร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบบริเวณล้อหน้า และคาลิเปอร์เบรกลูกสูบเดี่ยวแบบลอยบริเวณล้อหลัง

ติดตั้งมากับระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) พร้อมโหมด GP ที่สามารถเริ่มใช้งานได้เพียงเปิดสวิตช์ โดยจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพระหว่างระบบเบรกและระบบการควบคุมเครื่องยนต์ ทำงานควบคู่กับระบบล็อคเฟืองท้ายแบบ mechanical เพื่อรองรับการควบคุมที่ฉับไวยิ่งขึ้น ซึ่งสวิตช์ที่ใช้ควบคุมระบบเสถียรภาพการขับขี่ ยังสามารถใช้ปิดระบบ DSC ได้อีกด้วย

ด้านของรูปลักษณ์ต้องบอกเลยว่าดุดันแตกต่างไม่น้อยกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่อย่างเสถียรภาพและความแม่นยำในการควบคุมรถยนต์ในสภาวะการขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัวสูง ตัวถังได้รับการออกแบบมาเพื่อชูความสมมาตรระหว่างหลักอากาศพลศาสตร์และการไหลเวียนของอากาศเพื่อระบายความร้อนในเครื่องยนต์และระบบเบรก สปอยเลอร์หลังบนหลังคาแบบปีกคู่ พ่วงกับดีไซน์กระโปรงหน้าแบบ Blackband และขอบสปอยเลอร์หน้า ที่ทำงานร่วมกันในการลดแรงยก ทำให้แรงยกบริเวณซุ้มล้อหน้าและซุ้มล้อหลังลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์รุ่นอื่นๆ

ส่วนของซุ้มล้อกว้างออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนยางสำหรับขับขี่บนสนามแข่งที่ใหญ่กว่าล้อปกติ และช่องดักลมด้านข้างตัวรถ โดยวัสดุที่ใช้บริเวณซุ้มล้อ ประกอบไปด้วยโครงสร้างเทอร์โมพลาสติกด้านใน ผสานคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านอก(CFRP) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ BMW บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่นำวัสดุสองประเภทดังกล่าวมาใช้ร่วมกัน นอกจากนี้ยังได้มีการพิมพ์หมายเลขลำดับการผลิตที่เปรียบเสมือนหมายเลขประจำตัวนักแข่งรถในสนามไว้อีกด้วย

โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว (8.0 J × 18) ซึ่งมีน้ำหนักไม่ถึง 9 กิโลกรัม รัดด้วยยางสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ ตัวถังสีเทา Racing Grey metallic ตัดกับหลังคาและฝาครอบกระจกสีเงิน Melting Silver metallic ชิ้นส่วนกันชนด้านหน้า รวมทั้งด้านหลังที่มาพร้อมไฟตัดหมอกในตัว ได้รับการออกแบบในรูปทรงแปลกใหม่และแผงกระจังหน้าลวดลายทรงหกเหลี่ยม 

เด่นไม่ซ้ำใครด้วยช่องรับอากาศด้านล่างและด้านในสปอยเลอร์บนหลังคาในสีแดงเงา Chili Red โลโก้ GP อันเป็นเอกลักษณ์ในสีแดง Rosso Red metallic matt ปรากฎอยู่บนตำแหน่งต่างๆ ทั่วทั้งรถ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้ารถ ท้ายรถ ด้านนอกของสปอยเลอร์หลังคา ขอบประตู และสเกิร์ตด้านข้าง

กรอบไฟหน้า กระจังหน้า ไฟท้าย ฝาถังน้ำมัน มือจับประตู ชุดแต่งบนกระโปรงหน้า และโลโก้มินิทั้งหน้ารถและท้ายรถ มาในสีดำสร้างคอนทราสต์ตัดกับส่วนอื่นๆ ของตัวรถอย่างชัดเจน สอดรับกับโคมไฟหน้าสีดำและไฟท้ายดีไซน์ธงยูเนียนแจ็คสีดำ

ด้านภายในห้องโดยสารกับเบาะแบบสองที่นั่ง ลดการติดตั้งวัสดุกันเสียงเพื่อลดน้ำหนักของตัวรถ มอบความรู้สึกสปอร์ตดุดันเช่นเดียวกับรถแข่ง มาพร้อมเบาะหนังแท้ Dinamica แบบสปอร์ตในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขอบเบาะสีเงินตัดกับตะเข็บสีแดง ตกแต่งด้วยตรา GP ด้านล่างพนักพิงศีรษะและสายเข็มขัดสีแดง แผงคอนโซลบริเวณที่นั่งผู้โดยสารปรากฏเลขแสดงลำดับการผลิตของรถแต่ละคันจากการพิมพ์แบบสามมิติ เสริมความพิเศษสุดให้แก่ตัวรถ

พวงมาลัยของ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ มากับลวดลายจากการพิมพ์แบบสามมิติ หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้ nappa ตัดกับตะเข็บสีแดง ตรงกลางมีชิ้นส่วนเหล็กบ่งบอกตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการขึ้นรูปทีละชิ้นส่วนแบบ Additive Manufacturing แป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัยเป็นการนำเหล็กมาขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีพิมพ์แบบสามมิติเช่นกัน บนพื้นผิวของแป้นเปลี่ยนเกียร์แต่งแต้มด้วยโลโก้ GP และลวดลายรวงผึ้งอันเป็นเอกลักษณ์ ในบริเวณห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำเป็นหลัก เพิ่มสีสันด้วยโลโก้ GP สีแดงบนพื้นพรมและลายเส้นคู่บนหัวเกียร์ รวมทั้งโครงเหล็กอลูมิเนียมด้านหลังเบาะที่นั่งในสีแดง Chili Red ซึ่งได้รับการติดตั้งเพื่อป้องกันสัมภาระจากหลังรถไหลลื่นมาด้านหน้าในกรณีที่เบรกกระทันหัน

ด้านของระบบความบันเทิงก็ยังมีมาให้กับระบบ MINI Connected เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงผลการขับขี่ต่างๆ ที่จะปรากฎบนจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลความละเอียดสูงขนาด 5 นิ้ว แสดงความเร็วในการขับขี่ทั้งแบบตัวเลขและเข็มวัด รวมทั้งแสดงผลการขับขี่ในโหมด GP ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร 

โดยสำหรับ  MINI John Cooper Works GP ใหม่นี้ ได้มาถึงประเทศไทยแล้ว 5 คันแรก จากทั้งหมด 30 คัน ที่ในประเทศไทยเราได้โควต้าพิเศษเข้ามา จำหน่ายที่ราคา 4,200,000 บาท ซึ่งรวมแพ็คเกจพิเศษ MSI 10/100 ครอบคลุมระยะเวลาบำรุงรักษา 10 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง และสำหรับอีก 25 คันที่เหลือนั้น จะพร้อมส่งมอบแก่ลูกค้าต่อไปภายในปี 2563 นี้

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com