Mercedes-Benz C 300 e ยอดซาลูนหรูอัจฉริยะพลังรักษ์โลก เริ่ม 2.699 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 8 มิ.ย. 62 00:00
- 19,712 อ่าน
หลังจากเปิดตัวเงียบๆไปได้ไม่นาน ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียทีกับซาลูนน้องใหม่ในตระกูลแบรนด์ EQ กับ Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำยนตรกรรมที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม
Mercedes-Benz C 300 e ยนตรกรรมซาลูนสุดหรูอัจฉริยะรุ่นประกอบในประเทศ สร้างมาตรฐานครั้งใหม่ให้กับรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ ที่ผสมผสานขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างครบครัน และยังเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ EQ หลังจากเปิดตัว Mercedes-Benz S 560 e รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นเรือธงระดับพรีเมี่ยมที่ภายในงาน Bangkok International Motor Show 2019 ที่ผ่านมา
การออกแบบที่ดูปราดเปรียว เร้าใจ ผสานด้วยคุณสมบัติอัจฉริยะของอุปกรณ์ต่างๆ โดยภายนอก เหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลทุกประการตั้งแต่ภายนอกเริ่มที่รุ่น Avantgarde จะใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/45 R18 ในล้อหน้า และ 245/40 R18 สปอร์ตเร้าใจกับรุ่น AMG Dynamic ติดตั้งกระจังหน้าแบบ diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ล้ออัลลอยดีไซน์ปรับขนาดลงเหลือ 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตจาก AMGแบบ 5 ก้านคู่ พร้อมยาง 225/45 R18 ในล้อหน้า และ 245/40 R18 กันชน หน้า-หลังและสเกิร์ตข้างเป็นดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling โคมไฟหน้าและหลังออกแบบโดยใช้เส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมใช้วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดในแง่รูปลักษณ์ และความรู้สึก
ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย ไฟหน้ายังคงเดิมแบบ LED มีให้เลือกถึง 2 แบบ เริ่มที่แบบ LED High Performance ในรุ่น Avantgarde และเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ในรุ่น AMG Dynamic ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติ หากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง โดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร
ภายในปรับตามบุคลิก เริ่มที่รุ่น Avantgarde จะมาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control พร้อมเบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO ส่วนรุ่น AMG Dynamic มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ท้ายตัดพร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control และเบาะนั่งหนังแท้สปอร์ต เบาะหลังของสามรุ่นนี้ยังสามารถพับลงได้แบบ 1/3 และ 2/3 อีกด้วย พร้อมระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย พร้อมกับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start) ให้เป็นออพชั่นมาตรฐาน พร้อมเทคโนโลยีระบบ All-Digital instrument display ที่ทำให้หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัล มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว (ของรุ่น AMG Dynamic) และยังสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic, Progressive และ Sporty ทุกรุ่น ยังมาพร้อมกับหน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยระบบ Touch pad ไม่ว่าจะเป็นระบบ Apple CarPlay™ ระบบถอยจอดแบบอัตโนมัติ หรือระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ในรุ่น AMG Dynamic
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ที่เป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น AMG Dynamic ระบบแผนที่นำทางที่ติดตั้งเฉพาะในรุ่น AMG Dynamic เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และยังเพิ่มออพชั่นใหม่ด้วยบริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเทคโนโลยีนี้มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการและฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
• Vehicle status ที่จะบอกสถานะความพร้อมของอะไหล่รถยนต์ และคอยประสานงานแจ้งเตือนทั้งทางลูกค้าและโชว์รูม
• Remote Service ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น
• Accident Recovery and break down management ปุ่มรูปโทรศัพท์ เพื่อช่วยเหลือ
ผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทั้งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เหตุฉุกเฉิน รถเสีย หรือสอบถามข้อมูลทั่วไปผ่านคอลเซ็นเตอร์
รวมถึงติดตั้งระบบล็อคฝากระโปรงท้ายแบบ Independent Boot Locking วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร Anthracite open-pore oak wood trim elements ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 3-Zone ระบบควบคุมการเปิด-ปิดระบบปรับอากาศแบบ Pre-entry Climate Control
ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (EQ Power) เจนเนอเรชั่นที่ 3 โดดเด่นในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Plug-In Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส M274 DE 20 AL 4 สูบ 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าพัฒนาใหม่เพิ่มพลังถึง 122 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะแรงม้าสูงสุด 320 แรงม้าที่ 4,500-5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงถึง 700 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9 G-Tronic ปล่อยค่า CO2 45 กรัม/กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.4 วินาที ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 50 กิโลเมตร
ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh มากกว่าเดิมถึง 111% ผสานกับประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 50 นาทีหากชาร์จด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด
พร้อมฟังก์ชั่นความปลอดภัยที่พัฒนาเพื่อให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารถยนต์พี่ใหญ่ Mercedes-Benz S-Class ยกระดับความปลอดภัยเชิงรุกของรถให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP®), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบ DYNAMIC SELECT คือแบบ Sport, Sport+ และ Comfort, นอกจากนั้นยังมีระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera) ที่มีเฉพาะในรุ่น Avantgarde โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น C 300 e Avantgarde รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 2,699,000 บาท
- รุ่น C 300 e AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 3,215,000 บาท
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลยังคงจำหน่ายเหมือนเดิมแต่มีความเป็นไปได้ว่าจะจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวนั่นคือรุ่น C 220 d Avantgarde
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com