อู้วโอ้ว...เปิดตัว Hypercar รุ่นใหม่ในไทย McLaren Elva ในราคาค่าตัวทะลุฟ้า 200 ล้านบาท
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 4 ก.พ. 65 00:00
- 6,347 อ่าน
"นิชคาร์ กรุ๊ป” ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์แมคลาเรนอย่างเป็นทางการ เพียงรายเดียวในประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัวรถ Hypercar รุ่นใหม่ McLaren Elva อย่างเป็นทางการ มีเพียง 149 คันทั่วโลก และจะมีอยู่ในประเทศไทยเพียง 2 คันเท่านั้น กับราคาที่ทะลุฟ้าในระดับ 200 ล้านบาท
McLaren Elva เป็น 1 ใน 5 ของรถในกลุ่ม Ultimate Series ของแมคลาเรน ต่อจากรุ่น F1 Road Car, P1, Senna และ Speedtail เปิดตัวในแบบ World Premier ช่วงปลายปี 2562 และสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการเป็นไฮเปอร์คาร์ 2 ที่นั่ง ไร้หลังคาและกระจกบังลมหน้า โครงสร้างแชสซีและตัวถังขึ้นรูปด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา
McLaren Elva ยังถือเป็นการฉลองสุดยอดผลงานการออกแบบของ “บรูซ แมคลาเรน” กับ McLaren M1A ที่ทำไว้ในปี ค.ศ. 1960 และรถแข่งในซีรีส์ “Group 7 McLaren” ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะ และนวัตกรรมซึ่งถูกนำมาปรับให้อยู่ในรูปแบบของยนตรกรรมเพื่อ “ผู้ขับขี่” ผสานหลักการออกแบบและวิศวกรรมยุคใหม่ของแมคลาเรน พัฒนาเป็นยนตรกรรมสำหรับท้องถนน (Road Car) ในปัจจุบัน
รถ Hypercar อย่าง McLaren Elva ใช้เครื่องยนต์แมคลาเรน V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ซึ่งเป็นขุมพลังตระกูลเดียวกับ McLaren Senna และ McLaren Senna GTR ที่สามารถขับพลังได้แรงสูงสุด 815 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ตัวเครื่องมีเพลาข้อเหวี่ยงแบบระนาบแบนระบบหล่อลื่นแบบบ่อพักแห้ง เพลาลูกเบี้ยว ก้านสูบ และลูกสูบที่น้ำหนักเบา ช่วยลดมวลในระบบส่งกำลังพร้อมเกียรต์ดูอัลคลัตซ์ 7 สปีด ทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อหลัง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. น้อยกว่า 3 วินาที และอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ยังทำได้เร็วกว่า McLaren Senna ด้วยเวลาเพียง 6.7 วินาที
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบ Active Air Management System (AAMS) เป็นครั้งแรกของโลกโดยระบบจะลำเลียงอากาศผ่านจมูกของตัวรถแล้วผันออกทางฝาครอบด้านหน้าด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะเหินขึ้นเหนือห้องผู้โดยสาร เพื่อสร้างบับเบิลที่เป็นเสมือนเกราะกำบังให้กับผู้โดยสาร โดยระบบ AAMS ประกอบด้วยช่องรับลมตรงกลางขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือสปลิตเตอร์ ช่องระบายอากาศของฝาครอบและตัวเบี่ยงลมคาร์บอนไฟเบอร์ที่สามารถยกขึ้นและลดระดับได้ในแนวตั้ง เมื่อ AAMS ทำงานอยู่ ตัวเบี่ยงลมบริเวณขอบของช่องระบายอากาศที่ฝาครอบด้านหน้าจะถูกยกขึ้น 150 มม. เพื่อสร้างพื้นที่แรงดันต่ำที่ช่องระบายอากาศ ซึ่งอากาศที่ถูกระบายออกมาจะถูกผันออกในรัศมี 130 องศาผ่านโครงข่ายของใบพัดตามขวางที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ติดตั้งอยู่ตลอดความยาวของฝาด้านหน้าคอยทำหน้าที่กระจายกระแสลมทั้งด้านหน้าและด้านข้างของห้องโดยสารและช่วยในการจัดการอากาศในห้องโดยสารด้วย สำหรับการขับขี่ในเมืองระบบ AASM จะปิดใช้งาน เนื่องจากระดับความเร็วของรถและการไหวของอากาศเข้าสู่ห้องโดยสารไม่ได้สูงมากแต่เมื่อความเร็วของรถเพิ่มขึ้น ระบบ AAMS จะทำงานโดยอัตโนมัติจนกว่าความเร็วจะลดลงส่งสัญญาณให้ตัวเบี่ยงลมหดกลับ แต่ผู้ขับก็สามารถกดปุ่มปิดระบบเองได้ด้วย แต่สำหรับเมืองไทยจะไม่มีการติดตั้งระบบนี้เข้ามา เนื่องจากต้องติดตั้งกระจกหน้าเข้าไป เพื่อให้สามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้
นอกเหนือจากระบบ AAMS แล้ว ขอบท้ายของ McLaren Elva ยังติดตั้งแอร์เบรกแบบแอ็คทีฟแบบเต็มความกว้างของรถ โดยความสูงและมุมของแอร์เบรกได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เกิดสมดุลอากาศที่เหมาะสมที่สุด ด้านเบาะนั่งของ McLaren Elva ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ ด้านกรอบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา รองรับศีรษะ ไหล่ และหลังของผู้โดยสาร ช่วยเปิดรับประสบการณ์การขับขี่อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เบาะนั่งจะสั้นกว่าเบาะนั่งของรถแมคลาเรนทั่วไปเล็กน้อย เพื่อทำให้มีพื้นที่พักเท้าเพียงพอสำหรับการยืนหรือช่วยอำนวยความสะดวกระหว่างการเข้า-ออกจากรถ ขณะเดียวกันลูกค้าสามารถเลือกสี และวัสดุของเบาะนั่งได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างส่วนบนที่เปิดโล่ง และส่วนล่างที่โอบล้อมปกป้องผู้โดยสารรวมถึงออพชั่นสายรัดนิรภัยแบบ 6 จุด หากต้องการนำไฮเปอร์คาร์คันนี้ไปใช้ในสนามแข่ง
McLaren Elva รถใหม่ 2022 เป็นรถเปิดประทุนโดยตัวถังแบบโมโนค็อกที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแรง สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งนี้ เพื่อลดน้ำหนักของรถให้มากที่สุด ระบบเครื่องเสียงจึงไม่ถูกจัดอยู่ในชุดอุปกรณ์พื้นฐานของ McLaren Elva แต่ลูกค้าสามารถสั่งทำพิเศษได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมส่วนตัวเลือกอื่นๆ ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ ระบบยกตัวรถ รวมถึงล้ออัลลอยฟอร์จ น้ำหนักเบาพิเศษ ลาย 5 ก้าน (เปลี่ยนได้จากล้อมาตรฐาน ลาย 10 ก้าน) รวมถึงเปลี่ยนยาง Pirelli P Zero™ เป็นยาง Pirelli P Zero™ Corsa สำหรับสนามแข่งได้
รถยนต์ใหม่ McLaren Elva จะผลิตขึ้นมาบนโลกนี้เพียง 149 คันเท่านั้น และประเทศไทยได้สิทธิ์ในการจองอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 คัน โดยเปิดราคาจำหน่ายอยู่ที่คันละ 200 ล้านบาท และตอนนี้มีการจองเข้ามาแล้วจำนวน 1 คัน ดังนั้นจะเหลือเพียง 1 คันเท่านั้นที่จะมีโอกาสเป็นเจ้าของได้ ใครสนใจคงต้องรีบหน่อยแล้ว
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com