เปิดตัวแล้ว ! รถใหม่ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 ในไทย ค่าตัวเริ่ม 1,419,000 บาท
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 20 มี.ค. 66 00:00
- 38,411 อ่าน
มาแล้วอเนกประสงค์ใหม่ที่หลาย ๆ คนรอคอย กับ Honda CR-V ใหม่ เจเนอเรชันที่ 6 หลังจากที่มีการเปิดตัวครั้งแรกในโลกไปไม่นานก่อนหน้านี้ ในที่สุดพร้อมแล้วสำหรับตลาดในประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันนี้ วันที่ 20 มีนาคม 2023 ช่วงเริ่มต้นงาน Motor Show 2023
โดยสำหรับการเปิดตัว Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 นี้ นับได้ว่าไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย เด่นมาด้วยขุมพลังการขับเคลื่อนระบบฟูลไฮบริด e:HEV ใน ซีอาร์-วี ใหม่ ผสานการทำงานอันทรงพลัง
ของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร ให้ลูกค้าได้เลือกตามต้องการ
รูปแบบภายในห้องโดยสารมีทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ติดตั้งมากับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย
ดีไซน์ภายนอกใหม่หมดสปอร์ตขึ้นกว่าเคย ไม่ว่าจะเป็น
• กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E)
• กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
• ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
• ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
• ไฟท้ายแบบ LED
• เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
• สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบ
ปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close)
• เสาอากาศครีบฉลาม
• ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่
• ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
นอกจากนี้ยังมีทางเลือกในรุ่น RS ครั้งแรก แตกต่างด้วย (รุ่น e:HEV RS 4WD)
• เสริมเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า
• กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black
• กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ
• ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ
• คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black
• ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
• สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black
• เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black
• ล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ต
ส่วนของภายในห้องโดยสาร เน้นใช้วัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์
ในการใช้งาน โดดเด่นด้วยชุดตกแต่งภายในที่พรีเมียม แตกต่างกันในแต่ละรุ่น
ลุคสปอร์ตพรีเมียมเต็มขั้นกับรุ่น RS (รุ่น e:HEV RS 4WD)
• ชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black
• เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
• พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
• แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม* อาทิ
• ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ พร้อม Honda Smart Key Card (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
• ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat)
• ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่งเป็นครั้งแรกใน ซีอาร์-วี อาทิ ถาดคอนโซลกลาง แผงประตูหน้าและหลัง และที่วางแก้ว
• ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (รุ่น e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD)
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone (เฉพาะรุ่น
e:HEV RS 4WD)
• ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 (เฉพาะรุ่น EL 4WD)
• ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส
พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับ
การใช้งานที่หลากหลาย พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขวาง
• เบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Sliding) เลื่อนและแยกพับแบบ 60:40
• รุ่นเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน สามารถปรับพับลงแนวราบได้เรียบ (Utility Mode) ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
• รุ่นเบาะโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง (เฉพาะรุ่น EL 4WD) สามารถปรับพับเบาะด้านหลังแถวที่ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้ายในขณะที่ผู้โดยสารแถว 2 สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย หรือปรับพับเบาะทั้งแถวที่ 2 และ 3 ลงแนวราบ (Utility Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลังทั้งแถวที่ 2 และ 3 (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์แบบสมาร์ต กับหลากหลายเทคโนโลยีอันล้ำสมัย*
• ใหม่ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
• ใหม่ ระบบเครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
• ใหม่ ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
• ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
• มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว (ยกเว้นรุ่น E ขนาด 7 นิ้ว)
• อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
• ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง)
ด้านของขุมกำลังเครื่องยนต์ Honda CR-V ใหม่ มาพร้อม 2 ทางเลือกขับเคลื่อน
- ครั้งแรกกับระบบฟูลไฮบริด e:HEV ใน ซีอาร์-วี ใหม่ ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว
พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 2,000 รอบต่อนาที มอบอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร* (รุ่น e:HEV ES) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัม/กิโลเมตร
โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
พร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)
ขับสนุก อัตราเร่งเร้าใจ สไตล์สปอร์ต กับขุมพลังเทอร์โบ
และอีกทางลเอกกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85
ด้านของระบบความปลอดภัย Honda SENSING ที่ผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
-ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ครั้งแรกกับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
และยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ
• ใหม่ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (ยกเว้นรุ่น E)
• ใหม่ เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด
• ใหม่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
• ใหม่ ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL)
• ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
• ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
• ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV ES และ
e:HEV RS 4WD)
• ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)
Honda CR-V ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 6 นี้ มาพร้อมกับรุ่นย่อยให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ดังนี้
เครื่องยนต์ระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่
• รุ่น e:HEV RS 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,729,000 บาท
• รุ่น e:HEV ES 5 ที่นั่ง ราคา 1,589,000 บาท
เครื่องยนต์เทอร์โบ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่
• รุ่น EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,649,000 บาท
• รุ่น ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,599,000 บาท
• รุ่น E 5 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com