Honda CR-V Facelift เอกลักษณ์ใหม่หล่อแกร่งและพรีเมียมแห่งยนตรกรรมเอสยูวี เริ่ม 1.369 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 13 ก.ค. 63 00:00
- 6,543 อ่าน
หลังเปิดตัวไปเมื่อปีกลายสำหรับ Honda CR-V รุ่นปรับโฉม ที่เปลี่ยนความหล่อใหม่ให้สมสมัยมากขึ้นที่อเมริกาและล่าสุดเมมืองไทยเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียทีกับสปอร์ตเอสยูวียอดนิยม
ดีไซน์ภายนอกตอกย้ำความสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมยิ่งขึ้น ตั้งแต่ชุดกันชนหน้าดีไซน์ ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแบบ Honda’s Solid Wing Grille design ใหม่ แบบ Gloss Black พร้อมขอบโครเมี่ยม กับไฟหน้าแบบ FULL LED มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light - DRL) พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทาง พร้อมกันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและไฟท้ายรมดำ Full LED รูปตัว L-shaped พร้อมกันชนหลังดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยลายเข้มมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 235 / 65 R17 ขนาด 18 นิ้วลายใหม่ พร้อมยาง 235/60/R18 ใหม่ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา
ภายในหรูด้วยพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยลายไม้และวัสดุสีดำ Piano Black มีทั้งแบบเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ (ควบคุมด้วยรีโมท) (Auto Foldable Side Door Mirror) ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) (ทุกรุ่น) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา i-Dual Zone และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 (รุ่น 7 ที่นั่ง) เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันล้ำสมัย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น 4WD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ควบคุมทุกการสั่งงานได้อย่างง่ายดายผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น
พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และทุกการใช้งาน ด้วยฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) (ทุกรุ่น) สะดวกสบายด้วยการควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมท และปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ ดีไซน์ทุกพื้นที่การใช้งานได้ด้วยเบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมด้วยช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้ถึง 3 แบบ
แรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 2.4 ลิตร รหัส K24V5 กำลังมากสุด 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT เป็นทางเลือกสำหรับคนชอบความแรง และยังรองรับ E85 ได้ เลือได้ทั้งแบบเลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD Real-Time AWD และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ I-DTEC VGT ขนาด 1.6 ลิตร รหัส N16A4 ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดแบบ ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) พร้อมระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา (Idle Stop System)ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.9 กิโลเมตร/ลิตร โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD Real-Time AWD ทำงานโดยเปลี่ยนการควบคุมการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วพร้อมกับให้แรงบิดที่ล้อหลังสูงขึ้น อีกทั้งเพิ่มความแม่นยำของการปรับแรงบิดที่ล้อหน้าและล้อหลังให้สมดุล
มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้แก่ ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
และยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) (ทุกรุ่น) ตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist) อีกทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold) ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ Dual i-SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
Honda CR-V Facelift มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล
(เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และมีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้
• เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,759,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 60,000 บาท)
• เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 30,000 บาท)
• เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
• เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 30,000 บาท)
• เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S 5 ที่นั่ง ราคา 1,369,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com